"ไม่กี่ปีมานี้ อเล็กซิส หันมาคลั่งไคล้วัฒนธรรมไทยเป็นพิเศษ โดยหัดเรียนภาษาไทย และเคยทำงานที่ร้านอาหารไทย"
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Alexis befriended Suthamtewakul four years ago after he emigrated from Thailand.
Suthamtewakul told CNN.
Alexis, he says, was fluent in Thai and attended a Buddhist Temple.
When Suthamtewakul opened the Happy Bowl Thai Restaurant, Alexis would occasionally help out, waiting tables, he said.
http://edition.cnn.com/2013/09/16/us/navy-yard-suspects
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คนร้ายกราดยิงฐานทัพเรือสหรัฐฯ “เคยเข้าวัดพุทธ-ชอบวัฒนธรรมไทย”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2556 11:27 น.
แอรอน อเล็กซิส วัย 34 ปี ผู้ต้องสงสัยกราดยิงสำนักงานกองทัพเรือสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิตแล้ว
เอเจนซีส์ – สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุหนึ่งในคนร้ายที่กราดยิงฐานทัพเรือสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้(16) เคยเป็นกำลังพลสำรองของกองทัพเรือระหว่างปี 2007- 2011 ก่อนถูกปลดเนื่องจากกระทำผิดวินัยหลายครั้ง และปัจจุบันกลับมาเป็นพนักงานสัญญาจ้างของกองทัพเรือ ขณะที่แหล่งข่าวเผยคนร้ายเคยเข้า "วัดพุทธ" และชื่นชอบ "วัฒนธรรมไทย" เป็นพิเศษ
แอรอน อเล็กซิส วัย 34 ปี ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต หลังบุกเข้าไปภายในหน่วยงานซ่อมบำรุงเรือของกองทัพเรือสหรัฐ (Naval Sea Systems Command) เมื่อเวลา 8.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันจันทร์(16) โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายได้ขึ้นไปบนลานกลางอาคารชั้น 4 และลั่นกระสุนใส่เหยื่อภายในห้องอาหารโดยไม่เลือกหน้า ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางต้องปิดล้อม นาวี ยาร์ด ที่ตั้งสำนักงานและหน่วยงานต่างๆของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งห่างจากอาคารรัฐสภาและทำเนียบขาวไปเพียงไม่กี่ไมล์
เจ้าหน้าที่บังคับกฎหมายของรัฐบาลกลางยังไม่ทราบแรงจูงใจของ อเล็กซิส ซึ่งเป็นชาวเมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส ขณะที่มีรายงานว่าเขาพกทั้งปืนไรเฟิล AR-15 แบบทหาร, ปืนสั้นชนิดลำกล้องแฝด และปืนพก เข้าไปก่อเหตุสังหารหมู่ภายในสำนักงานของกองทัพเรือ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ราวๆ 3,000 คน
วินเซนต์ เกรย์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บ 12 คน แต่ยังไม่ทราบว่ามีกี่คนที่ถูกกระสุนของคนร้าย
เหตุการณ์เมื่อวานนี้(16) ถือเป็นการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯอย่างอุกอาจที่สุด ถัดจากกรณีพันตรี นิดาล ฮาซัน กราดยิงใส่เพื่อนทหารที่ไร้อาวุธในค่ายทหารฟอร์ตฮูด รัฐเท็กซัส เมื่อปี 2009 จนมีทหารเสียชีวิต 13 นาย บาดเจ็บอีก 31 คน
ฮาซัน ซึ่งอ้างว่าทำไปเพราะโกรธแค้นสหรัฐฯที่ก่อสงครามในประเทศมุสลิม ถูกผู้พิพากษาศาลทหารตัดสินประหารชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประณามเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดตาขาว และแสดงความเสียใจที่อเมริกาต้องเผชิญกับเหตุสังหารหมู่อีกครั้ง พร้อมระบุว่าทหารของกองทัพไม่ควรต้องเจอกับภยันตรายใดๆ ยามที่อยู่ในบ้านของตนเอง
“เราต้องเผชิญเหตุกราดยิงหมู่อีกครั้ง และครั้งนี้มันเกิดขึ้นในสำนักงานกองทัพอีกแห่งหนึ่ง ใจกลางเมืองหลวงของเราเอง” โอบามา กล่าว
ผู้นำสหรัฐฯ ยังมีคำสั่งให้ลดธงชาติบริเวณอาคารรัฐสภาลงครึ่งเสาจนถึงวันศุกร์นี้(20) เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต
ตำรวจสหรัฐฯเข้ามาตรวจสอบจุดเกิดเหตุภายในศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ Navy Yard
อัลเกอร์นอน อเล็กซิส บิดาของคนร้ายซึ่งสัมภาษณ์กับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ มีน้ำเสียงตกใจเมื่อทราบว่าบุตรชายตกเป็นผู้ต้องสงสัยกราดยิงฐานทัพเรือ พร้อมระบุว่า บุตรชายกำลังศึกษาต่อและทำงานในบริษัทเอกชนไปด้วย
เจ้าหน้าที่กองทัพเรือคนหนึ่งเปิดเผยว่า อเล็กซิส เคยรับราชการในส่วนกำลังพลสำรองของกองทัพเรือ ระหว่างเดือนพฤษภาคม ปี 2007 จนถึงมกราคม ปี 2011 ในฐานะช่างไฟฟ้าเครื่องบิน และเคยได้รับเหรียญป้องกันชาติ (National Defense Service Medal) กับเหรียญสงครามต่อต้านก่อการร้าย (Global War on Terrorism Service Medal) มาแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ อเล็กซิส ได้เข้าทำงานกับบริษัทไอทีเอกชนซึ่งดูแลระบบอินทราเน็ตให้กับกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ โดย โทมัส ฮอชโก ผู้บริหารของบริษัทระบุว่า อเล็กซิส มีบัตร common access card (CAC) และใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้น “ความลับ” ด้วย
อเล็กซิส เคยถูกตำรวจจับเมื่อวันที่ 4 กันยายน ปี 2010 ที่เมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส ในความผิดลหุโทษฐานยิงปืน แต่ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยกเลิกข้อกล่าวหา หลังพิสูจน์ได้ว่าเขาเผลอทำปืนลั่นโดยไม่เจตนา ขณะกำลังทำความสะอาดปืน
ก่อนหน้านั้นในปี 2004 อเล็กซิส เคยถูกจับที่นครซีแอตเติล หลังใช้ปืนยิงใส่ยางรถยนต์ของกรรมกรก่อสร้าง เพราะไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่าย “หยามเกียรติ” สำนักงานตำรวจเมืองซีแอตเติลเผย
ไม่กี่ปีมานี้ อเล็กซิส หันมาคลั่งไคล้วัฒนธรรมไทยเป็นพิเศษ โดยหัดเรียนภาษาไทย และเคยทำงานที่ร้านอาหารไทย “Happy Bowl” ในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส เมื่อปี 2008
ทิกี คอนเฟอร์ วัย 64 ปี เจ้าของร้านอาหารไทยอีกแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เล่าว่า เคยเห็น อเล็กซิส เข้าไปไหว้พระที่วัดพุทธด้วย
“เขาเป็นหนุ่มน้อยที่นิสัยดีมาก ตอนที่ฉันเห็นรูปเขาในข่าว ฉันตกใจจริงๆ” คอนเฟอร์ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
หลังจากเกิดเหตุกราดยิง สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ได้ระงับเที่ยวบินที่จะเดินทางออกจากสนามบินแห่งชาติรีแกนไว้ชั่วคราว ส่วนสำนักงานการศึกษาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็มีคำสั่งให้โรงเรียนรัฐบาล 6 แห่งปิดประตูห้ามคนเข้าออก จนกว่าผู้ปกครองจะเดินทางมารับบุตรหลานในช่วงเย็น
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000117081
กองทัพสื่อมวลชนมารอทำข่าวที่หน้าศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือสหรัฐฯ Navy Yard
งามหน้า!!! ผู้ก่อเหตุกราดยิง 13 ศพ ในวอชิงตัน ชอบวัฒนธรรมไทย!!! พูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว!!! และสนใจศาสนาพุทธ!!!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Alexis befriended Suthamtewakul four years ago after he emigrated from Thailand.
Suthamtewakul told CNN.
Alexis, he says, was fluent in Thai and attended a Buddhist Temple.
When Suthamtewakul opened the Happy Bowl Thai Restaurant, Alexis would occasionally help out, waiting tables, he said.
http://edition.cnn.com/2013/09/16/us/navy-yard-suspects
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คนร้ายกราดยิงฐานทัพเรือสหรัฐฯ “เคยเข้าวัดพุทธ-ชอบวัฒนธรรมไทย”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2556 11:27 น.
แอรอน อเล็กซิส วัย 34 ปี ผู้ต้องสงสัยกราดยิงสำนักงานกองทัพเรือสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิตแล้ว
เอเจนซีส์ – สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุหนึ่งในคนร้ายที่กราดยิงฐานทัพเรือสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้(16) เคยเป็นกำลังพลสำรองของกองทัพเรือระหว่างปี 2007- 2011 ก่อนถูกปลดเนื่องจากกระทำผิดวินัยหลายครั้ง และปัจจุบันกลับมาเป็นพนักงานสัญญาจ้างของกองทัพเรือ ขณะที่แหล่งข่าวเผยคนร้ายเคยเข้า "วัดพุทธ" และชื่นชอบ "วัฒนธรรมไทย" เป็นพิเศษ
แอรอน อเล็กซิส วัย 34 ปี ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต หลังบุกเข้าไปภายในหน่วยงานซ่อมบำรุงเรือของกองทัพเรือสหรัฐ (Naval Sea Systems Command) เมื่อเวลา 8.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันจันทร์(16) โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายได้ขึ้นไปบนลานกลางอาคารชั้น 4 และลั่นกระสุนใส่เหยื่อภายในห้องอาหารโดยไม่เลือกหน้า ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางต้องปิดล้อม นาวี ยาร์ด ที่ตั้งสำนักงานและหน่วยงานต่างๆของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งห่างจากอาคารรัฐสภาและทำเนียบขาวไปเพียงไม่กี่ไมล์
เจ้าหน้าที่บังคับกฎหมายของรัฐบาลกลางยังไม่ทราบแรงจูงใจของ อเล็กซิส ซึ่งเป็นชาวเมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส ขณะที่มีรายงานว่าเขาพกทั้งปืนไรเฟิล AR-15 แบบทหาร, ปืนสั้นชนิดลำกล้องแฝด และปืนพก เข้าไปก่อเหตุสังหารหมู่ภายในสำนักงานของกองทัพเรือ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ราวๆ 3,000 คน
วินเซนต์ เกรย์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บ 12 คน แต่ยังไม่ทราบว่ามีกี่คนที่ถูกกระสุนของคนร้าย
เหตุการณ์เมื่อวานนี้(16) ถือเป็นการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯอย่างอุกอาจที่สุด ถัดจากกรณีพันตรี นิดาล ฮาซัน กราดยิงใส่เพื่อนทหารที่ไร้อาวุธในค่ายทหารฟอร์ตฮูด รัฐเท็กซัส เมื่อปี 2009 จนมีทหารเสียชีวิต 13 นาย บาดเจ็บอีก 31 คน
ฮาซัน ซึ่งอ้างว่าทำไปเพราะโกรธแค้นสหรัฐฯที่ก่อสงครามในประเทศมุสลิม ถูกผู้พิพากษาศาลทหารตัดสินประหารชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประณามเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดตาขาว และแสดงความเสียใจที่อเมริกาต้องเผชิญกับเหตุสังหารหมู่อีกครั้ง พร้อมระบุว่าทหารของกองทัพไม่ควรต้องเจอกับภยันตรายใดๆ ยามที่อยู่ในบ้านของตนเอง
“เราต้องเผชิญเหตุกราดยิงหมู่อีกครั้ง และครั้งนี้มันเกิดขึ้นในสำนักงานกองทัพอีกแห่งหนึ่ง ใจกลางเมืองหลวงของเราเอง” โอบามา กล่าว
ผู้นำสหรัฐฯ ยังมีคำสั่งให้ลดธงชาติบริเวณอาคารรัฐสภาลงครึ่งเสาจนถึงวันศุกร์นี้(20) เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต
ตำรวจสหรัฐฯเข้ามาตรวจสอบจุดเกิดเหตุภายในศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ Navy Yard
อัลเกอร์นอน อเล็กซิส บิดาของคนร้ายซึ่งสัมภาษณ์กับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ มีน้ำเสียงตกใจเมื่อทราบว่าบุตรชายตกเป็นผู้ต้องสงสัยกราดยิงฐานทัพเรือ พร้อมระบุว่า บุตรชายกำลังศึกษาต่อและทำงานในบริษัทเอกชนไปด้วย
เจ้าหน้าที่กองทัพเรือคนหนึ่งเปิดเผยว่า อเล็กซิส เคยรับราชการในส่วนกำลังพลสำรองของกองทัพเรือ ระหว่างเดือนพฤษภาคม ปี 2007 จนถึงมกราคม ปี 2011 ในฐานะช่างไฟฟ้าเครื่องบิน และเคยได้รับเหรียญป้องกันชาติ (National Defense Service Medal) กับเหรียญสงครามต่อต้านก่อการร้าย (Global War on Terrorism Service Medal) มาแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ อเล็กซิส ได้เข้าทำงานกับบริษัทไอทีเอกชนซึ่งดูแลระบบอินทราเน็ตให้กับกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ โดย โทมัส ฮอชโก ผู้บริหารของบริษัทระบุว่า อเล็กซิส มีบัตร common access card (CAC) และใบอนุญาตเข้าถึงข้อมูลชั้น “ความลับ” ด้วย
อเล็กซิส เคยถูกตำรวจจับเมื่อวันที่ 4 กันยายน ปี 2010 ที่เมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส ในความผิดลหุโทษฐานยิงปืน แต่ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยกเลิกข้อกล่าวหา หลังพิสูจน์ได้ว่าเขาเผลอทำปืนลั่นโดยไม่เจตนา ขณะกำลังทำความสะอาดปืน
ก่อนหน้านั้นในปี 2004 อเล็กซิส เคยถูกจับที่นครซีแอตเติล หลังใช้ปืนยิงใส่ยางรถยนต์ของกรรมกรก่อสร้าง เพราะไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่าย “หยามเกียรติ” สำนักงานตำรวจเมืองซีแอตเติลเผย
ไม่กี่ปีมานี้ อเล็กซิส หันมาคลั่งไคล้วัฒนธรรมไทยเป็นพิเศษ โดยหัดเรียนภาษาไทย และเคยทำงานที่ร้านอาหารไทย “Happy Bowl” ในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส เมื่อปี 2008
ทิกี คอนเฟอร์ วัย 64 ปี เจ้าของร้านอาหารไทยอีกแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เล่าว่า เคยเห็น อเล็กซิส เข้าไปไหว้พระที่วัดพุทธด้วย
“เขาเป็นหนุ่มน้อยที่นิสัยดีมาก ตอนที่ฉันเห็นรูปเขาในข่าว ฉันตกใจจริงๆ” คอนเฟอร์ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
หลังจากเกิดเหตุกราดยิง สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ได้ระงับเที่ยวบินที่จะเดินทางออกจากสนามบินแห่งชาติรีแกนไว้ชั่วคราว ส่วนสำนักงานการศึกษาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็มีคำสั่งให้โรงเรียนรัฐบาล 6 แห่งปิดประตูห้ามคนเข้าออก จนกว่าผู้ปกครองจะเดินทางมารับบุตรหลานในช่วงเย็น
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000117081
กองทัพสื่อมวลชนมารอทำข่าวที่หน้าศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือสหรัฐฯ Navy Yard