บทเรียน e-ngo สายบัวบอกลึกตื้น กิริยา ส่อสกุล

(ที่มา:มติชนรายวัน 18 กันยายน 2556)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1379488084&grpid=01&catid=&subcatid=


ท่าที น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อน้ำร้อนว่าด้วย "e-ngo" อันสาดมาจากบางคนบางฝ่าย

"ดิฉันคงไม่ชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น"

"แมน" อย่างยิ่ง

แมนอย่างที่ "ข่าวสด" ใช้ในคำพาดหัว ครบถ้วนทุกประการ ไม่เพียงแต่ดำเนินไปอย่างที่จิตร ภูมิศักดิ์ เคยกล่าว

"ขวางคิ้วเย็นชา เฉย"

แม้บางคน บางฝ่าย จะทยอยปล่อยชุดแห่งถ้อยคำออกมา ไม่ว่าจะเป็น แรด เสือ สิงห์ กระทั่งแม้คำว่า

GAREE

ก็แทบไม่มีผลอะไร ก็แทบไม่ระคายเคืองต่อสถานะและการดำรงอยู่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เหมือนอาการของ "หมา" ที่กระทำต่อ "ภูเขาทอง"

นี่คือวิถีแห่งใช้ "ความสงบ" สยบ "ความเคลื่อนไหว" ที่ดำรงอยู่อย่างยาวนาน

ไม่ว่าในคัมภีร์อี้จิง ไม่ว่าในบทเรียนอันอาฮุยได้มาเมื่อดำรงชีวิตอยู่ในป่าไพร

ปล่อยให้วืด เหนื่อยแรงเปล่า

โบราณของไทยมีบทสรุปมากมายอันเกี่ยวกับการสำแดงออกของคน ไม่ว่าจะเป็น "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อตระกูล"

ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับชาติกำเนิด

ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับรากฐานทางการศึกษาว่าจะเป็นอีตันหรือออกซ์ฟอร์ด หรือว่าเป็นเด็กจากวัดลิงขบ

หากแต่เมื่อ "ยิ้ม" ก็เห็นแก้ม เมื่อ "แย้ม" ก็เห็นไรฟัน

ดำเนินไปอย่างที่โคลงโลกนิติระบุ สายบัวบอกลึกตื้น ชลธาร เป็นการเรียนรู้จากธรรมชาติ เป็นการสรุปจากความเป็นจริง

เพียงแต่ "พ่อแม่" จะสั่งสอนหรือไม่

เพียงแต่ "ครูบา" จะอบรมหรือไม่

หรือที่แท้พ่อแม่สั่งสอนแล้ว ครูบาอบรมแล้ว แต่ไม่เคยจำจดใส่ใจ

จึงกลายมาเป็นพรรค์นี้

หลักการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ว่า

"จะพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะรักษาความรู้สึก รักษาความเข้าอกเข้าใจ ความอดทนและบรรยากาศอย่างเต็มที่"

เหมือนกับเป็นการเตือนตน

เข้มงวดตน ผ่อนปรนคนอื่น

ถามว่าความสำเร็จนับแต่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554

กระทั่งบริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีมาจนผ่านเดือนกรกฎาคม 2556 คืออะไร

คือ การไม่ตอบโต้ต่อคำให้ร้ายป้ายสี

แม้ว่าคำให้ร้ายป้ายสีจะไต่ระดับจาก GAREE รุนแรงกระทั่งเสนอคำว่าเสือสิงห์กระทิงและที่สุดล่าสุดคือ

"e-ngo"

แต่การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงยิ้มแย้มเป็นปกติ ยังคงทำงานในสถานะนายกรัฐมนตรีโดยไม่หวั่นไหว

อาจเพราะตระหนักในเสียงเตือน อย่าเอาพิมเสนไปแลกเกลือ

อาจเพราะตระหนักในบทบาทและความหมายของพังเพยเก่าก่อนที่ว่า อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้

รังแต่จะเหม็นตามไปด้วย

กระนั้น ที่แน่นอนอย่างที่สุดก็คือทำให้น้ำร้อน น้ำเย็นอันสาดเข้ามาด้วยเจตนาร้ายหมดสิ้นและไร้ความหมาย

ทั้งยังทำท่าว่าอาจกลายเป็นเหมือนบูมเมอแรงหวนหลับไปแปดเปื้อนเจ้าตัวคนพูด

เดินไปแห่งหนใดก็เหม็นโฉ่

ทุกอย่างดำเนินไปตามบทสรุปจากความจัดเจนของการทำงานการเมืองไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน

เมื่อนักการเมืองพูด ประชาชนจะล้างหูเงี่ยหูน้อมรับฟัง

แต่เมื่อนักการเมืองลงมือกระทำตามที่ได้พูด ประชาชนก็จะให้ความเชื่อมั่นและศรัทธา

การทำต่างหากที่ชี้ขาด มิใช่การพูด

เหมือน "ผี" เจาะปาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่