ใกล้ม้วนเสื่อปิดฉากลงไปทุกทีสำหรับเกมไทยลีกของไทยในฤดูกาล 2013 หลังจากขับเคี่ยวกันมา ตั้งแต่ช่วง มีนาคม ท่ามกลางปัญหาความวุ่นวายในเรื่องของสิทธิ์ สิทธิ์กู แย่งชิงสิทธิ์ในการทำทีม จนส่งผลให้เหลือแข่งขันแค่ 17 ทีม ….
จับตาบอลไทย
ถึงตอนนี้มองแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับโฉมหน้าแชมป์ที่คาดว่าจะมาจากโซนภาคอีสานค่อนข้างแน่ แม้ในความเป็นจริงตามหลักทฤษฏี หากพูดกันตามภาษาฟุตบอล ก็คงจะบอกว่าอย่าเพิ่งชะล่าใจไปเพราะขึ้นชื่อว่าลูกกลมๆ มีลมอยู่ข้างใน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ที่สำคัญยังเหลือการแข่งขันอีกตั้ง 6 นัด แต่ด้วยคะแนนช่องว่างห่างกันเกือบ 2 ช่วงตัว (5คะแนน) คงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดเหตุการณ์ชวดแชมป์แบบล็อคถล่ม
นอกเสียจากทีมอันดับสอง เมืองทองฯ จะชนะ 6 นัดรวด (แข่งครบ 32 นัด จะมี 77 แต้ม) และต้องแช่ง!!ให้จ่าฝูง แพ้ 2 นัดรวด เท่านั้นถึงจะมีโอกาสแซงคว้าแชมป์ในบั้นปลาย
แต่ดูแล้วคงยากและไม่น่าจะเป็นไปได้!!
เนื่องจากว่าปีนี้ต้องยอมรับ บุรีรัมย์ ยูฯ เค้ามาดีจริงๆ เรียกว่าสมราคาแล้วกับฉายา “บุรีโลน่า” เพราะนักเตะที่อิมพอร์ตมาจากดินแดนแชมป์โลก 2010 และแชมป์ยุโรป 2012 หลายๆคน เล่นกันได้คุ้มค่า คุ้มราคา และเล่นได้เข้าขากับแข้งซุป’ตาร์ แผ่นดินช้างศึก แบบเป็นปี เป็นขลุ่ย
จนทำให้บุรีรัมย์กลายเป็นทีมที่มีแนวรุกน่ากลัวที่สุด และดีที่สุด ในไทยลีก พ.ศ.นี้ ไปแบบไร้เสียงทัดทาน พิสูจน์ได้จากผลงานเกมรุกสุดแสนดุดัน ผนวกกับการเข้าทำที่หลากหลาย
ลำพังแค่ คาร์เมโล่ กอนซาเลซ กองหน้าสแปนิช คนเดียวก็ตะบันไป 21 ลูก เท่ากับ ธีรศิลป์, ดากโน่ เซียก้า ของคู่ปรับลุ้นแชมป์ 2 คน ยิงรวมกัน ไหนจะปาตินโญ่ แข้งลูกครึ่งฟิลิปปินส์-สเปน นี่ก็ใช่ย่อยเมื่อจัดการสอยตาข่ายไปเบาะๆ 13 ประตู
และด้วยฟอร์มอันเอกอุ เช่นนี้ ส่งผลให้หลายๆทีมที่เจอเลยยากที่จะต่อกรด้วยไปโดยปริยาย ซึ่งไม่เฉพาะแค่ในไทยลีกเท่านั้น เพราะในภาคพื้นเอเชีย “บุรีโลน่า” ก็สร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว มิเช่นนั้น คงไม่ทะลุมาถึงรอบ 8 ทีม ในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียได้จริงมั๊ย
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งหมดจะเป็นเพียงการคาดเดาเพราะ “ทฤษฎีกับปฎิบัติ” ใช่ว่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกันเสมอไป
แต่ส่วนตัวผมมองแล้วจากความพร้อมหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิสัยทัศน์ ความทุ่มเทของผู้บริหารระดับบนจนถึงนักเตะในสนามที่ดูมุ่งมั่นจริงจังในการเล่นๆทุกๆนัด เพื่อทำภารกิจทวงแชมป์ลีกสมัย 2 นำไปฝากสาวก “GU12” อีกครั้ง
ผมว่าทฤษฎีดังกล่าวย่อมเกิดขึ้นได้ และ คิดว่าในซีซั่นนี้ “บุรีโลน่า” น่าจะเป็นแชมป์ค่อนข้างแบเบอร์ แต่ผมว่าลึกๆแล้ว การคว้าแชมป์เพียวๆ ก็คงจะธรรมดาเกินไปและคงไม่อยู่ในวิสัยของ “บิ๊กเน” บิ๊กบอสเซาะกราว ที่คงอยากจะเหาะไปติดดาวแชมป์สมัย2 หน้าสนามแข่ง ในฐานะ “แชมป์ไร้พ่าย” มากกว่า
เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้บุรีรัมย์ เป็นทีมเดียวที่แข่งมา 26 นัด ยังไม่แพ้ใคร และมีลุ้นที่จะสร้างอีกประวัติศาสตร์เป็นทีมที่สองของสโมสรไทย นับตั้งแต่ก่อตั้งไทยลีกที่เป็นแชมป์ไร้พ่าย ถัดจาก “กิเลนผยอง” หากอีก 6 เกมที่เหลือสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น
ดังนั้นผมจึงมองว่า “บิ๊กเน” ที่มีแนวคิด “เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ” คงไม่ปล่อยโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์และต่อยอดความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากเคยสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์มาแล้วทุกถ้วย ทั้งแชมป์ไทยลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ และถ้วย ก.
จะทำได้หรือไม่ ต้องลุ้น?
โชคดีมีตังค์ใช้แฟนจับตาบอลไทย ทุกคน
“ยอดี้”
เครดิตแฟนเพจ คอลัมน์จับตาบอลไทย
https://www.facebook.com/jubtaballthai?ref=hl
ขอบคุณภาพ - buriramunited, thaileagueonline
“บุรีโลน่า” กับอีกประวัติศาสตร์ที่ต้องลุ้น!! (จับตาบอลไทย)
จับตาบอลไทย
ถึงตอนนี้มองแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับโฉมหน้าแชมป์ที่คาดว่าจะมาจากโซนภาคอีสานค่อนข้างแน่ แม้ในความเป็นจริงตามหลักทฤษฏี หากพูดกันตามภาษาฟุตบอล ก็คงจะบอกว่าอย่าเพิ่งชะล่าใจไปเพราะขึ้นชื่อว่าลูกกลมๆ มีลมอยู่ข้างใน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ที่สำคัญยังเหลือการแข่งขันอีกตั้ง 6 นัด แต่ด้วยคะแนนช่องว่างห่างกันเกือบ 2 ช่วงตัว (5คะแนน) คงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดเหตุการณ์ชวดแชมป์แบบล็อคถล่ม
นอกเสียจากทีมอันดับสอง เมืองทองฯ จะชนะ 6 นัดรวด (แข่งครบ 32 นัด จะมี 77 แต้ม) และต้องแช่ง!!ให้จ่าฝูง แพ้ 2 นัดรวด เท่านั้นถึงจะมีโอกาสแซงคว้าแชมป์ในบั้นปลาย
แต่ดูแล้วคงยากและไม่น่าจะเป็นไปได้!!
เนื่องจากว่าปีนี้ต้องยอมรับ บุรีรัมย์ ยูฯ เค้ามาดีจริงๆ เรียกว่าสมราคาแล้วกับฉายา “บุรีโลน่า” เพราะนักเตะที่อิมพอร์ตมาจากดินแดนแชมป์โลก 2010 และแชมป์ยุโรป 2012 หลายๆคน เล่นกันได้คุ้มค่า คุ้มราคา และเล่นได้เข้าขากับแข้งซุป’ตาร์ แผ่นดินช้างศึก แบบเป็นปี เป็นขลุ่ย
จนทำให้บุรีรัมย์กลายเป็นทีมที่มีแนวรุกน่ากลัวที่สุด และดีที่สุด ในไทยลีก พ.ศ.นี้ ไปแบบไร้เสียงทัดทาน พิสูจน์ได้จากผลงานเกมรุกสุดแสนดุดัน ผนวกกับการเข้าทำที่หลากหลาย
ลำพังแค่ คาร์เมโล่ กอนซาเลซ กองหน้าสแปนิช คนเดียวก็ตะบันไป 21 ลูก เท่ากับ ธีรศิลป์, ดากโน่ เซียก้า ของคู่ปรับลุ้นแชมป์ 2 คน ยิงรวมกัน ไหนจะปาตินโญ่ แข้งลูกครึ่งฟิลิปปินส์-สเปน นี่ก็ใช่ย่อยเมื่อจัดการสอยตาข่ายไปเบาะๆ 13 ประตู
และด้วยฟอร์มอันเอกอุ เช่นนี้ ส่งผลให้หลายๆทีมที่เจอเลยยากที่จะต่อกรด้วยไปโดยปริยาย ซึ่งไม่เฉพาะแค่ในไทยลีกเท่านั้น เพราะในภาคพื้นเอเชีย “บุรีโลน่า” ก็สร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว มิเช่นนั้น คงไม่ทะลุมาถึงรอบ 8 ทีม ในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียได้จริงมั๊ย
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งหมดจะเป็นเพียงการคาดเดาเพราะ “ทฤษฎีกับปฎิบัติ” ใช่ว่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกันเสมอไป
แต่ส่วนตัวผมมองแล้วจากความพร้อมหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิสัยทัศน์ ความทุ่มเทของผู้บริหารระดับบนจนถึงนักเตะในสนามที่ดูมุ่งมั่นจริงจังในการเล่นๆทุกๆนัด เพื่อทำภารกิจทวงแชมป์ลีกสมัย 2 นำไปฝากสาวก “GU12” อีกครั้ง
ผมว่าทฤษฎีดังกล่าวย่อมเกิดขึ้นได้ และ คิดว่าในซีซั่นนี้ “บุรีโลน่า” น่าจะเป็นแชมป์ค่อนข้างแบเบอร์ แต่ผมว่าลึกๆแล้ว การคว้าแชมป์เพียวๆ ก็คงจะธรรมดาเกินไปและคงไม่อยู่ในวิสัยของ “บิ๊กเน” บิ๊กบอสเซาะกราว ที่คงอยากจะเหาะไปติดดาวแชมป์สมัย2 หน้าสนามแข่ง ในฐานะ “แชมป์ไร้พ่าย” มากกว่า
เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้บุรีรัมย์ เป็นทีมเดียวที่แข่งมา 26 นัด ยังไม่แพ้ใคร และมีลุ้นที่จะสร้างอีกประวัติศาสตร์เป็นทีมที่สองของสโมสรไทย นับตั้งแต่ก่อตั้งไทยลีกที่เป็นแชมป์ไร้พ่าย ถัดจาก “กิเลนผยอง” หากอีก 6 เกมที่เหลือสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น
ดังนั้นผมจึงมองว่า “บิ๊กเน” ที่มีแนวคิด “เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ” คงไม่ปล่อยโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์และต่อยอดความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากเคยสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์มาแล้วทุกถ้วย ทั้งแชมป์ไทยลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ และถ้วย ก.
จะทำได้หรือไม่ ต้องลุ้น?
โชคดีมีตังค์ใช้แฟนจับตาบอลไทย ทุกคน
“ยอดี้”
เครดิตแฟนเพจ คอลัมน์จับตาบอลไทย https://www.facebook.com/jubtaballthai?ref=hl
ขอบคุณภาพ - buriramunited, thaileagueonline