ปกติจะตั้งแต่กระทู้คำถาม วันนี้ครึ้มใจเนื่องจากมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วเมื่อ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา
เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การยื่นเอกสารจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติที่กทม.จ้า
เรื่องคือ คุณแฟนต้องย้ายไปทำงาน ตปท. แล้วประเทศที่เค้าไปเนี่ยะ เข้มงวดในเรื่องของวีซ่า
เราไม่สามารถจะตามไปอยู่ด้วยเฉยๆ ได้ ประกอบกับเราก็ลูกมีพ่อ มีแม่ จะให้หอบผ้าตามกันไป
ก็ใช่เรื่อง ให้เวลาพ่อคุณไปคิด ไม่ถึงวัน กลับมาบอกว่าไม่อยากอยู่โดยที่ไม่มีเรา เลยตัดสินใจแต่งงานกัน (ฮิ้วววววววว)
งานแต่งงานคุยกันไว้ที่ ธันวา แต่ว่าการทำเรื่องวีซ่าต้องใช้เวลานานมาก เราเลยตกลงกันว่าจะจดทะเบียนสมรสกันก่อน
ตอนแรก อ่านทั้งกระทู้ อ่านทั้งบล็อก กลัวไปหมด ทำไมฟังดูวุ่นวาย ทำไมฟังดูลำบาก เลยโทรไปถามศูนย์การแปลว่า
จะให้เค้าช่วย ถ้าไปทำกับศูนย์การแปล ราคาจะอยู่ประมาณ 8,000 - 12,000 แล้วแต่ความรีบของคนจะจดทะเบียน
ว่าอยากได้เร็วแค่ไหน หรือว่าจะใช้บริการเป็นช่วงๆ ก็ลองโทรถามกันดู
ของเราตอนคุยกัน พ่อคุณบอกว่าอยากทำเองหมด ครั้งหนึ่งในชีวิต เราก็ถามว่าจะไหวเหรอ เพราะว่าเราต้องเก็บวันลา
ไว้ตอนงานแต่ง ไม่สามารถไปช่วยเค้าวิ่งเอกสารได้ เค้าก็ได้ๆๆๆ มาถึง กทม. วันศุกร์ตอนเช้า เก็บของเสร็จก็ตรงไป
สถานทูต เพื่อขอ ใบรับรองความโสด (Affirmation of freedom to marry)
เอกสารตัวนี้ขอได้ที่สถานทูตอังกฤษที่ประเทศไทยได้ที่เดียวนะคะ ไม่สามารถขอที่อังกฤษ หรือประเทศอื่นได้
(ประสบการณ์ตรง ให้พ่อคุณโทรไปถามสถานกงสุลของเค้าที่อังกฤษและสถานทูตอังกฤษในประเทศที่เค้าทำงานอยู่
ทั้งสองที่ตอบมาเหมือนกันจ้า) เราเป็นพวกตื่นตระหนกเลยบอกให้คุณแฟนไปแต่เช้า เค้าก็ไป ไปถึงก็มีการตรวจตัว ตรวจกระเป๋า ฝากเครื่องมือสื่อสาร หลังจากนั้น ก็ไม่ต้องรอนาน ใช้เวลาทั้งหมด 40 นาทีในการยื่นคำร้อง กรอกเอกสาร และได้ตัวเอกสารมา ฮีมาคุยว่า it's British efficiency ชิ๊ โชคดีหล่ะซิไม่ว่า
หลังจากนั้นก็ต้องเอาเอกสารไปแปล เพื่อจะไปตรวจลงตราที่สถานกงสุล ตอนแรกฮีบอกว่าจะไปยื่นเอง แต่พอรู้ว่า
สถานกงสุลอยู่ไหน (ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ) บอกไม่อาว ไม่ไป ไกลมากกกกกกกกกก สุดท้ายเลยให้ ศูนย์แปลภาษา
เค้าดำเนินเรื่องให้ ให้เอกสารทางศูนย์ไปวันศุกร์บ่าย ได้กลับมาวันอังคารบ่าย สิ่งที่ได้กลับมาคือ ใบรับรองความโสด ภาษาอังกฤษต้นฉบับที่ให้เค้าไป และฉบับแปลที่ได้รับการรับรองจากกรมการกงสุลแล้ว หลังจากนั้นเราก็โทรไปที่สำนักงานเขตบางรัก เพื่อเช็คว่าเอกสารที่ทางเขตต้องการเรามีครบไหม คุยกันเจ้าหน้าที่ทางเขตบอกว่าให้เอาพยานมา 2 คนด้วยนะคะ คือ จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีไป เจ้าหน้าที่ที่เขตก็เป็นพยานให้ได้ แต่ว่าเราอยากได้คนที่เรารักเป็นพยานในเอกสารสำคัญในชีวิตเรา เราก็เลยโทรไปลากแม่ลูกอ่อนเพื่อนรักมาได้ 2 คน หมดปัญหาเรื่องพยานไป
วันนี้ (วันพุธ) เราตื่นแต่ตี 5 นอนไม่หลับ ตื่นเต้นจะได้มีสามีเป็นของตนเองแล้ว 555 ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว ก่อนออกจากบ้านโทรปลุกพยานทั้ง 2 พยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตื่นเช้ากว่าปกติให้เพื่อน คือที่ไปเขตบางรักไม่ใช่แค่เพราะว่าชื่อเป็นมงคล แต่เนื่องจากว่าเพื่อนที่เคยทำงานเกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรสให้กับชาวต่างชาติที่มาแต่งงานในไทยบ่อยๆ แนะนำว่าเขตบางรักนี่ขึ้นชื่อในการจดทะเบียนให้ชาวต่างชาติมากสุดใน กทม. จนท. จะรู้ขั้นตอนและเอกสารเป็นอย่างดี พอเราไปถึงประมาณ 08.30 ก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แล้วเค้าก็จะให้เรากรอกฟอร์มเป็นภาษาไทยเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของแฟน และของเรา (ก็ลอกเอาจากใบรับรองโสดที่แปลเป็นภาษาไทยนั่นแหละ) และตรวจทานเอกสาร จากนั้นก็รอเรียกคิว ความที่ไปเช้ามาได้เป็นคิวแรก แต่พยานยังมากันไม่ถึงก็เลยนั่งรอ ระหว่างรอ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่างั้นเอาเลขที่บัตรประชาชน พร้อมชื่อของพยานมาก่อน จะไปพิมพ์เอกสารให้ก่อน พอพยานมาถึงก็ตรวจทานข้อมูลอีกทีแล้ว จดทะเบียนสมรสเลย หลังจากจดเสร็จก็ต้องไปหานายทะเบียนที่เป็นคนสุดท้ายในการเซ็นต์และตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ แล้วก็ให้เราเอา คร. 2 (เอกสารราชการยืนยันการสมรส) ไปถ่ายเอกสาร 4 ชุดเพื่อเอามาประทับตรา แต่อย่างที่บอกเราเป็นพวกตื่นตระหนก เลยถ่ายมา 6 ชุด เผื่อทำหายยังมีสำรอง 555 จากนั้นก็ถ่ายรูปตามระเบียบไป
จดทะเบียนสมรสเสร็จ เอกสารที่เราจะได้คือใบ คร.2 + คร.3 เป็นเอกสารมีกรอบสีชมพูสวยงามกับเอกสารราชการ ได้กันคนละชุดระหว่างสามีกับภรรยา เจ้าหน้าที่ถามว่าอยากได้มีสมุดปกแข็งใส่ทะเบียนสมรสไหม จริงๆ จะมี 2 สี คือ สีน้ำเงินกับสีแดง แต่สีน้ำเงินหมด เราเลยได้ สีแดงไป
ในกรณีที่อยากใช้นามสกุลสามี ก็ต้องบอก จนท. ตอนจดทะเบียนสมรส แล้วเค้าจะมีหนังสือรับรองเพิ่มมาให้อีกฉบับ ถ้าหากจดทะเบียนที่เขตที่ทะเบียนบ้านของเราอยู่ สามารถยื่นเรื่องต่อได้เลย แต่ว่าเราไม่ได้อยู่ในเขตบางรัก เลยต้องต้องรีบกลับไปที่เขตบ้านของตัวเอง แจ้งกับประชาสัมพันธ์ แล้วเค้าจะให้เราไปแผนกทะเบียนทั่วไปเพื่อเปลี่ยนชื่อ ถ้าอยากเก็บนามสกุลเดิมไว้ ต้องบอก จนท. ด้วยว่าขอทำเรื่องมีชื่อรองด้วย จากนั้น จนท. จะดู คร. 2 และหนังสือรับรองพร้อมทำเรื่องให้ ตอนจบก็จะได้หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล และ หนังสำคัญแสดงการตั้งชื่อรอง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนชื่อในทะเบียนบ้าน และให้เราทำบัตรประชาชนใหม่
หลังจากได้บัตรใหม่มา คู่ข้าวใหม่ปลามันก็วิ่งกันหัวซุนไปกรมการกงสุล เพื่อจะขอพาสปอร์ตใหม่ให้เราเพราะว่าเปลี่ยนชื่อสกุลแล้ว และไหนๆ ก็ไปแล้ว เอาทะเบียนสมรสไปรับรองด้วยเลยแล้วกันในคราวเดียว ไปถึงกรมการกงสุลประมาณ ก่อนบ่ายโมงนิดหน่อย ตรงไปศูนยแปลเอกสารของกรมการกงสุล อยู่ชั้น 2 ขึ้นบันไดเลื่อนมาเห็นเลย อยู่ติดกับประชาสัมพันธ์ เอกสารแปลของเราครั้งนี้มี ทะเบียนสมรส ทั้ง คร.2 และ คร. 3 หนังสือเปลี่ยนชื่อสกุล และ หนังสือการตั้งชื่อรอง เสร็จแล้วก็ปล่อยคุณซะมีไว้ข้างนอก ส่วนเราก็เข้าไปทำพาสปอร์ต ซึ่งอยู่บนชั้น 2 เหมือนกัน ขั้นตอนก็จะมีการวัดความสูง จากนั้นก็ไปเข้าช่องที่มี จนท. บริการ ตามหมายเลขที่ได้มา ทุกอย่าง ราบรื่นมาก จนกระทั่งตรวจเอกสารขั้นสุดท้าย เราเห็นว่าความสูงของการทำพาสปอร์ตครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วไป 3 เซ็นต์ คือว่าจะว่าเยอะก็เยอะ เพราะว่าเกิดไปเจอสถานทูตเรื่องมาก อาจจะมีปัญหาได้ เลยมีการสนทนากันเล็กน้อยสุดท้ายก็จบลงด้วยดีแบบรำคาญใจเล็กๆ สุดท้ายก็ไปจ่ายค่าทำพาสปอร์ต ในกรณีที่ไม่สามารถมารับเองได้ สามารถให้ทางกรมการกงสุลส่งไปรษณีย์มาที่บ้านได้เลย ถ้าหากเลือกวิธีส่งไปรษณีย์ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบ้นที่ใช้อยู่จะต้องถูกยกเลิกในตอนที่จ่ายเงินเลย เราทำวันพุธบ่าย จนท. บอกว่าไม่น่าจะเกินพุธหน้าน่าจะได้รับพาสปอร์ตเล่มใหม่
เสร็จจากพาสปอร์ตก็ไปรับเอกสารแปล แล้วก็ขึ้นบันไดไปชั้น 3 กองสัญชาติและนิติกรณ์ เพื่อยื่นเรื่องขอรับรองหนังสือที่แปลมา เนื่องจากเอกสารส่วนใหญ่เป็นของเรา จนท. เลยให้กรอกคำร้องเป็นภาษาไทย พร้อมได้รับคำแนะนำว่า คร.2 นั้นถ้าจะเอาไปยื่นขอวีซ่าให้รับรองทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษคู่กันไป หลังจากนั้นรับบัตรคิว รอคิว แล้วนำเอกสารไปให้ จนท. ตรวจเอกสารดู จนท. จะขอดูเอกสารตัวจริงด้วย แต่จะไม่เก็บเอาไว้ จากนั้น จ่ายตังค์ ค่าธรรมเนียม และ รอรับใบเสร็จ กรมการกงสุลก็มีบริการด่วนพิเศษ คือเจ้าของเรื่องจะต้องมายื่นเรื่องตอน 8 โมงเช้า แล้วสามารถรับเอกสารไปได้ตอนบ่าย (4-5 ชม. หลังจากยื่นเรื่อง) แต่คุณสามีบอกยังไงก็ต้องมาอยู่ดี ขี้เกียจรอไม่มีไรทำเลยยื่นแบบธรรมดาเรายื่นเอกสารวันพุธบ่าย สามารถรับคืนได้วันศุกร์เช้า หลัง 9 โมงเช้า
รายละเอียดเอกสาร และค่าใช้จ่าย
1.
ขอใบรับรองโสด ที่สถานทูตอังกฤษ - คุณสามีเตรียม พาสปอร์ต, decree of absolute (เคยแต่งงานมาก่อน ต้องเอาใบนี้มายืนยันว่าหย่าแล้ว) และ แบบฟอร์มขอใบรับรองโสด -
https://www.gov.uk/government/publications/affirmation-of-freedom-to-marry-in-thaliand
ค่าเสียหาย 3,400 บาท
2.
แปลเอกสารและรับรองใบรับรองโสด - หนังสือรับรองโสดตัวจริง, สำเนาพาสปอร์ตของสามี, ใบคำร้องขอการรับรองจากกงสุล, ค่าเสียหาย 1,600 บาท
3.
จดทะเบียนสมรส
ต่างชาติ - ใบรับรองความโสดฉบับจริงและฉบับแปลที่รับรองโดยกงสุลแล้ว+ถ่ายเอกสาร 2 ชุด, พาสปอร์ต+ถ่ายเอกสารหน้าที่มีรูปใบหน้า 2 ชุด, ถ่ายเอกสารหน้าที่มีการประทับตราการเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งล่าสุด 2 ชุด
คนไทย - บัตรประจำตัวประชาชน+สำเนา 2 ชุด, ทะเบียนบ้าน + สำเนา 2 ชุด, ถ้าเคยเปลี่ยนชื่อต้องมีเอกสารการเปลี่ยนชื่อพร้อมสำเนายื่นประกอบด้วย
พยาน - บัตรประจำตัวประชาชน+ถ่ายเอกสาร 1 ชุด
ค่าธรรมเนียม 40 บาท
เพิ่มเติม - ราคาปกใส่ทะเบียนสมรส 450 บาท
4.
เปลี่ยนชื่อ + ขอตั้งชื่อรอง + ทำบัตรประชาชนใหม่ + เปลี่ยนชื่อในทะเบียนบ้าน - บัตรประจำตัวประชาชน+สำเนา 2 ชุด, ทะเบียนบ้าน + สำเนา 2 ชุด, คร. 2 + ใบรับรองการเปลี่ยนชื่อ + สำเนา 2 ชุด
ค่าธรรมเนียมในการทำบัตรประชาชนใหม่ 20 บาท
5.
พาสปอร์ต - พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน (ถ้ามี), บัตรประจำตัวประชาชน+สำเนา 1 ชุด, ทะเบียนบ้าน + สำเนา 1 ชุด, คร. 2 + ใบรับรองการเปลี่ยนชื่อ + สำเนา 1 ชุด, หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล + สำเนา 1 ชุด, หนังสำคัญแสดงการตั้งชื่อรอง + สำเนา 1 ชุด และสำเนาพาสปอร์ตของสามี 1 ชุด
ค่าพาสปอร์ต 1,000 บาท
ค่าส่งไปรษณีย์ 40 บาท
6.
แปลเอกสารและรับรองหนังสือที่กรมการกงสุล - ค่าแปลเอกสาร สามารถเช็คได้ที่หน้าร้านค่ะ ราคามีตั้งแต่ 200-800 บาท, อัตราค่ารับรองหนังสือดูได้ที่นี่ค่ะ
http://www.consular.go.th/main/th/services/1303
พิมพ์มาซะยาว หวังว่าคนอ่านคงไม่งงนะคะ
แท็ก
โต๊ะแป้ง - แต่งงาน ตรงๆ ค่ะ
ชานเรื่อน - ครอบครัว เกี่ยวนิดๆ แหละ แต่งงานมีครอบครัวไรงี๊
ไกลบ้าน - หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการนี้จะไปเป็นแม่บ้านต่างแดนค่ะ, ทะเบียนสมรสเป็นเอกสารสำคัญในการขอวีซ่าประเภท family reunion ค่ะ
edited - เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ
ขอแชร์ประสบการณ์แต่งซะมีต่างด้าวจ้า
เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การยื่นเอกสารจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติที่กทม.จ้า
เรื่องคือ คุณแฟนต้องย้ายไปทำงาน ตปท. แล้วประเทศที่เค้าไปเนี่ยะ เข้มงวดในเรื่องของวีซ่า
เราไม่สามารถจะตามไปอยู่ด้วยเฉยๆ ได้ ประกอบกับเราก็ลูกมีพ่อ มีแม่ จะให้หอบผ้าตามกันไป
ก็ใช่เรื่อง ให้เวลาพ่อคุณไปคิด ไม่ถึงวัน กลับมาบอกว่าไม่อยากอยู่โดยที่ไม่มีเรา เลยตัดสินใจแต่งงานกัน (ฮิ้วววววววว)
งานแต่งงานคุยกันไว้ที่ ธันวา แต่ว่าการทำเรื่องวีซ่าต้องใช้เวลานานมาก เราเลยตกลงกันว่าจะจดทะเบียนสมรสกันก่อน
ตอนแรก อ่านทั้งกระทู้ อ่านทั้งบล็อก กลัวไปหมด ทำไมฟังดูวุ่นวาย ทำไมฟังดูลำบาก เลยโทรไปถามศูนย์การแปลว่า
จะให้เค้าช่วย ถ้าไปทำกับศูนย์การแปล ราคาจะอยู่ประมาณ 8,000 - 12,000 แล้วแต่ความรีบของคนจะจดทะเบียน
ว่าอยากได้เร็วแค่ไหน หรือว่าจะใช้บริการเป็นช่วงๆ ก็ลองโทรถามกันดู
ของเราตอนคุยกัน พ่อคุณบอกว่าอยากทำเองหมด ครั้งหนึ่งในชีวิต เราก็ถามว่าจะไหวเหรอ เพราะว่าเราต้องเก็บวันลา
ไว้ตอนงานแต่ง ไม่สามารถไปช่วยเค้าวิ่งเอกสารได้ เค้าก็ได้ๆๆๆ มาถึง กทม. วันศุกร์ตอนเช้า เก็บของเสร็จก็ตรงไป
สถานทูต เพื่อขอ ใบรับรองความโสด (Affirmation of freedom to marry)
เอกสารตัวนี้ขอได้ที่สถานทูตอังกฤษที่ประเทศไทยได้ที่เดียวนะคะ ไม่สามารถขอที่อังกฤษ หรือประเทศอื่นได้
(ประสบการณ์ตรง ให้พ่อคุณโทรไปถามสถานกงสุลของเค้าที่อังกฤษและสถานทูตอังกฤษในประเทศที่เค้าทำงานอยู่
ทั้งสองที่ตอบมาเหมือนกันจ้า) เราเป็นพวกตื่นตระหนกเลยบอกให้คุณแฟนไปแต่เช้า เค้าก็ไป ไปถึงก็มีการตรวจตัว ตรวจกระเป๋า ฝากเครื่องมือสื่อสาร หลังจากนั้น ก็ไม่ต้องรอนาน ใช้เวลาทั้งหมด 40 นาทีในการยื่นคำร้อง กรอกเอกสาร และได้ตัวเอกสารมา ฮีมาคุยว่า it's British efficiency ชิ๊ โชคดีหล่ะซิไม่ว่า
หลังจากนั้นก็ต้องเอาเอกสารไปแปล เพื่อจะไปตรวจลงตราที่สถานกงสุล ตอนแรกฮีบอกว่าจะไปยื่นเอง แต่พอรู้ว่า
สถานกงสุลอยู่ไหน (ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ) บอกไม่อาว ไม่ไป ไกลมากกกกกกกกกก สุดท้ายเลยให้ ศูนย์แปลภาษา
เค้าดำเนินเรื่องให้ ให้เอกสารทางศูนย์ไปวันศุกร์บ่าย ได้กลับมาวันอังคารบ่าย สิ่งที่ได้กลับมาคือ ใบรับรองความโสด ภาษาอังกฤษต้นฉบับที่ให้เค้าไป และฉบับแปลที่ได้รับการรับรองจากกรมการกงสุลแล้ว หลังจากนั้นเราก็โทรไปที่สำนักงานเขตบางรัก เพื่อเช็คว่าเอกสารที่ทางเขตต้องการเรามีครบไหม คุยกันเจ้าหน้าที่ทางเขตบอกว่าให้เอาพยานมา 2 คนด้วยนะคะ คือ จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีไป เจ้าหน้าที่ที่เขตก็เป็นพยานให้ได้ แต่ว่าเราอยากได้คนที่เรารักเป็นพยานในเอกสารสำคัญในชีวิตเรา เราก็เลยโทรไปลากแม่ลูกอ่อนเพื่อนรักมาได้ 2 คน หมดปัญหาเรื่องพยานไป
วันนี้ (วันพุธ) เราตื่นแต่ตี 5 นอนไม่หลับ ตื่นเต้นจะได้มีสามีเป็นของตนเองแล้ว 555 ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว ก่อนออกจากบ้านโทรปลุกพยานทั้ง 2 พยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตื่นเช้ากว่าปกติให้เพื่อน คือที่ไปเขตบางรักไม่ใช่แค่เพราะว่าชื่อเป็นมงคล แต่เนื่องจากว่าเพื่อนที่เคยทำงานเกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรสให้กับชาวต่างชาติที่มาแต่งงานในไทยบ่อยๆ แนะนำว่าเขตบางรักนี่ขึ้นชื่อในการจดทะเบียนให้ชาวต่างชาติมากสุดใน กทม. จนท. จะรู้ขั้นตอนและเอกสารเป็นอย่างดี พอเราไปถึงประมาณ 08.30 ก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แล้วเค้าก็จะให้เรากรอกฟอร์มเป็นภาษาไทยเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของแฟน และของเรา (ก็ลอกเอาจากใบรับรองโสดที่แปลเป็นภาษาไทยนั่นแหละ) และตรวจทานเอกสาร จากนั้นก็รอเรียกคิว ความที่ไปเช้ามาได้เป็นคิวแรก แต่พยานยังมากันไม่ถึงก็เลยนั่งรอ ระหว่างรอ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่างั้นเอาเลขที่บัตรประชาชน พร้อมชื่อของพยานมาก่อน จะไปพิมพ์เอกสารให้ก่อน พอพยานมาถึงก็ตรวจทานข้อมูลอีกทีแล้ว จดทะเบียนสมรสเลย หลังจากจดเสร็จก็ต้องไปหานายทะเบียนที่เป็นคนสุดท้ายในการเซ็นต์และตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ แล้วก็ให้เราเอา คร. 2 (เอกสารราชการยืนยันการสมรส) ไปถ่ายเอกสาร 4 ชุดเพื่อเอามาประทับตรา แต่อย่างที่บอกเราเป็นพวกตื่นตระหนก เลยถ่ายมา 6 ชุด เผื่อทำหายยังมีสำรอง 555 จากนั้นก็ถ่ายรูปตามระเบียบไป
จดทะเบียนสมรสเสร็จ เอกสารที่เราจะได้คือใบ คร.2 + คร.3 เป็นเอกสารมีกรอบสีชมพูสวยงามกับเอกสารราชการ ได้กันคนละชุดระหว่างสามีกับภรรยา เจ้าหน้าที่ถามว่าอยากได้มีสมุดปกแข็งใส่ทะเบียนสมรสไหม จริงๆ จะมี 2 สี คือ สีน้ำเงินกับสีแดง แต่สีน้ำเงินหมด เราเลยได้ สีแดงไป
ในกรณีที่อยากใช้นามสกุลสามี ก็ต้องบอก จนท. ตอนจดทะเบียนสมรส แล้วเค้าจะมีหนังสือรับรองเพิ่มมาให้อีกฉบับ ถ้าหากจดทะเบียนที่เขตที่ทะเบียนบ้านของเราอยู่ สามารถยื่นเรื่องต่อได้เลย แต่ว่าเราไม่ได้อยู่ในเขตบางรัก เลยต้องต้องรีบกลับไปที่เขตบ้านของตัวเอง แจ้งกับประชาสัมพันธ์ แล้วเค้าจะให้เราไปแผนกทะเบียนทั่วไปเพื่อเปลี่ยนชื่อ ถ้าอยากเก็บนามสกุลเดิมไว้ ต้องบอก จนท. ด้วยว่าขอทำเรื่องมีชื่อรองด้วย จากนั้น จนท. จะดู คร. 2 และหนังสือรับรองพร้อมทำเรื่องให้ ตอนจบก็จะได้หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล และ หนังสำคัญแสดงการตั้งชื่อรอง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนชื่อในทะเบียนบ้าน และให้เราทำบัตรประชาชนใหม่
หลังจากได้บัตรใหม่มา คู่ข้าวใหม่ปลามันก็วิ่งกันหัวซุนไปกรมการกงสุล เพื่อจะขอพาสปอร์ตใหม่ให้เราเพราะว่าเปลี่ยนชื่อสกุลแล้ว และไหนๆ ก็ไปแล้ว เอาทะเบียนสมรสไปรับรองด้วยเลยแล้วกันในคราวเดียว ไปถึงกรมการกงสุลประมาณ ก่อนบ่ายโมงนิดหน่อย ตรงไปศูนยแปลเอกสารของกรมการกงสุล อยู่ชั้น 2 ขึ้นบันไดเลื่อนมาเห็นเลย อยู่ติดกับประชาสัมพันธ์ เอกสารแปลของเราครั้งนี้มี ทะเบียนสมรส ทั้ง คร.2 และ คร. 3 หนังสือเปลี่ยนชื่อสกุล และ หนังสือการตั้งชื่อรอง เสร็จแล้วก็ปล่อยคุณซะมีไว้ข้างนอก ส่วนเราก็เข้าไปทำพาสปอร์ต ซึ่งอยู่บนชั้น 2 เหมือนกัน ขั้นตอนก็จะมีการวัดความสูง จากนั้นก็ไปเข้าช่องที่มี จนท. บริการ ตามหมายเลขที่ได้มา ทุกอย่าง ราบรื่นมาก จนกระทั่งตรวจเอกสารขั้นสุดท้าย เราเห็นว่าความสูงของการทำพาสปอร์ตครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วไป 3 เซ็นต์ คือว่าจะว่าเยอะก็เยอะ เพราะว่าเกิดไปเจอสถานทูตเรื่องมาก อาจจะมีปัญหาได้ เลยมีการสนทนากันเล็กน้อยสุดท้ายก็จบลงด้วยดีแบบรำคาญใจเล็กๆ สุดท้ายก็ไปจ่ายค่าทำพาสปอร์ต ในกรณีที่ไม่สามารถมารับเองได้ สามารถให้ทางกรมการกงสุลส่งไปรษณีย์มาที่บ้านได้เลย ถ้าหากเลือกวิธีส่งไปรษณีย์ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบ้นที่ใช้อยู่จะต้องถูกยกเลิกในตอนที่จ่ายเงินเลย เราทำวันพุธบ่าย จนท. บอกว่าไม่น่าจะเกินพุธหน้าน่าจะได้รับพาสปอร์ตเล่มใหม่
เสร็จจากพาสปอร์ตก็ไปรับเอกสารแปล แล้วก็ขึ้นบันไดไปชั้น 3 กองสัญชาติและนิติกรณ์ เพื่อยื่นเรื่องขอรับรองหนังสือที่แปลมา เนื่องจากเอกสารส่วนใหญ่เป็นของเรา จนท. เลยให้กรอกคำร้องเป็นภาษาไทย พร้อมได้รับคำแนะนำว่า คร.2 นั้นถ้าจะเอาไปยื่นขอวีซ่าให้รับรองทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษคู่กันไป หลังจากนั้นรับบัตรคิว รอคิว แล้วนำเอกสารไปให้ จนท. ตรวจเอกสารดู จนท. จะขอดูเอกสารตัวจริงด้วย แต่จะไม่เก็บเอาไว้ จากนั้น จ่ายตังค์ ค่าธรรมเนียม และ รอรับใบเสร็จ กรมการกงสุลก็มีบริการด่วนพิเศษ คือเจ้าของเรื่องจะต้องมายื่นเรื่องตอน 8 โมงเช้า แล้วสามารถรับเอกสารไปได้ตอนบ่าย (4-5 ชม. หลังจากยื่นเรื่อง) แต่คุณสามีบอกยังไงก็ต้องมาอยู่ดี ขี้เกียจรอไม่มีไรทำเลยยื่นแบบธรรมดาเรายื่นเอกสารวันพุธบ่าย สามารถรับคืนได้วันศุกร์เช้า หลัง 9 โมงเช้า
รายละเอียดเอกสาร และค่าใช้จ่าย
1. ขอใบรับรองโสด ที่สถานทูตอังกฤษ - คุณสามีเตรียม พาสปอร์ต, decree of absolute (เคยแต่งงานมาก่อน ต้องเอาใบนี้มายืนยันว่าหย่าแล้ว) และ แบบฟอร์มขอใบรับรองโสด - https://www.gov.uk/government/publications/affirmation-of-freedom-to-marry-in-thaliand
ค่าเสียหาย 3,400 บาท
2. แปลเอกสารและรับรองใบรับรองโสด - หนังสือรับรองโสดตัวจริง, สำเนาพาสปอร์ตของสามี, ใบคำร้องขอการรับรองจากกงสุล, ค่าเสียหาย 1,600 บาท
3. จดทะเบียนสมรส
ต่างชาติ - ใบรับรองความโสดฉบับจริงและฉบับแปลที่รับรองโดยกงสุลแล้ว+ถ่ายเอกสาร 2 ชุด, พาสปอร์ต+ถ่ายเอกสารหน้าที่มีรูปใบหน้า 2 ชุด, ถ่ายเอกสารหน้าที่มีการประทับตราการเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งล่าสุด 2 ชุด
คนไทย - บัตรประจำตัวประชาชน+สำเนา 2 ชุด, ทะเบียนบ้าน + สำเนา 2 ชุด, ถ้าเคยเปลี่ยนชื่อต้องมีเอกสารการเปลี่ยนชื่อพร้อมสำเนายื่นประกอบด้วย
พยาน - บัตรประจำตัวประชาชน+ถ่ายเอกสาร 1 ชุด
ค่าธรรมเนียม 40 บาท
เพิ่มเติม - ราคาปกใส่ทะเบียนสมรส 450 บาท
4. เปลี่ยนชื่อ + ขอตั้งชื่อรอง + ทำบัตรประชาชนใหม่ + เปลี่ยนชื่อในทะเบียนบ้าน - บัตรประจำตัวประชาชน+สำเนา 2 ชุด, ทะเบียนบ้าน + สำเนา 2 ชุด, คร. 2 + ใบรับรองการเปลี่ยนชื่อ + สำเนา 2 ชุด
ค่าธรรมเนียมในการทำบัตรประชาชนใหม่ 20 บาท
5. พาสปอร์ต - พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน (ถ้ามี), บัตรประจำตัวประชาชน+สำเนา 1 ชุด, ทะเบียนบ้าน + สำเนา 1 ชุด, คร. 2 + ใบรับรองการเปลี่ยนชื่อ + สำเนา 1 ชุด, หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล + สำเนา 1 ชุด, หนังสำคัญแสดงการตั้งชื่อรอง + สำเนา 1 ชุด และสำเนาพาสปอร์ตของสามี 1 ชุด
ค่าพาสปอร์ต 1,000 บาท
ค่าส่งไปรษณีย์ 40 บาท
6. แปลเอกสารและรับรองหนังสือที่กรมการกงสุล - ค่าแปลเอกสาร สามารถเช็คได้ที่หน้าร้านค่ะ ราคามีตั้งแต่ 200-800 บาท, อัตราค่ารับรองหนังสือดูได้ที่นี่ค่ะ http://www.consular.go.th/main/th/services/1303
พิมพ์มาซะยาว หวังว่าคนอ่านคงไม่งงนะคะ
แท็ก
โต๊ะแป้ง - แต่งงาน ตรงๆ ค่ะ
ชานเรื่อน - ครอบครัว เกี่ยวนิดๆ แหละ แต่งงานมีครอบครัวไรงี๊
ไกลบ้าน - หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการนี้จะไปเป็นแม่บ้านต่างแดนค่ะ, ทะเบียนสมรสเป็นเอกสารสำคัญในการขอวีซ่าประเภท family reunion ค่ะ
edited - เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ