โดยส่วนตัว ได้นั่งดูสารคดีสู้สุดใจไทยแลนด์ ผ่านทางช่อง ThaiPBS ตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้แล้ว เลยอยากจะติชมหรือวิจารณ์ในบางอย่างหลังจากที่ได้รับชมมาสักนิดสักหน่อย
- ในตอนแรกสารคดี ยังเรียงลำดับไม่ดีมากนัก ในช่วงแรกสารคดีนำเอานักกีฬามาพูดเกี่ยวกับประโยคต่างๆ มากมาย อย่างเช่น (อรอุมา : เต็มที่ทุกครั้งที่ซ้อม สุดแรงทุกครั้งที่แข่ง อรสู้สุดพลัง เพื่อทีมชาติไทย) หรือ (ปลื้มจิต : เมื่อเลือกทางนี้แล้ว ต้องสู้ให้ถึงที่สุด แม้เสียอะไรไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมา คือความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ) แต่ปรากฎว่า inner ของนักกีฬาไม่ถูกดึงออกมาเลย แต่กลับกลายเหมือนกับว่านักกีฬาต้องมองที่ scrip board อย่างเดียว สายตาก็ไม่ได้มองมาที่กล้อง ถ้อยคำต่างๆ เลยดูไม่ฮึกเหิม ต้องพูดให้ตรงสคริปเป๊ะ ไม่งั้นจะโดนเทค เลยทำให้ข้อความไม่ส่งถ่ายมาที่ตัวคนดูสารคดีเลย
- สารคดีเลือกที่จะนำเสนอการประสบความสำเร็จของทีมก่อน ว่าได้ไปแข่งรายการต่างๆ ในระดับโลก แทนที่จะนำเสนอที่มาที่ไปในชีวิตวัยเด็กของนักกีฬาแต่ละคนว่ามาจากจังหวัดไหน และมาเล่นวอลเลย์บอลได้อย่างไร การเข้าเก็บตัวที่จังหวัดยะลาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเนื้อเรื่องในจุดนี้ควรถูกนำเสนอมาเป็นพื้นฐานในการนำเสนอก่อนเป็นอันดับแรก แต่กลับไม่มีเนื้อหาเหล่านี้เลย น่าเสียดายมาก
- การนำเสนอดูจะเป็น story มากกว่าเป็น documentary เพราะนำเฉพาะจุดที่เป็นไฮไล้ทสำคัญแค่ในการเล่นอาชีพอย่างเดียว ว่าแต่ละคนได้ไปเล่นลีคต่างประเทศแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แต่เนื้อเรื่องขั้นพื้นฐานในการเป็นนักกีฬาขาดหายไป เช่น การเตรียมตัวออกเดินทางเตรียมของอะไรไปบ้าง จัดกระเป๋ายังไง หรือเวลาเดินทางที่สนามบินใครไปส่งบ้าง ซึ่งในนี้มันไม่มีเลย ... พร้อมกับเสียงการบรรยายใน story ที่ค่อนข้างเยอะเกินกว่าคำว่า สารคดี ที่จะพูดเฉพาะประเด็นสำคัญๆ topic ไม่กี่คำ แล้วหลังจากนั้นค่อยให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไปเอง (เสียงคุณแอนดี้ เขมพิมุก)
- น่าจะมีการสัมภาษณ์นักกีฬาต่างชาติ ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนโค้ชใหม่ จากโค้ชตุรกีมาเป็นโค้ชอ๊อดแทน ซึ่งมีแต่สัมภาษณ์เฉพาะนักกีฬาไทย ก็จะได้แต่ความรู้สึกเดิมๆ ที่เกรงอกเกรงใจกัน แต่ถ้ามีนักกีฬาต่างชาติจะได้มองเห็นอีกมุมมองหนึ่งแน่ๆ (เปลี่ยนการเล่นมาเป็นแบบเกมส์เร็ว) และมีข้อมูลว่าโค้ชอ๊อดเป็นโค้ชมากว่า 30 ปี อันนี้ข้อมูลน่าจะผิดพลาด เพราะเริ่มเป็นโค้ชครั้งแรกเมื่อปี 2540 เอง หรือว่าเป็นโค้ชก่อนค่อยมาเป็นนักกีฬา???
- ช็อตที่โหดสุดคงเป็นตอนการซ้อมตบของโค้ชอ๊อด และให้ลิโบโร่อย่างวรรณารับ เพราะหน้าตาโค้ชอ๊อดเหมือนทุ่มเทมาก ตบแรงจริงอะไรจริง พร้อมกับผลลัพธ์ที่วรรณา นิ้วซ้น นิ้วแตก แต่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของนักกีฬา ซึ่งตรงจุดนี้น่าจะถามนักกีฬาคนอื่นๆ ต่อว่า เคยได้รับการบาดเจ็บจากการเล่นอย่างไรบ้าง แต่กลับกลายว่าประเด็นนี้หลุดลอยไปอย่างเงียบๆ
คือไม่น่าเชื่อว่าในตลอดเวลาเกือบ 1 ปี ThaiPBS ทำสารคดีได้ไม่ดีเท่าที่ควรเหมือนมาตรฐานที่ควรจะเป็น ทำข้อมูลหลายอย่างตกหล่นไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกับการดำเนินเนื้อหาที่วกวน และรัดตรึงมากจนเกินไป เป็น story มากกว่า documentary มุ่งเน้นแต่ความสำเร็จ มากกว่าความเป็นมา จนอาจจะทำให้คนไทยเสพติดกับคำว่า "ความสำเร็จ" มากจนเกินไป
เก็บตก "สู้สุดใจ ไทยแลนด์" ตอนที่ 1
- ในตอนแรกสารคดี ยังเรียงลำดับไม่ดีมากนัก ในช่วงแรกสารคดีนำเอานักกีฬามาพูดเกี่ยวกับประโยคต่างๆ มากมาย อย่างเช่น (อรอุมา : เต็มที่ทุกครั้งที่ซ้อม สุดแรงทุกครั้งที่แข่ง อรสู้สุดพลัง เพื่อทีมชาติไทย) หรือ (ปลื้มจิต : เมื่อเลือกทางนี้แล้ว ต้องสู้ให้ถึงที่สุด แม้เสียอะไรไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมา คือความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ) แต่ปรากฎว่า inner ของนักกีฬาไม่ถูกดึงออกมาเลย แต่กลับกลายเหมือนกับว่านักกีฬาต้องมองที่ scrip board อย่างเดียว สายตาก็ไม่ได้มองมาที่กล้อง ถ้อยคำต่างๆ เลยดูไม่ฮึกเหิม ต้องพูดให้ตรงสคริปเป๊ะ ไม่งั้นจะโดนเทค เลยทำให้ข้อความไม่ส่งถ่ายมาที่ตัวคนดูสารคดีเลย
- สารคดีเลือกที่จะนำเสนอการประสบความสำเร็จของทีมก่อน ว่าได้ไปแข่งรายการต่างๆ ในระดับโลก แทนที่จะนำเสนอที่มาที่ไปในชีวิตวัยเด็กของนักกีฬาแต่ละคนว่ามาจากจังหวัดไหน และมาเล่นวอลเลย์บอลได้อย่างไร การเข้าเก็บตัวที่จังหวัดยะลาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเนื้อเรื่องในจุดนี้ควรถูกนำเสนอมาเป็นพื้นฐานในการนำเสนอก่อนเป็นอันดับแรก แต่กลับไม่มีเนื้อหาเหล่านี้เลย น่าเสียดายมาก
- การนำเสนอดูจะเป็น story มากกว่าเป็น documentary เพราะนำเฉพาะจุดที่เป็นไฮไล้ทสำคัญแค่ในการเล่นอาชีพอย่างเดียว ว่าแต่ละคนได้ไปเล่นลีคต่างประเทศแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แต่เนื้อเรื่องขั้นพื้นฐานในการเป็นนักกีฬาขาดหายไป เช่น การเตรียมตัวออกเดินทางเตรียมของอะไรไปบ้าง จัดกระเป๋ายังไง หรือเวลาเดินทางที่สนามบินใครไปส่งบ้าง ซึ่งในนี้มันไม่มีเลย ... พร้อมกับเสียงการบรรยายใน story ที่ค่อนข้างเยอะเกินกว่าคำว่า สารคดี ที่จะพูดเฉพาะประเด็นสำคัญๆ topic ไม่กี่คำ แล้วหลังจากนั้นค่อยให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไปเอง (เสียงคุณแอนดี้ เขมพิมุก)
- น่าจะมีการสัมภาษณ์นักกีฬาต่างชาติ ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนโค้ชใหม่ จากโค้ชตุรกีมาเป็นโค้ชอ๊อดแทน ซึ่งมีแต่สัมภาษณ์เฉพาะนักกีฬาไทย ก็จะได้แต่ความรู้สึกเดิมๆ ที่เกรงอกเกรงใจกัน แต่ถ้ามีนักกีฬาต่างชาติจะได้มองเห็นอีกมุมมองหนึ่งแน่ๆ (เปลี่ยนการเล่นมาเป็นแบบเกมส์เร็ว) และมีข้อมูลว่าโค้ชอ๊อดเป็นโค้ชมากว่า 30 ปี อันนี้ข้อมูลน่าจะผิดพลาด เพราะเริ่มเป็นโค้ชครั้งแรกเมื่อปี 2540 เอง หรือว่าเป็นโค้ชก่อนค่อยมาเป็นนักกีฬา???
- ช็อตที่โหดสุดคงเป็นตอนการซ้อมตบของโค้ชอ๊อด และให้ลิโบโร่อย่างวรรณารับ เพราะหน้าตาโค้ชอ๊อดเหมือนทุ่มเทมาก ตบแรงจริงอะไรจริง พร้อมกับผลลัพธ์ที่วรรณา นิ้วซ้น นิ้วแตก แต่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของนักกีฬา ซึ่งตรงจุดนี้น่าจะถามนักกีฬาคนอื่นๆ ต่อว่า เคยได้รับการบาดเจ็บจากการเล่นอย่างไรบ้าง แต่กลับกลายว่าประเด็นนี้หลุดลอยไปอย่างเงียบๆ
คือไม่น่าเชื่อว่าในตลอดเวลาเกือบ 1 ปี ThaiPBS ทำสารคดีได้ไม่ดีเท่าที่ควรเหมือนมาตรฐานที่ควรจะเป็น ทำข้อมูลหลายอย่างตกหล่นไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกับการดำเนินเนื้อหาที่วกวน และรัดตรึงมากจนเกินไป เป็น story มากกว่า documentary มุ่งเน้นแต่ความสำเร็จ มากกว่าความเป็นมา จนอาจจะทำให้คนไทยเสพติดกับคำว่า "ความสำเร็จ" มากจนเกินไป