คนไทยโบราณมีความเชื่อว่า ต้นไม้ใหญ่ๆ จะมีผีผู้หญิงสิงสถิตอยู่ ปู่ย่าตายายเราเรียกเธอว่า "นางไม้"
บางคนไม่ดูตาม้าตาเรือ ไปตัดต้นไม้นั้นมาทำเสาบ้าน เกิดเป็นเสาตกน้ำมัน ต้องหาเครื่องเซ่น บวงสรวงกันวุ่นวาย
ในอดีต การสัญจรทางน้ำเป็นทางสะดวกที่สุด เพราะไม่ต้องเสี่ยงเจอกับงูเงี้ยวเขี้ยวขอหรือสัตว์ร้าย ทั้งแม่น้ำลำคลองก็มากมาย พาหนะที่ใช้ก็คือเรือ ดังนั้น การตัดต้นไม้ใหญ่มาทำเรือ จึงเป็นเรื่องปกติ
การทำเรือสมัยโบราณ ใช้วิธีการตัดต้นไม้มาทั้งต้น แล้วขุดแต่งแบบ Hand made เอาไฟสุมไล่ความชื้น ให้ไม้ขยายตัวเข้ารูปทรงเป็นเรือที่สวยงาม
เรือใหญ่ๆ จึงต้องมาจากต้นไม้ใหญ่ๆ ที่เชื่อว่ามี "นางไม้" สถิตอยู่
เมื่อแปรรูปต้นไม้เป็นเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว "นางไม้" จึงเปลี่ยนสถานะเป็น "แม่ย่านาง"
นี่พอเป็นเหตุเป็นผลพอรับฟังได้ว่า ทำไมเรือจึงมีแม่ย่านาง
แต่ปัจจุบันแม่ย่านางดูเหมือนจะไปอยู่กับพาหนะทุกชนิด ตั้งแต่รถอีโคคาร์ ยันรถสปอร์ตหรู
ตั้งแต่เรือเดินสมุทรยันเรือรบ
สุดท้ายที่เห็น "เรือบิน" ก็มีแม่ย่านางกับเค้าด้วย
แม่ย่านางนี่ก็แปลก แทนที่จะช่วยปัดเป่าภยันตรายที่จะเกิดขึ้น
กลับมาทำหน้าที่แทนลูกเรือ ลอยไปลอยมา ช่วยเหลือผู้โดยสารที่กำลังตระหนกตกใจ ไม่รู้จะมาช่วยหรือมาทำให้กลัวกันแน่
โจงกระเบน สไบเฉียงที่แม่ย่านางใส่ก็ไม่ทะมัดทะแมงพอที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยเอาเสียเลย
มิหนำซ้ำยังอาจเป็นภาระให้ผู้โดยสารจากนานาประเทศที่ไม่รู้จักแม่ย่านางอีกด้วย
เค้าคงนึกว่าแม่ย่านางเป็นพรีเซนเตอร์ของสายการบินที่ไหว้สวยๆ กำลังประสบเหตุอยู่
ดังนั้น การมีแม่ย่านางอยู่บนเรือบิน จึงไม่เห็นมีประโยชน์อันใด รังแต่จะทำให้เป็นเรื่องขบขันไปทั่วนานาอารยะประเทศ
ได้ข่าวว่า พอแม่ย่านางช่วยเหลือผู้โดยสารเสร็จก็ตกใจถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ ทำให้ล้อเรือบินจมดินจนลากไม่ขึ้น
ร้อนถึง ดีดี ของสายการบินใหญ่ต้องทำพิธีเรียกขวัญกันวุ่นวาย พอแม่ย่านางหายตกใจแล้วจึงทำการสำเร็จ
ถ้าจะให้ดี ผมแนะนำว่า วารสาร Saweedus ฉบับหน้า ช่วยลงรูปแม่ย่านางให้ดูหน่อย
จะได้เป็นที่รู้จักทั้งผู้โดยสารชาวไทยและต่างประเทศ
สอระยุดแห่งเรื่องเต้าเช้านี้อุทิศเวลาให้แก่แม่ย่านางอยู่หลายนาที
แต่เสียดาย.. ผมดูแล้วก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นสายการบินอะไร เพราะเค้าเอาสีดำมาทาโลโก้สายการบินเสียหมด
ถ้าเป็นสายการบินไทยล่ะก็ ผมอายเค้าตายเลย...
แม่ย่านาง...
บางคนไม่ดูตาม้าตาเรือ ไปตัดต้นไม้นั้นมาทำเสาบ้าน เกิดเป็นเสาตกน้ำมัน ต้องหาเครื่องเซ่น บวงสรวงกันวุ่นวาย
ในอดีต การสัญจรทางน้ำเป็นทางสะดวกที่สุด เพราะไม่ต้องเสี่ยงเจอกับงูเงี้ยวเขี้ยวขอหรือสัตว์ร้าย ทั้งแม่น้ำลำคลองก็มากมาย พาหนะที่ใช้ก็คือเรือ ดังนั้น การตัดต้นไม้ใหญ่มาทำเรือ จึงเป็นเรื่องปกติ
การทำเรือสมัยโบราณ ใช้วิธีการตัดต้นไม้มาทั้งต้น แล้วขุดแต่งแบบ Hand made เอาไฟสุมไล่ความชื้น ให้ไม้ขยายตัวเข้ารูปทรงเป็นเรือที่สวยงาม
เรือใหญ่ๆ จึงต้องมาจากต้นไม้ใหญ่ๆ ที่เชื่อว่ามี "นางไม้" สถิตอยู่
เมื่อแปรรูปต้นไม้เป็นเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว "นางไม้" จึงเปลี่ยนสถานะเป็น "แม่ย่านาง"
นี่พอเป็นเหตุเป็นผลพอรับฟังได้ว่า ทำไมเรือจึงมีแม่ย่านาง
แต่ปัจจุบันแม่ย่านางดูเหมือนจะไปอยู่กับพาหนะทุกชนิด ตั้งแต่รถอีโคคาร์ ยันรถสปอร์ตหรู
ตั้งแต่เรือเดินสมุทรยันเรือรบ
สุดท้ายที่เห็น "เรือบิน" ก็มีแม่ย่านางกับเค้าด้วย
แม่ย่านางนี่ก็แปลก แทนที่จะช่วยปัดเป่าภยันตรายที่จะเกิดขึ้น
กลับมาทำหน้าที่แทนลูกเรือ ลอยไปลอยมา ช่วยเหลือผู้โดยสารที่กำลังตระหนกตกใจ ไม่รู้จะมาช่วยหรือมาทำให้กลัวกันแน่
โจงกระเบน สไบเฉียงที่แม่ย่านางใส่ก็ไม่ทะมัดทะแมงพอที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยเอาเสียเลย
มิหนำซ้ำยังอาจเป็นภาระให้ผู้โดยสารจากนานาประเทศที่ไม่รู้จักแม่ย่านางอีกด้วย
เค้าคงนึกว่าแม่ย่านางเป็นพรีเซนเตอร์ของสายการบินที่ไหว้สวยๆ กำลังประสบเหตุอยู่
ดังนั้น การมีแม่ย่านางอยู่บนเรือบิน จึงไม่เห็นมีประโยชน์อันใด รังแต่จะทำให้เป็นเรื่องขบขันไปทั่วนานาอารยะประเทศ
ได้ข่าวว่า พอแม่ย่านางช่วยเหลือผู้โดยสารเสร็จก็ตกใจถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ ทำให้ล้อเรือบินจมดินจนลากไม่ขึ้น
ร้อนถึง ดีดี ของสายการบินใหญ่ต้องทำพิธีเรียกขวัญกันวุ่นวาย พอแม่ย่านางหายตกใจแล้วจึงทำการสำเร็จ
ถ้าจะให้ดี ผมแนะนำว่า วารสาร Saweedus ฉบับหน้า ช่วยลงรูปแม่ย่านางให้ดูหน่อย
จะได้เป็นที่รู้จักทั้งผู้โดยสารชาวไทยและต่างประเทศ
สอระยุดแห่งเรื่องเต้าเช้านี้อุทิศเวลาให้แก่แม่ย่านางอยู่หลายนาที
แต่เสียดาย.. ผมดูแล้วก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นสายการบินอะไร เพราะเค้าเอาสีดำมาทาโลโก้สายการบินเสียหมด
ถ้าเป็นสายการบินไทยล่ะก็ ผมอายเค้าตายเลย...