ขออนุญาตใช้พื้นที่ของ pantip เป็นช่องทางเพื่อสื่อถึงท่านผู้บริหาร รพ.นนทเวช เนื่องจากดิฉันคิดไม่ถึงวิธีการสื่ออย่างอื่นที่สามารถทำให้เข้าถึงได้แล้ว และอีกนัยหนึ่งดิฉันต้องการแชร์ประสบการณ์กับสังคมคุณแม่ในห้องชานเรือนนี้. เริ่มเรื่องเมื่อวันอาทิตย์ก่อน 8 กันยายน 2556 เวลาประมาณ 11.00 น. ลูชายของดิฉันอายุ 1 ขวบ 3 เดือน ได้เกิดอุบัติเหตุล้มฟันกระแทกลิ้น ทำให้เกิดแผลและเลือดออกที่ลิ้น จากนั้นทางคุณสามีได้ปฐมพยาบาลโดยการเช็ดเลือดออกและทำความสะอาด และให้ลูกทานนมนอน โดยคุณสามีตั้งใจว่าจะไปซื้อยาจากร้านขายยามาทาให้ลูก แต่ในความคิดของดิฉันคิดว่าสิทธิ์ในการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางต้นสังกัด(ที่ทำงาน) ปีนี้ยังเหลืออยู่มาก จึงชวนคุณสามีให้พาลูกชายไปพบแพทย์ที่ รพ.นนทเวช หลังจากที่ลูกตื่นนอน
เมื่อไปถึง รพ.นนทเวช ได้แจ้งอาการกับ จนท. และทาง จนท.ได้ส่งต่อให้ไปยังแผนกศัลยกรรม ชั้น1 และได้พบคุณหมอผู้ทำการตรวจ คือ นพ.ฮาปรีต ซิงห์โกเวล ท่านวินิจฉัยว่าต้องทำการเย็บแผล ต้องวางยาสลบ ต้องปรึกษาหมอเด็ก และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางยามาทำการร่วมมือประสานกัน โอ้!!พระเจ้า ท่าคิดได้อย่างไรถึงขั้นต้องวางยาสลบและเย็บแผล ดิฉันจึงสอบถามถึงทางเลือกอื่นว่าขอเป็นยาทา หรือ ทาน ได้หรือไม่ ท่านตอบกลับมาว่า (อันนี้เป็นคำพูดของคุณหมอจริงๆ จำได้แม่น ไม่คิดว่าคุณหมอ รพ.เอกชนจะตอบแบบนี้) "มันไม่ใช่ยาวิเศษ!!" ทานแล้วจะหาย.. จะให้ทานยาแต่ไม่รับประกันผล ถ้าเย็บแผลต้องเย็บตอนนี้ ถ้าเกิน 6 ชั่วโมงไปแล้ว การรักษาจะยิ่งยากมากกว่าการวางยาสลบและเย็บแผล คำพูดโดยรวม คือ ต้องการให้เราวางยาเย็บแผล
สุดท้ายเราเลือกที่จะรับยา และเมื่อเดินมาถึงหน้าเคาเตอร์ จนท. พยาบาลประจำแผนกศัลยกรรม ดิฉันได้บอกกล่าวกับทาง จนท. ว่าไม่พอใจการวินิจฉัย และมารยาทในการพูดของคุณหมอเป็นอย่างมาก ทาง จนท.แนะนำว่า เราสามารถเปลี่ยนคุญหมอได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และให้ตรวจกับคุณหมอประจำแผนกศัลยกรรมอีกท่าน ถ้าจำไม่ผิด. ท่านชื่อ คุณหมออุทัย (อ่านจากป้ายหน้าห้องตรวจ) หลังจากนั่งรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ทาง จนท. ได้เดินมาบอกและนำไปตรวจกับคุณหมออีกท่านโดยเปลี่ยนแผนกเลย เราถูกนำมาชั้น3 แผนก หู ตา คอ พบคุณหมอกิตติศาสตร์ แตงร่ม การวินิจฉัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ท่านบอกว่า กินยาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบเย็บแผล เพราะจากขนาดแผลและอายุเด็กยังน้อยมากสำหรับการวางยาสลบ ซึ่งการกินยานั้น มีความเสี่ยงในการผิดพลาดแค่ 20% เท่านั้นในการติดเชื้อ แต่ถ้าเรารับความเสี่ยง 20% นั้นไม่ได้. ต้องการความชัวร์ก็ควรที่จะเย็บแผล สุดท้ายดิฉันขอรับยา และเดินออกจากห้องตรวจด้วยความสบายใจ หลังจากนั้นดิฉันพาลูกกลับบ้าน และดูเหมือนแค่วันเดียวเอง เช้าวันจันทร์ ลูกดูเป็นปรกติ ทานอาหาร ทานนมได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
ทั้งหมดนี้. เพื่อต้องการฝากถึงท่านผู้บริหาร รพ.นนทเวช ช่วยพิจารณาการวินิจฉัยโรค จรรยาบรรณในวิชาชีพ และมารยาทในการพูดของคุณหมอฮาปรีต ซิงห์โกเวล เป็นพิเศษเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้รับบริการ และภาพลักษณ์ที่ดีของ รพ.นนทเวช และขอชื่นชม กับ คุณหมอกิตติศาสตร์ แตงร่ม ในการตรวจวินิจฉัย และคำแนะนำดีๆ สร้างความสบายใจให้กับผู้รับบริการ รวมถึง จนท. พยาบาล แผนกศัลยกรรม ชั้น1 ด้วย สำหรับบริการที่ดี ตลอดจนมารยาทดีๆที่สามารถควบคุมได้ เมื่อเจอผู้รับบริการที่มีปัญหาอย่างดิฉัน และสามารถเคลียปัญหาต่างๆนานา ได้จนจบ เหมือนวันนั้นเราจะใช้เวลา ครึ่งวันบ่ายทั้งหมด ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ที่ รพ.นนทเวช .. ขอบคุณค่ะ..
[CR] รพ.นนทเวช กับบุคลากรทั้งดี และแย่
เมื่อไปถึง รพ.นนทเวช ได้แจ้งอาการกับ จนท. และทาง จนท.ได้ส่งต่อให้ไปยังแผนกศัลยกรรม ชั้น1 และได้พบคุณหมอผู้ทำการตรวจ คือ นพ.ฮาปรีต ซิงห์โกเวล ท่านวินิจฉัยว่าต้องทำการเย็บแผล ต้องวางยาสลบ ต้องปรึกษาหมอเด็ก และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางยามาทำการร่วมมือประสานกัน โอ้!!พระเจ้า ท่าคิดได้อย่างไรถึงขั้นต้องวางยาสลบและเย็บแผล ดิฉันจึงสอบถามถึงทางเลือกอื่นว่าขอเป็นยาทา หรือ ทาน ได้หรือไม่ ท่านตอบกลับมาว่า (อันนี้เป็นคำพูดของคุณหมอจริงๆ จำได้แม่น ไม่คิดว่าคุณหมอ รพ.เอกชนจะตอบแบบนี้) "มันไม่ใช่ยาวิเศษ!!" ทานแล้วจะหาย.. จะให้ทานยาแต่ไม่รับประกันผล ถ้าเย็บแผลต้องเย็บตอนนี้ ถ้าเกิน 6 ชั่วโมงไปแล้ว การรักษาจะยิ่งยากมากกว่าการวางยาสลบและเย็บแผล คำพูดโดยรวม คือ ต้องการให้เราวางยาเย็บแผล
สุดท้ายเราเลือกที่จะรับยา และเมื่อเดินมาถึงหน้าเคาเตอร์ จนท. พยาบาลประจำแผนกศัลยกรรม ดิฉันได้บอกกล่าวกับทาง จนท. ว่าไม่พอใจการวินิจฉัย และมารยาทในการพูดของคุณหมอเป็นอย่างมาก ทาง จนท.แนะนำว่า เราสามารถเปลี่ยนคุญหมอได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และให้ตรวจกับคุณหมอประจำแผนกศัลยกรรมอีกท่าน ถ้าจำไม่ผิด. ท่านชื่อ คุณหมออุทัย (อ่านจากป้ายหน้าห้องตรวจ) หลังจากนั่งรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ทาง จนท. ได้เดินมาบอกและนำไปตรวจกับคุณหมออีกท่านโดยเปลี่ยนแผนกเลย เราถูกนำมาชั้น3 แผนก หู ตา คอ พบคุณหมอกิตติศาสตร์ แตงร่ม การวินิจฉัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ท่านบอกว่า กินยาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบเย็บแผล เพราะจากขนาดแผลและอายุเด็กยังน้อยมากสำหรับการวางยาสลบ ซึ่งการกินยานั้น มีความเสี่ยงในการผิดพลาดแค่ 20% เท่านั้นในการติดเชื้อ แต่ถ้าเรารับความเสี่ยง 20% นั้นไม่ได้. ต้องการความชัวร์ก็ควรที่จะเย็บแผล สุดท้ายดิฉันขอรับยา และเดินออกจากห้องตรวจด้วยความสบายใจ หลังจากนั้นดิฉันพาลูกกลับบ้าน และดูเหมือนแค่วันเดียวเอง เช้าวันจันทร์ ลูกดูเป็นปรกติ ทานอาหาร ทานนมได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
ทั้งหมดนี้. เพื่อต้องการฝากถึงท่านผู้บริหาร รพ.นนทเวช ช่วยพิจารณาการวินิจฉัยโรค จรรยาบรรณในวิชาชีพ และมารยาทในการพูดของคุณหมอฮาปรีต ซิงห์โกเวล เป็นพิเศษเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้รับบริการ และภาพลักษณ์ที่ดีของ รพ.นนทเวช และขอชื่นชม กับ คุณหมอกิตติศาสตร์ แตงร่ม ในการตรวจวินิจฉัย และคำแนะนำดีๆ สร้างความสบายใจให้กับผู้รับบริการ รวมถึง จนท. พยาบาล แผนกศัลยกรรม ชั้น1 ด้วย สำหรับบริการที่ดี ตลอดจนมารยาทดีๆที่สามารถควบคุมได้ เมื่อเจอผู้รับบริการที่มีปัญหาอย่างดิฉัน และสามารถเคลียปัญหาต่างๆนานา ได้จนจบ เหมือนวันนั้นเราจะใช้เวลา ครึ่งวันบ่ายทั้งหมด ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ที่ รพ.นนทเวช .. ขอบคุณค่ะ..