จับตา ยิ่งลักษณ์ ผ่านหลัก"วิภาษวิธี" แห่ง"นาคารชุน" วิเคราะห์ มติชนออนไลน์
ปัจจัยอะไรทำให้ ละอ่อน ทางการเมืองอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงสภาวะแห่ง
ปรกติภาพ ได้อย่างเยือกเย็น
ทั้งๆ ที่มีเสียงประณามหยามเหยียด
ประณามหยามเหยียดว่าโง่ สมองกลวง และรุนแรงร้ายกาจถึงขนาดอุปมาเทียบเคียง
ไปถึงหญิงอันเป็น GAREE
ทั้งๆ ที่มีเสียงขับไล่ ไม่เพียงแต่บนเวทีปราศรัย หากแต่ยังตามไปจัด ม็อบ ส่งเสียง
ผลักไสถึงหน้าบ้าน
ไม่ว่าจะมาจาก คนดี อย่าง นายเสรี วงษ์มณฑา
ไม่ว่าจะมาจาก คนดี ล้ำเลิศประเสริฐยิ่ง เหนือกว่าใครในปฐพีอย่าง น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์
ทั้งๆ ที่บรรดา ตะหานใหญ่ ก็ประกาศไม่เลือกข้าง
ไม่เลือกข้าง นายกรัฐมนตรี ไม่เลือกข้าง กปปส. และเสนอหลักการหะรู หะราว่า
ขอเลือกข้าง ประเทศไทย กระนั้น ละอ่อน ก็ยังสามารถ ยิ้มเย้ย ยุทธจักรได้อยู่
มองจากมุมของคนที่ เกลียด อย่างฝังลึกจนถึง ไขกระดูก อาการของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นอาการอย่างเดียวกันกับคน ปัญญาอ่อน
โดยมองข้ามความเป็นจริงทางสุขภาพจิตไปว่า ระหว่าง อัจฉริยะ กับ ปัญญาอ่อน
นั้นมีใยไร้สภาพบางๆ คั่นอยู่
โดยมองข้ามหลักการ วิภาษวิธี ตามแนวของท่าน นาคารชุน ไป
ต้องยอมรับความเป็นจริงประการ 1 ในทางการเมืองของสังคมไทยว่า
ส่วนใหญ่นักการเมืองกลัวตกจากอำนาจ จึงมักจะหวงแหน อำนาจ
แต่หากมองกระบวนการอย่างคำนึงหลักแห่ง วิภาษวิธี ของท่าน นาคารชุน
ในความหวงแหนอำนาจ ในความพยายามที่จะรักษาอำนาจ
ในอีกด้านก็จะนำไปสู่ความสูญเสีย อำนาจ
จึงต้องทำความเข้าใจต่ออำนาจตามสภาพความเป็นจริง นั่นก็คือ อำนาจไม่จีรัง
อำนาจดำเนินไปตามกฎแห่งอนิจจตา เป้าหมายท้ายสุดของอำนาจจึงเท่ากับสุญญตา
คือความว่าง คืออนัตตา คือความไม่มี
ในความ ไม่มี จึงย่อมไม่ ติดยึด
คงจำกันได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยมีโอกาสพบกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
โดยการประสานด้วยความปรารถนาดีจาก ผบ.เหล่าทัพ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยื่นเงื่อนไขอย่างที่พูดผ่านเวที กปปส.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าการไม่ดำรงอยู่ในสถานะ
แห่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ เพราะ รัฐธรรมนูญ ไม่อนุญาต ไม่ยินยอม
การพบและหารือจึงล้มเหลว และภายหลังจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
อำลาจากไปเหลือเพียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ ผบ.เหล่าทัพ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าว หากทำตามคุณสุเทพ ท่าน ผบ.ยึดอำนาจไม่ดีกว่าหรือ
ปรากฏว่าได้รับการปฏิเสธจาก ผบ.เหล่าทัพอย่างพร้อมเพรียงกันว่า ไม่เคยคิด
จึงเท่ากับสะท้อนให้เห็นว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รู้เท่าทันกับสถานการณ์ทุกอย่าง และมิได้มีความหวาดกลัวเลย
แม้กระทั่ง รัฐประหาร ก็ไม่กลัว แล้วจะมีอะไรให้กลัวอีก
เมื่อหมดความคิดในการยึดติดกับ ตำแหน่ง เมื่อพร้อมที่จะทำอะไรให้เกิดความสงบ
บนพื้นฐานแห่งกฎหมาย
ใน ความคิด จึงเปี่ยมด้วยความ วีระอาจหาญ
ณ วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงอยู่ในจุดเดียวกันกับคนไทย
จำนวนมหาศาลทั่วประเทศ คือ รอ
รอว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะมีแรงเคลื่อนไปถึงไหน รอว่า มาสเตอร์ มายด์
ที่เป็นเงาหลังของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องการอะไรอย่างแท้จริง
รออย่าง ไม่กลัว รออย่างไม่ ยึดติด
หน้า 3มติชนรายวันฉบับวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2557
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1388831654&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ก่อม็อบนานนับเดือน อาหารเลิศ นักวิชาการเพียบ ประชาธิปัตย์พร้อม ทหารเฉย
องค์กรอิสระ ก็เอาด้วย แน่นอน ไม่ใช่ เพราะลุงกำนันเท่านั้น ......
ถึงวันนี้ เหมือนกับ คนไทยที่กำลังรอเลือกตั้ง ก็อยากรู้ เงาหลังของลุงกำนัน
ต้องการให้จบแบบไหน ??? ใครจะเป็นผู้ฉีกรัฐธรรมนูญ เพื่อชัยชนะ ของลุงกำนัน
มาสเตอร์ มายด์ ที่เป็นเงาหลังของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องการอะไร ?????? คนไทยกำลังรอ .....!!!!!
ปัจจัยอะไรทำให้ ละอ่อน ทางการเมืองอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงสภาวะแห่ง
ปรกติภาพ ได้อย่างเยือกเย็น
ทั้งๆ ที่มีเสียงประณามหยามเหยียด
ประณามหยามเหยียดว่าโง่ สมองกลวง และรุนแรงร้ายกาจถึงขนาดอุปมาเทียบเคียง
ไปถึงหญิงอันเป็น GAREE
ทั้งๆ ที่มีเสียงขับไล่ ไม่เพียงแต่บนเวทีปราศรัย หากแต่ยังตามไปจัด ม็อบ ส่งเสียง
ผลักไสถึงหน้าบ้าน
ไม่ว่าจะมาจาก คนดี อย่าง นายเสรี วงษ์มณฑา
ไม่ว่าจะมาจาก คนดี ล้ำเลิศประเสริฐยิ่ง เหนือกว่าใครในปฐพีอย่าง น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์
ทั้งๆ ที่บรรดา ตะหานใหญ่ ก็ประกาศไม่เลือกข้าง
ไม่เลือกข้าง นายกรัฐมนตรี ไม่เลือกข้าง กปปส. และเสนอหลักการหะรู หะราว่า
ขอเลือกข้าง ประเทศไทย กระนั้น ละอ่อน ก็ยังสามารถ ยิ้มเย้ย ยุทธจักรได้อยู่
มองจากมุมของคนที่ เกลียด อย่างฝังลึกจนถึง ไขกระดูก อาการของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นอาการอย่างเดียวกันกับคน ปัญญาอ่อน
โดยมองข้ามความเป็นจริงทางสุขภาพจิตไปว่า ระหว่าง อัจฉริยะ กับ ปัญญาอ่อน
นั้นมีใยไร้สภาพบางๆ คั่นอยู่
โดยมองข้ามหลักการ วิภาษวิธี ตามแนวของท่าน นาคารชุน ไป
ต้องยอมรับความเป็นจริงประการ 1 ในทางการเมืองของสังคมไทยว่า
ส่วนใหญ่นักการเมืองกลัวตกจากอำนาจ จึงมักจะหวงแหน อำนาจ
แต่หากมองกระบวนการอย่างคำนึงหลักแห่ง วิภาษวิธี ของท่าน นาคารชุน
ในความหวงแหนอำนาจ ในความพยายามที่จะรักษาอำนาจ
ในอีกด้านก็จะนำไปสู่ความสูญเสีย อำนาจ
จึงต้องทำความเข้าใจต่ออำนาจตามสภาพความเป็นจริง นั่นก็คือ อำนาจไม่จีรัง
อำนาจดำเนินไปตามกฎแห่งอนิจจตา เป้าหมายท้ายสุดของอำนาจจึงเท่ากับสุญญตา
คือความว่าง คืออนัตตา คือความไม่มี
ในความ ไม่มี จึงย่อมไม่ ติดยึด
คงจำกันได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยมีโอกาสพบกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
โดยการประสานด้วยความปรารถนาดีจาก ผบ.เหล่าทัพ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยื่นเงื่อนไขอย่างที่พูดผ่านเวที กปปส.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าการไม่ดำรงอยู่ในสถานะ
แห่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ เพราะ รัฐธรรมนูญ ไม่อนุญาต ไม่ยินยอม
การพบและหารือจึงล้มเหลว และภายหลังจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
อำลาจากไปเหลือเพียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ ผบ.เหล่าทัพ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าว หากทำตามคุณสุเทพ ท่าน ผบ.ยึดอำนาจไม่ดีกว่าหรือ
ปรากฏว่าได้รับการปฏิเสธจาก ผบ.เหล่าทัพอย่างพร้อมเพรียงกันว่า ไม่เคยคิด
จึงเท่ากับสะท้อนให้เห็นว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รู้เท่าทันกับสถานการณ์ทุกอย่าง และมิได้มีความหวาดกลัวเลย
แม้กระทั่ง รัฐประหาร ก็ไม่กลัว แล้วจะมีอะไรให้กลัวอีก
เมื่อหมดความคิดในการยึดติดกับ ตำแหน่ง เมื่อพร้อมที่จะทำอะไรให้เกิดความสงบ
บนพื้นฐานแห่งกฎหมาย
ใน ความคิด จึงเปี่ยมด้วยความ วีระอาจหาญ
ณ วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงอยู่ในจุดเดียวกันกับคนไทย
จำนวนมหาศาลทั่วประเทศ คือ รอ
รอว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะมีแรงเคลื่อนไปถึงไหน รอว่า มาสเตอร์ มายด์
ที่เป็นเงาหลังของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องการอะไรอย่างแท้จริง
รออย่าง ไม่กลัว รออย่างไม่ ยึดติด
หน้า 3มติชนรายวันฉบับวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2557
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1388831654&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ก่อม็อบนานนับเดือน อาหารเลิศ นักวิชาการเพียบ ประชาธิปัตย์พร้อม ทหารเฉย
องค์กรอิสระ ก็เอาด้วย แน่นอน ไม่ใช่ เพราะลุงกำนันเท่านั้น ......
ถึงวันนี้ เหมือนกับ คนไทยที่กำลังรอเลือกตั้ง ก็อยากรู้ เงาหลังของลุงกำนัน
ต้องการให้จบแบบไหน ??? ใครจะเป็นผู้ฉีกรัฐธรรมนูญ เพื่อชัยชนะ ของลุงกำนัน