เรื่องเสียวที่พงไพร
#นายอุ๊ย!!
เมื่อหลายปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยว “เขื่อนรัชประภา” หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” จังหวัดสุราษฏร์ธานี
ต้องยอมรับนะครับ ว่าที่นี่สวยงามมาก ๆ สมกับที่ได้รับสมญานามว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองไทย”
(กุ้ยหลินเป็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศจีนนะครับ เพื่อนผมคนหนึ่งคิดว่าเป็นชื่อหมีแพนด้า)
ทริปนี้ ผมไปกับเพื่อนรวมทั้งหมด 9 คนครับ เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนบัญชีฯ จุฬาฯ ด้วยกัน
โดยคืนแรกพวกเราพักที่แพ 500 ไร่ซึ่งเป็นแพตั้งอยู่ภายในตัวเขื่อน
คืนนั้นเองมีเรื่องเสียวเกิดขึ้นกับพวกเรา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พวกเราเสียวมากและจะไม่มีวันลืมเลย
วันนั้น หลังจากที่พวกเราเล่นน้ำหน้าแพกันอย่างสนุกสนาน พอหนึ่งทุ่ม ก็ถึงกิจกรรมที่พวกเรารอคอย นั่นคือ กิจกรรมล่องแพ "Night Safari"
แว๊บแรกที่ผมได้ยินชื่อกิจกรรมนี้ ผมนึกถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ที่นั่งรถชมสัตว์ตอนกลางคืน
Night Safari ที่นี่ก็อาจจะเป็นการล่องแพไปตามน้ำ เห็นสัตว์ป่า ช้างม้าวัวควาย ลิงค่างบ่างชะนี หมูหมากาไก่ เสือสิงห์กระทิงแรด ออกมาเดินวิ่งเล่นหยอกเย้าให้พวกเราชมกัน
พวกเราเดินขึ้นแพอย่างมั่นใจ พร้อมกับหยิบเสื้อชูชีพลงไปด้วย
แต่คุณลุงคนขับแพห้ามว่า ไม่ให้ใส่เสื้อชูชีพ เพราะกลัวสัตว์ตกใจ
ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าสัตว์ป่ามันกลัวเสื้อชูชีพ
อยากจะบอกคุณลุงเหลือเกินว่า สัตว์มันคงตกใจหนีไปตั้งแต่เห็นหน้าเพื่อนผมแล้วล่ะครับ
พวกเราขึ้นแพไปอย่างตื่นเต้น แพยนต์ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากฝั่งเข้าสู่ภายในตัวเขื่อน
สิ่งแรกที่ผมรู้สึกคือ "มันมืดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
บนแพมีเพียงไฟสปอร์ตไลท์ที่คุณลุงเปิดส่องทางบ้าง หาสัตว์ตามชายฝั่งบ้างเป็นครั้งคราว
แต่พอปิดปุ๊บ มันมืดสนิทจริง ๆ
อย่าว่าแต่จะได้เห็นสัตว์เลยครับ แค่เพื่อนที่นั่งติดกัน ยังมองเห็นหน้ามันไม่ชัดเลย เสือสิงห์กระทิงแรดนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นั่งไปซัก 5 นาที หันซ้ายขวามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นทุกสิ่งอัน
ผมเริ่มคิดในใจว่า
“นี่กรูมาทำอะไรอยู่"
นั่งแพลึกเข้าไปในป่า แต่ตามองไม่เห็นอะไร
นี่หรือ "Night Safari"
คุณลุงน่าจะเรียกมันว่ากิจกรรม "ส่องสัตว์" มากกว่านะครับ เรียก "Night Safari" มันดูไฮโซเกิ๊นนน
พวกเรานั่งแพเข้าไปอีกเกือบ 1 ชั่วโมง มีอยู่ช่วงนึงน่ากลัวมาก มีตอไม้ผุดขึ้นเต็มไปหมด
ต้องเข้าใจว่าที่นี่เป็นเขื่อน มันเลยมีต้นไม้ที่จมน้ำตาย ต้นไม้ที่สูงใหญ่บางต้นก็จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา
คุณลุงต้องเลี้ยวแพหลบตอไม้อย่างสนุกสนานเหมือนพระเอกโตเกียวดริฟท์ ท่ามกลางความตื่นเต้นของนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา
1 ชั่วโมงผ่านไป พวกเราเข้ามาถึงส่วนที่ลึกที่สุด
ทันใดนั้น ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีใครคาดฝันมาก่อน นั่นคือ
ฝนตก!!
ฝนที่ตกลงมาห่านี้ ไม่ใช่ฝนโปรยปรายเหมือนหนังเรื่อง The Classic ที่พระเอกเอาเสื้อคลุมให้นางเอกแล้ววิ่งกะหนุงกะหนิงไปกลางสายฝน
แล้วก็ไม่ได้ชิว ๆ จนต้องร้องเพลง "วันนี้ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง" ของพี่เสก โลโซ
แต่มัน "ตกโคตรหนัก"
ตกหนักแบบว่า สปอร์ตไลท์ของคุณลุงที่ฉายออกไปด้วยแสงกำลังสูงนั้น มองไม่เห็นอะไรเลย
เอาแล้วไง ทีนี้
ตอนแรก นักท่องเที่ยว 9 ชีวิต อยากมาชมสัตว์อย่างใกล้ชิดแบบ "ไนท์ซาฟารี"
ตอนนี้ นักท่องเที่ยว 9 ชีวิต ลอยอยู่บนแพไม้ส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลใน แถมฝนตกอย่างบ้าคลั่ง มองไม่เห็นห่าอะไรเลย
พูดถึงฝนตก บอกได้คำเดียวว่ามันกวนตีนมากครับ
มันจะตกก่อนหน้านี้ซัก 1 ชั่วโมงก็ไม่ได้
เออ แบบว่าตกตอนที่เรากำลังจะออกเรือ พวกเราก็เห็น "อุ๊ย ฝนตก ไม่ไปดีกว่า" แล้วก็นั่งเล่นไพ่ร้องเพลงภายในแพอย่างสำราญใจ
หรือไม่ก็ตกซัก ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตกตอนที่เรายังไม่ห่างจากแพมากนัก กลับตัวได้ทัน
นี่เผือกมาตกตอนที่เราอยู่ส่วนที่ลึกที่สุด ทำอะไรไม่ได้เลย ห่านจริง ๆ
เมื่อเจอฝนตกหนักขนาดนี้ คุณลุงก็กลับแพ ภารกิจ "ไนท์ซาฟารี" ของพวกเราล้มเหลวไม่เป็นท่า
ผมเข้าใจแล้วล่ะครับ ว่าทำไมสัตว์ถึงไม่ออกมากินน้ำ
เพราะมันรู้ว่าฝนจะตก!!
คิดอย่างนี้แล้วดูเหมือนพวกเราโง่ยังไงก็ไม่รู้
แพค่อย ๆ แล่นไป ผมกลัวแพจะชนตอไม้แล้วแพแตกมาก ๆ เพราะมันมองไม่เห็นอะไรเลย
นึกถึงคำพูดของคุณลุงแล้วอยากจะเข้าไปกระโดดชก
"ไม่ต้องใส่เสื้อชูชีพ เดี๋ยวสัตว์ตกใจ"
นี่คุณค่าชีวิตของพวกเรามีน้อยกว่าความตกใจของสัตว์เหรอเนี่ย
ฝากชีวิตน้อย ๆ ที่พ่อแม่อุตส่าห์กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาตลอดยี่สิบกว่าปี ไว้กับคุณลุงนิรนามคนเดียว
ผมยังไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ผมอยากกลับไปก้มกราบแม่แล้วบอกกับท่านว่า "ผมรักแม่" อีกครั้ง
ตอนนั้นทุกคนตัวเปียกชุ่มประหนึ่งได้มาเล่นน้ำวันสงกรานต์
ทันใดนั้น ผมเห็นเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ผม ชื่อไผ่ หยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋า
ผมดีใจมาก
ไผ่ มีร่ม!!
เอาละ งานนี้ขออยู่ใต้ร่มด้วยแล้วกัน
ผมใช้ความพยายามในการทำตัวเล็กแล้วเบียดเข้าไปให้ได้มากที่สุด เพื่ออยู่ใต้ร่มให้ได้
แต่โชคร้าย อิ๋มที่อยู่ด้านขวาของไผ่ ก็คิดแบบเดียวกัน
ตอนนี้ไผ่กางร่มซึ่งอันโคตรเล็กอยู่ โดยมีเพื่อนอีกสองข้างซ้ายขวาพยายามกระแซะเพื่อให้เข้าไปอยู่ในร่มให้ได้
แต่ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดก็ไม่มิดฉันใด มนุษย์ร่างใหญ่ 3 ตัว เอ้ย 3 คน เอาร่มคันเล็ก ๆ มาปิดก็ไม่มิดฉันนั้น
ธรรมชาติของร่ม มันจะปกป้องสายฝนให้กับคนที่อยู่ตรงกลาง แล้วเทน้ำเหล่านั้นใส่คนข้าง
แต่โชคร้าย ผมนี่แหละครับ คือไอ้คนที่นั่งข้าง ๆ
การที่นั่งใต้ร่มครั้งนี้ ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือว่าคิดผิดเพราะนอกจากต้องเปียกฝนที่สาดใส่แล้ว ยังต้องมานั่งรับน้ำที่หยดลงมาจากร่มอีก
ผมว่ามันเปียกหนักกว่าเดิมนะ
ตอนนั้นผมหนาวมาก จำได้ว่าผมสั่นเป็นเจ้าเข้าเลย สั่นแบบควบคุมไม่ได้ สั่นจนเพื่อนข้างต้องหันมามองว่า "เมิงเป็นอะไรมากมั้ย"
หนาวจนผมอยากจะร่วมส่ง SMS ไปรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ว่า "เชี่ยวหลานหนาวมาก"
ฝนก็ตกหนัก ตัวก็เปียก ลมก็แรง
ตอนนั้นเพื่อนผมคนนึงมีความคิดสร้างสรรค์ เห็นว่าน้ำในเขื่อนมันอุ่น เลยกวักน้ำขึ้นมาวิดใส่เพื่อน ๆ เผื่อจะได้คลายหนาวกัน
แต่ความหวังดีของเพื่อนคนนี้ กลับถูกตอบแทนด้วยคำด่ารุมประณามของเพื่อน ๆ
ห่านนน ตอนนี้พวกเราลอยอยู่บนแพที่ฝนตกกระหน่ำ จะเอาชีวิตรอดกลับไปได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เมิงเผือกมากวักน้ำเล่นกัน
นี่เขื่อนเชี่ยวหลานนะ ไม่ใช่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จะได้มากวักน้ำเล่นกันอย่างสำราญใจ
ตอนนั้นคุณลุงค่อย ๆ ขับแพกลับ ผมสังเกตว่าคุณลุงยังพยายามที่จะส่องไฟไปตามชายฝั่งเพื่อจะหาสัตว์ซักตัว
โอย เมิงยังจะส่องอีกเหรอ
ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนัก ผมพยายามเพ่งตามองไปข้างหน้า แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย
1 ชั่วโมงผ่านไป
พวกเราเกือบจะถึงแพที่พักแล้ว
ฝนเริ่มซา
และหยุด
ท้องฟ้าเล่นตลกกับพวกเราจริง ๆ
ตอนนั้นพวกเรามองไปที่ต้นไม้ เห็นแสงกระพริบวิบวาวเต็มไปหมด
ไม่ใช่ "กระสือ" นะแต่เป็น "หิ่งห้อย"
เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ต้นไม้ใหญ่ ๆ ต้นนึงเต็มไปด้วยแสงกระพริบระยิบระยับของหิ่งห้อย
ที่อัมพวาดูเด็กไปเลย
ไนท์ซาฟารีคราวนี้ ตั้งใจมาดูเสือ สิงห์ กระทิง แรด กลับเจอแต่หิ่งห้อยซะงั้น
เป็นการดูหิ่งห้อยที่เสียวและต้องเสี่ยงชีวิตมากๆ
เอาวะ ยังดีกว่าไม่เห็นอะไรเลย
พวกเราถึงแพที่พักโดย (เกือบ) สวัสดิภาพ
ผมเหลือบไปเห็นคุณลุงคนขับเรือ ผมแปลกใจมากเพราะตัวแกไม่เปียกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พวกเรานี่สิยังกะลูกหมาตกน้ำ
ผมถามคุณลุงด้วยความแปลกใจ
"คุณลุง ทำไมตัวไม่เปียกอะครับ"
คุณลุงยิ้มพร้อมกับตอบว่า
"อ๋อ ลุงใส่เสื้อกันฝน"
รู้ว่าฝนตก ทำไมไม่บอก!!
ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่นี่ อย่าลืมกิจกรรม Night Safari นะครับ
ได้เสียวกันจนขาสั่นพลับ ๆ ได้เสียวกันจนลืมไม่ลงเลยล่ะ
ป.ล. เขื่อนเชี่ยวหลานสวยมากครับ ผมไปมาสองครั้งแล้ว ^^
Credit: นายอุ๊ย!!
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ -->
https://www.facebook.com/lovenaioui ***
เรื่องเสียวที่พงไพร
#นายอุ๊ย!!
เมื่อหลายปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยว “เขื่อนรัชประภา” หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” จังหวัดสุราษฏร์ธานี
ต้องยอมรับนะครับ ว่าที่นี่สวยงามมาก ๆ สมกับที่ได้รับสมญานามว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองไทย”
(กุ้ยหลินเป็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศจีนนะครับ เพื่อนผมคนหนึ่งคิดว่าเป็นชื่อหมีแพนด้า)
ทริปนี้ ผมไปกับเพื่อนรวมทั้งหมด 9 คนครับ เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนบัญชีฯ จุฬาฯ ด้วยกัน
โดยคืนแรกพวกเราพักที่แพ 500 ไร่ซึ่งเป็นแพตั้งอยู่ภายในตัวเขื่อน
คืนนั้นเองมีเรื่องเสียวเกิดขึ้นกับพวกเรา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พวกเราเสียวมากและจะไม่มีวันลืมเลย
วันนั้น หลังจากที่พวกเราเล่นน้ำหน้าแพกันอย่างสนุกสนาน พอหนึ่งทุ่ม ก็ถึงกิจกรรมที่พวกเรารอคอย นั่นคือ กิจกรรมล่องแพ "Night Safari"
แว๊บแรกที่ผมได้ยินชื่อกิจกรรมนี้ ผมนึกถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ที่นั่งรถชมสัตว์ตอนกลางคืน
Night Safari ที่นี่ก็อาจจะเป็นการล่องแพไปตามน้ำ เห็นสัตว์ป่า ช้างม้าวัวควาย ลิงค่างบ่างชะนี หมูหมากาไก่ เสือสิงห์กระทิงแรด ออกมาเดินวิ่งเล่นหยอกเย้าให้พวกเราชมกัน
พวกเราเดินขึ้นแพอย่างมั่นใจ พร้อมกับหยิบเสื้อชูชีพลงไปด้วย
แต่คุณลุงคนขับแพห้ามว่า ไม่ให้ใส่เสื้อชูชีพ เพราะกลัวสัตว์ตกใจ
ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าสัตว์ป่ามันกลัวเสื้อชูชีพ
อยากจะบอกคุณลุงเหลือเกินว่า สัตว์มันคงตกใจหนีไปตั้งแต่เห็นหน้าเพื่อนผมแล้วล่ะครับ
พวกเราขึ้นแพไปอย่างตื่นเต้น แพยนต์ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากฝั่งเข้าสู่ภายในตัวเขื่อน
สิ่งแรกที่ผมรู้สึกคือ "มันมืดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
บนแพมีเพียงไฟสปอร์ตไลท์ที่คุณลุงเปิดส่องทางบ้าง หาสัตว์ตามชายฝั่งบ้างเป็นครั้งคราว
แต่พอปิดปุ๊บ มันมืดสนิทจริง ๆ
อย่าว่าแต่จะได้เห็นสัตว์เลยครับ แค่เพื่อนที่นั่งติดกัน ยังมองเห็นหน้ามันไม่ชัดเลย เสือสิงห์กระทิงแรดนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
นั่งไปซัก 5 นาที หันซ้ายขวามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นทุกสิ่งอัน
ผมเริ่มคิดในใจว่า
“นี่กรูมาทำอะไรอยู่"
นั่งแพลึกเข้าไปในป่า แต่ตามองไม่เห็นอะไร
นี่หรือ "Night Safari"
คุณลุงน่าจะเรียกมันว่ากิจกรรม "ส่องสัตว์" มากกว่านะครับ เรียก "Night Safari" มันดูไฮโซเกิ๊นนน
พวกเรานั่งแพเข้าไปอีกเกือบ 1 ชั่วโมง มีอยู่ช่วงนึงน่ากลัวมาก มีตอไม้ผุดขึ้นเต็มไปหมด
ต้องเข้าใจว่าที่นี่เป็นเขื่อน มันเลยมีต้นไม้ที่จมน้ำตาย ต้นไม้ที่สูงใหญ่บางต้นก็จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา
คุณลุงต้องเลี้ยวแพหลบตอไม้อย่างสนุกสนานเหมือนพระเอกโตเกียวดริฟท์ ท่ามกลางความตื่นเต้นของนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา
1 ชั่วโมงผ่านไป พวกเราเข้ามาถึงส่วนที่ลึกที่สุด
ทันใดนั้น ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีใครคาดฝันมาก่อน นั่นคือ
ฝนตก!!
ฝนที่ตกลงมาห่านี้ ไม่ใช่ฝนโปรยปรายเหมือนหนังเรื่อง The Classic ที่พระเอกเอาเสื้อคลุมให้นางเอกแล้ววิ่งกะหนุงกะหนิงไปกลางสายฝน
แล้วก็ไม่ได้ชิว ๆ จนต้องร้องเพลง "วันนี้ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง" ของพี่เสก โลโซ
แต่มัน "ตกโคตรหนัก"
ตกหนักแบบว่า สปอร์ตไลท์ของคุณลุงที่ฉายออกไปด้วยแสงกำลังสูงนั้น มองไม่เห็นอะไรเลย
เอาแล้วไง ทีนี้
ตอนแรก นักท่องเที่ยว 9 ชีวิต อยากมาชมสัตว์อย่างใกล้ชิดแบบ "ไนท์ซาฟารี"
ตอนนี้ นักท่องเที่ยว 9 ชีวิต ลอยอยู่บนแพไม้ส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลใน แถมฝนตกอย่างบ้าคลั่ง มองไม่เห็นห่าอะไรเลย
พูดถึงฝนตก บอกได้คำเดียวว่ามันกวนตีนมากครับ
มันจะตกก่อนหน้านี้ซัก 1 ชั่วโมงก็ไม่ได้
เออ แบบว่าตกตอนที่เรากำลังจะออกเรือ พวกเราก็เห็น "อุ๊ย ฝนตก ไม่ไปดีกว่า" แล้วก็นั่งเล่นไพ่ร้องเพลงภายในแพอย่างสำราญใจ
หรือไม่ก็ตกซัก ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตกตอนที่เรายังไม่ห่างจากแพมากนัก กลับตัวได้ทัน
นี่เผือกมาตกตอนที่เราอยู่ส่วนที่ลึกที่สุด ทำอะไรไม่ได้เลย ห่านจริง ๆ
เมื่อเจอฝนตกหนักขนาดนี้ คุณลุงก็กลับแพ ภารกิจ "ไนท์ซาฟารี" ของพวกเราล้มเหลวไม่เป็นท่า
ผมเข้าใจแล้วล่ะครับ ว่าทำไมสัตว์ถึงไม่ออกมากินน้ำ
เพราะมันรู้ว่าฝนจะตก!!
คิดอย่างนี้แล้วดูเหมือนพวกเราโง่ยังไงก็ไม่รู้
แพค่อย ๆ แล่นไป ผมกลัวแพจะชนตอไม้แล้วแพแตกมาก ๆ เพราะมันมองไม่เห็นอะไรเลย
นึกถึงคำพูดของคุณลุงแล้วอยากจะเข้าไปกระโดดชก
"ไม่ต้องใส่เสื้อชูชีพ เดี๋ยวสัตว์ตกใจ"
นี่คุณค่าชีวิตของพวกเรามีน้อยกว่าความตกใจของสัตว์เหรอเนี่ย
ฝากชีวิตน้อย ๆ ที่พ่อแม่อุตส่าห์กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาตลอดยี่สิบกว่าปี ไว้กับคุณลุงนิรนามคนเดียว
ผมยังไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ผมอยากกลับไปก้มกราบแม่แล้วบอกกับท่านว่า "ผมรักแม่" อีกครั้ง
ตอนนั้นทุกคนตัวเปียกชุ่มประหนึ่งได้มาเล่นน้ำวันสงกรานต์
ทันใดนั้น ผมเห็นเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ผม ชื่อไผ่ หยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋า
ผมดีใจมาก
ไผ่ มีร่ม!!
เอาละ งานนี้ขออยู่ใต้ร่มด้วยแล้วกัน
ผมใช้ความพยายามในการทำตัวเล็กแล้วเบียดเข้าไปให้ได้มากที่สุด เพื่ออยู่ใต้ร่มให้ได้
แต่โชคร้าย อิ๋มที่อยู่ด้านขวาของไผ่ ก็คิดแบบเดียวกัน
ตอนนี้ไผ่กางร่มซึ่งอันโคตรเล็กอยู่ โดยมีเพื่อนอีกสองข้างซ้ายขวาพยายามกระแซะเพื่อให้เข้าไปอยู่ในร่มให้ได้
แต่ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดก็ไม่มิดฉันใด มนุษย์ร่างใหญ่ 3 ตัว เอ้ย 3 คน เอาร่มคันเล็ก ๆ มาปิดก็ไม่มิดฉันนั้น
ธรรมชาติของร่ม มันจะปกป้องสายฝนให้กับคนที่อยู่ตรงกลาง แล้วเทน้ำเหล่านั้นใส่คนข้าง
แต่โชคร้าย ผมนี่แหละครับ คือไอ้คนที่นั่งข้าง ๆ
การที่นั่งใต้ร่มครั้งนี้ ไม่รู้ว่าผมคิดถูกหรือว่าคิดผิดเพราะนอกจากต้องเปียกฝนที่สาดใส่แล้ว ยังต้องมานั่งรับน้ำที่หยดลงมาจากร่มอีก
ผมว่ามันเปียกหนักกว่าเดิมนะ
ตอนนั้นผมหนาวมาก จำได้ว่าผมสั่นเป็นเจ้าเข้าเลย สั่นแบบควบคุมไม่ได้ สั่นจนเพื่อนข้างต้องหันมามองว่า "เมิงเป็นอะไรมากมั้ย"
หนาวจนผมอยากจะร่วมส่ง SMS ไปรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ว่า "เชี่ยวหลานหนาวมาก"
ฝนก็ตกหนัก ตัวก็เปียก ลมก็แรง
ตอนนั้นเพื่อนผมคนนึงมีความคิดสร้างสรรค์ เห็นว่าน้ำในเขื่อนมันอุ่น เลยกวักน้ำขึ้นมาวิดใส่เพื่อน ๆ เผื่อจะได้คลายหนาวกัน
แต่ความหวังดีของเพื่อนคนนี้ กลับถูกตอบแทนด้วยคำด่ารุมประณามของเพื่อน ๆ
ห่านนน ตอนนี้พวกเราลอยอยู่บนแพที่ฝนตกกระหน่ำ จะเอาชีวิตรอดกลับไปได้รึเปล่าก็ไม่รู้ เมิงเผือกมากวักน้ำเล่นกัน
นี่เขื่อนเชี่ยวหลานนะ ไม่ใช่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จะได้มากวักน้ำเล่นกันอย่างสำราญใจ
ตอนนั้นคุณลุงค่อย ๆ ขับแพกลับ ผมสังเกตว่าคุณลุงยังพยายามที่จะส่องไฟไปตามชายฝั่งเพื่อจะหาสัตว์ซักตัว
โอย เมิงยังจะส่องอีกเหรอ
ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนัก ผมพยายามเพ่งตามองไปข้างหน้า แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย
1 ชั่วโมงผ่านไป
พวกเราเกือบจะถึงแพที่พักแล้ว
ฝนเริ่มซา
และหยุด
ท้องฟ้าเล่นตลกกับพวกเราจริง ๆ
ตอนนั้นพวกเรามองไปที่ต้นไม้ เห็นแสงกระพริบวิบวาวเต็มไปหมด
ไม่ใช่ "กระสือ" นะแต่เป็น "หิ่งห้อย"
เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก ต้นไม้ใหญ่ ๆ ต้นนึงเต็มไปด้วยแสงกระพริบระยิบระยับของหิ่งห้อย
ที่อัมพวาดูเด็กไปเลย
ไนท์ซาฟารีคราวนี้ ตั้งใจมาดูเสือ สิงห์ กระทิง แรด กลับเจอแต่หิ่งห้อยซะงั้น
เป็นการดูหิ่งห้อยที่เสียวและต้องเสี่ยงชีวิตมากๆ
เอาวะ ยังดีกว่าไม่เห็นอะไรเลย
พวกเราถึงแพที่พักโดย (เกือบ) สวัสดิภาพ
ผมเหลือบไปเห็นคุณลุงคนขับเรือ ผมแปลกใจมากเพราะตัวแกไม่เปียกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พวกเรานี่สิยังกะลูกหมาตกน้ำ
ผมถามคุณลุงด้วยความแปลกใจ
"คุณลุง ทำไมตัวไม่เปียกอะครับ"
คุณลุงยิ้มพร้อมกับตอบว่า
"อ๋อ ลุงใส่เสื้อกันฝน"
รู้ว่าฝนตก ทำไมไม่บอก!!
ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่นี่ อย่าลืมกิจกรรม Night Safari นะครับ
ได้เสียวกันจนขาสั่นพลับ ๆ ได้เสียวกันจนลืมไม่ลงเลยล่ะ
ป.ล. เขื่อนเชี่ยวหลานสวยมากครับ ผมไปมาสองครั้งแล้ว ^^
Credit: นายอุ๊ย!!
*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***