ในภาวะที่ไม่ใช่ไซเวย์ แต่เป็นภาวะที่ตลาดหุ้นขึ้นหรือลงกฎนี้ยังใช้ได้อยู่ครับ พอดีเป็นคนชอบเทสกราฟราคาหุ้นย้อนหลังในช่วงวันหยุดและศึกษาหาความรู้ใหม่ๆเรื่อยๆ ถ้าตลาดหุ้นขาขึ้นหุ้น 3 ใน 4 จะขึ้นตามไปด้วย ตรงข้ามถ้าเป็นขาลงหุ้น 3 ใน 4 ก็จะลงด้วย เมื่อก่อนเคยคิดจะเล่นแนววีไอแต่ด้วยต้นทุนที่น้อยเลยเปลี่ยนตัวเองมาเล่นแนว เทรดเดอร์ ทุกวันนี้จะซื้อขายหุ้นตามกราฟเทคนิคที่เซทไว้อย่างมีวินัย จะขายถ้ากราฟที่ซื้อไว้ให้สัญญาณขาย ส่วนเวลาซื้อผมจะ ดูกราฟหุ้นทุกตัวในตลาด และก็ลิสรายชื่อไว้ อย่างหุ้นทีจะซื้อผมจะดูสภาพคล่องด้วย ถ้าสมมุติมีรายชื่อที่ลิสไว้ 20 ตัว แต่ผมต้องการจะซื้อแค่ตัวเดียว ผมจะดูพื้นฐานร่วมด้วย ซื้อไว้ถ้าผิดทางต้องสามารถขายออกได้ด้วย หุ้นทีไม่มีสภาพคล่องที่ bid กับ offer ห่างกันมากๆ จำนวนหุ้นน้อยเกินไปซื้อไปแล้วมีสิทธิ์ติดหุ้นสูงผมจะไม่เข้าไปเสี่ยง แต่ผมจะดูหุ้นเป็นตัวๆไป ผมไม่ค่อยมองภาพ set เท่าไร น้อยครั้งมากที่จะมีเงินสดเหลือติดพอร์ต ผมถือหุ้นเกือบ 100% ตลอดเวลา ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาลงหรือขาขึ้น พอร์ตรวมก็จะชนะ set ตลอด บางคนบอกรอให้สัญญาณชัดเจนก่อนค่อยซื้อ สำหรับผมมองว่าเป็นการเสียโอกาส ผมยอมที่จะเสี่ยงมากกว่า และช่วงหลายปีทีผ่านมาก็ทำให้พอร์ตผมโตหลายเท่าตัว ทั้งที่ดัชนี set ขึ้นประมาณ 1-2 เท่าตัว และผมก็ทยอยเอาิเงินทั้งต้นทุนและกำไรออกมาแล้ว พอร์ตปัจจุบันไม่มีต้นทุนแล้วเป็นแต่กำไรทั้งหมด ผมมีความมุ่งมั่นว่าสักวันผมจะเป็นเทรดเดอร์เก่งๆให้ได้ ส่วนพวกนักวิเคราะห์ผมชอบฟังนะครับเอาไว้เป็นความรู้ แต่ที่เชียร์ซื้อเชียร์ขายอันนี้ผมไม่ค่อยเชื่อ ผมเชื่อกราฟตัวเองมากกว่า