สวัสดีครับ
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1100
Mr. Coffee : คุณโต้งรักหนังแค่ไหน
คุณโต้ง : เรียกว่าคลั่งเลยดีกว่า ผมไม่รู้เหมือนกัน เพราะวันๆ หนึ่ง ผมคิดแต่เรื่องหนัง ตอนแรกมันเกิดจากความชอบ ที่ดูทุกวันตั้งแต่เด็ก แล้วพอโตขึ้นมา เราได้มาทำงานตรงนี้อีก มันก็เลยเหมือนกับว่า ก็ดี ชีวิตก็มีอยู่แค่นี้แหล่ะ มันเหมือนเราเล่นสนุกทุกวัน ไม่น่าจะเรียกว่ารัก แต่เป็นระดับบ้าคลั่ง
Mr. Coffee : เวลาว่างคุณโต้งก็จะดูหนังมากกว่าทำอย่างอื่นใช่ไหมครับ
คุณโต้ง : ก็จะดูหนัง ดูซีรี่ แล้วก็คอนเสิร์ตนี่ชอบมากครับ ชอบดูสดๆ
Mr. Coffee : ทีวีล่ะครับ
คุณโต้ง : ไม่ดูเลยครับ แต่ youtube ดูครับ ผมชอบดูคลิปขำๆ ใน youtube ล่าสุดผมชอบดูตลก Comedy Central ของคนดำ 2 คนชื่อ Key & Peele (www.youtube.com/playlist?list=PL83DDC2327BEB616D) ดูเป็นสิบๆ คลิปเลยครับ
Mr. Coffee : ระหว่างความรักที่เกิดใน กวนมึนโฮ กับ พี่มาก...พระโขนง ชอบแบบไหน
คุณโต้ง : ผมว่าพี่มากฯ แฟนตาซีครับ กวนมึนโฮ Realistic กว่าเยอะ กวนมึนโฮ ต้องเกิดขึ้นได้มากกว่าอยู่แล้ว แต่ผมว่าคนที่คิดแบบพี่มากฯ มีเยอะ คือคนที่ดูหนังเรื่องแม่นาคแล้วข้องใจว่า ก็พี่มากรักแม่นาคมาตลอดแล้ว พอรู้ว่าเค้าตายแล้ว เกลียดอย่างนั้นเลยหรือ นี่ก็มีเยอะ ผมก็ว่าเกิดขึ้นได้ทั้งคู่แหล่ะครับ แต่คนแบบพี่มาก อาจจะไม่ใช่ทุกคน แต่ Moment แบบในกวนมึนโฮ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่แค่อาจจะยังไม่เคยเจอ หมายถึงไปต่างแดน เหงาๆ และเกิดความประทับใจกันได้อย่างรวดเร็ว แต่กวนมึนโฮ มันมากว่าชาวบ้านตรงที่เจอคนที่ใช่มากๆ ด้วย ประมาณว่าเราไม่เคยเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้เลยเวลาอยู่กับแฟน
Mr. Coffee : ในกวนมึนโฮ หากคุณโต้งเป็นพระเอกในฉากที่เจอก้อย จะทำยังไง
คุณโต้ง : ผมว่าคงสติแตก คงบ้าไปเลย คงทำคล้ายๆ พระเอกในเรื่องนะผมว่า เพราะว่าก้อยไม่ผิดอะไร เราก็เขียนไปขอเค้าแต่งงาน และตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่า เอ...แต่พระเอกก็บัดซบเหมือนกันนะ หึหึ
Mr. Coffee : แล้วคุณโต้งเคยถามคนในทีมงาน เช่นเต๋อ ดูบ้างไหมว่าถ้าเป็นเค้า เค้าจะทำยังไง
คุณโต้ง : ผมว่าทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่พระเอก (เต๋อ) ทำ ก็คือรับ Re-act ตรงหน้า พอก้อย (จุ๋ย) เข้ามากอดก็กอด แค่นั้นเอง การพยายามวิ่งไปบอกนางเอก (หนูนา) ว่าอย่าพึ่งไป มันยิ่งเห็นแก่ตัวไง ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนั้นมันคือการทำอะไรไม่ถูก แต่หนังมันดันเล่าว่าจะเจอกันบนเครื่องอีกไง โมเมนท์นั้นมันเลยข้ามไปหน่อย
Mr. Coffee : ฉากนี้อยู่ในบทตั้งแต่ร่างแรกเลยใช่ไหมครับ
คุณโต้ง : ใช่ครับว่าก้อยจะต้องมา เป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากทำหนังเรื่องนี้เลยครับ มันน้ำเน่าดี ผมชอบครับ
Mr. Coffee : การเขียนบทหนังรักดราม่า ที่คุณโต้งจะทำเรื่องต่อไป มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทีมงานที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาช่วยกันเขียนบทเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะเหตุใด
คุณโต้ง : ใช่ครับ ยังจะใช้แบบเดิมคือมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง เนื่องจาก ถ้าผมเขียนเองมันก็จะได้ในมุมของฝั่งผู้ชายอย่างเดียว และแอ้ม (นนตรา คุ้งวงษ์) ก็จะมาช่วยในส่วนด้านมุมของผู้หญิงได้เยอะมาก จริงๆ ตอนในกวนมึนโฮ เกิดจากทางโปรดิวเซอร์ โยนมาว่าต้องมีคนเขียนบทผู้หญิงในทีม เพราะว่าเป็นหนังรักที่ไม่ใช่หนังรักปกติ มันมีการ Explore ทัศนคติ เพราะจะคุยกันทั้งเรื่อง เถียงกันในเรื่องทัศนคติของความเป็นหญิง ความเป็นชาย ก็เลยจำเป็นมากที่ต้องมีคนเขียนฝั่งผู้หญิง และบังเอิญนางเอก กวนมึนโฮ คล้ายแอ้มด้วยครับ ความรั่ว วิธีคิดอะไรบางอย่างใช่เลย
Mr. Coffee : ขอตัวอย่างหนังรักของไทยและต่างประเทศ ที่คุณโต้งชอบ
คุณโต้ง : หนังไทยก็ Last Life in the Universe ของพี่เป็นเอก รัตนเรืองครับ ชอบมากๆ ครับ รู้สึกว่าโคตรจี๊ดเลย และมีลีลาที่เป็นของตัวเองสุดๆ ผมว่านี่คืองานของพี่ต้อมที่ดีที่สุดคือเรื่องหนึ่งครับ สำหรับผม ดีกว่ามนตร์รักทรานซิสเตอร์ด้วย พี่ต้องสร้างภาษาหนังที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ และอีกเรื่องก็ O-Negative รักออกแบบไม่ได้ คงจะเป็นประเด็นเรื่องเพื่อนด้วย ชอบมาก ส่วนพวกแฟนฉัน หรือเพื่อนสนิทก็ชอบมากครับ ความจำสั้นแต่รักฉันยาว ก็ซาบซึ้งดี แต่ที่ชอบมากที่สุดก็เป็น Last Life in the Universe ครับ ส่วนหนังฝรั่งก็ When Harry Met Sally และ Jerry Maguire เป็นหนังแนวพูดมากๆ แบบที่ผมชอบ ลีลาการพูดแบบ Jerry Maguire จริงๆ มันเน่ามาก แต่เขียนและกำกับกันซะจนโคตรโรแมนติกเลย จริงๆ มีอีกเยอะครับ Notting Hill ก็ชอบมากครับ ดูเป็นสิบๆ รอบ ดูแล้วอยากทำหนังให้ได้แบบนี้คือ โคตรเน่าเลยแต่มีรสนิยมมากๆ
Mr. Coffee : มุมมองด้านความรักในหนังไทยกับหนังต่างประเทศมีความแตกต่างกันอย่างไร
คุณโต้ง : สิ่งที่ต่างแน่นอนก็คือวัฒนธรรมของการแสดงออก ฝรั่งแสดงความรักกันอย่างชื่นมื่นมาก จูบ การกอด มีอะไรก็พูดๆๆ คำหวานหรือคำพูดเลี่ยนๆ จะประดิดประดอยได้มากกว่า เพราะเค้าเป็นวัฒนธรรมที่เยอะ พูดได้ แสดงออกทั้งหมด ในขณะที่คนไทยจะทำอะไรที่ Private มากกว่า การประดิดประดอยมากกว่า ใช้คำสวยหรู ฝรั่งพูดจะธรรมชาติกว่าเยอะ คนไทยจะต้องน้อยกว่า เช่น I love you จะไม่ได้พูดกันตลอดเวลา จะพูดใน Moment ที่สำคัญมากๆ ฝรั่งพูดตลอดเวลาได้ แต่ญี่ปุ่นยิ่งแล้วใหญ่ จะเป็นวัฒนธรรมที่เก็บสุดๆ ผมว่าบริบทมันต่างกันที่วัฒนธรรมคนเท่านั้น คือเราก็เคยคุยกันว่าเราชอบบทสนทนาจี๊ดแบบใน Jerry Maguire หรือใน When Harry Met Sally ที่พูดประมาณว่า “ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว ผมอยากจะเริ่มชีวิตตอนนี้ เวลานี้ กับคุณ” คนไทยไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้กันเลยแน่ๆ แล้วจะทำยังไงให้มีความโรแมนติกในบทสนทนา ซึ่งกวนมึนโฮเป็นความพยายามครับ มีประโยคจำเต็มไปหมด แต่ว่าไม่เลี่ยนและต้องจำได้ เช่น “ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ความรู้สึกนี้มันคืออะไร แต่เวลาที่ผมอยู่กับคุณมันโคตรมีความสุข” หรือ “คุณไม่สงสารชั้นหรอ” คือมันจะน้อยกว่าแต่ต้อง Memorable เท่ากัน ฝรั่งก็มี Realistic ในเแบบของเค้า ของเราก็มีในแบบของเรา หนังไทยบางเรื่องก็เคยเห็นพยายามทำแบบฝรั่ง ผมดูแล้วขนลุก
Mr. Coffee : อะไรสำคัญที่สุดในการจะสร้างหนังรักสักหนึ่งเรื่อง บท เคมี ฯลฯ
คุณโต้ง : ผมว่าเท่ากันเลยนะครับ ถ้า Cast ถูกต้อง เคมีดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเรื่องมันไม่มีอะไรเลย อาจจะเป็นหนังรักที่พอดูได้ แค่มีเสน่ห์ แต่ธรรมดา ถ้าบทดีด้วยก็จะยิ่ง Perfect แต่ถ้าบทดีแล้ว cast ผิด ก็ไปเลยเหมือนกัน ถ้ามองในแง่หนังรัก cast อาจจะเหนือว่านิดนึง เพราะไม่ว่า 2 คนนี้จะพูออะไร มันก็จะดูน่าฟังไปหมด แล้วบทห่วย ก็จะเป็นหนังรักกลางๆ แต่ถ้าบทดีมากแต่ Cast เอาใครมาเล่นก็ไม่รู้นี่ไปเลย ไม่มีมีทางรอด ถึงบทจะระดับออสการ์ก็ตาม
Mr. Coffee : ถ้าไม่ได้เป็นผู้กำกับ คุณโต้งจะไปทำอะไรครับ
คุณโต้ง : ชอบคิดครับ คงไปเป็น Creative Agency หรือไม่ก็นักเขียน อยากเขียนหนังสือ
Mr. Coffee : จะเป็นผู้กำกับหนังไปอีกนานแค่ไหน หรือจะไปเป็นโปรดิวเซอร์
คุณโต้ง : ยังตอบไม่ได้ครับ ถ้ายังมีเรื่องที่อยากเล่าก็คงยังทำอยู่ แต่ในอนาคตอาจมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ รุ่นน้องได้เพราะทำหนังมาเยอะ.
ฝากบทความก่อนๆด้วยนะครับ
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : Checker ฟันเฟืองสำคัญของ “หนังไทย”
http://ppantip.com/topic/30776136
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : End Credits กับ “ความโง่” ของ “โรงหนัง”
http://ppantip.com/topic/30848998
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : ว่าด้วย DVD Box Set
http://ppantip.com/topic/30862595
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : ปมร้อนตั๋วหนัง : กรณีศึกษาโรงหนังมาเลเซีย
http://ppantip.com/topic/30923730
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : ยอดเยี่ยมที่สุด
http://ppantip.com/topic/30934588
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : จิบกาแฟกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/30965553
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : จิบกาแฟกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” (ตอนที่ 2)
http://ppantip.com/topic/30968008
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : “อยากเป็นนักเขียน” ความในใจ “โต้ง 1,000 ล้าน”
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1100
Mr. Coffee : คุณโต้งรักหนังแค่ไหน
คุณโต้ง : เรียกว่าคลั่งเลยดีกว่า ผมไม่รู้เหมือนกัน เพราะวันๆ หนึ่ง ผมคิดแต่เรื่องหนัง ตอนแรกมันเกิดจากความชอบ ที่ดูทุกวันตั้งแต่เด็ก แล้วพอโตขึ้นมา เราได้มาทำงานตรงนี้อีก มันก็เลยเหมือนกับว่า ก็ดี ชีวิตก็มีอยู่แค่นี้แหล่ะ มันเหมือนเราเล่นสนุกทุกวัน ไม่น่าจะเรียกว่ารัก แต่เป็นระดับบ้าคลั่ง
Mr. Coffee : เวลาว่างคุณโต้งก็จะดูหนังมากกว่าทำอย่างอื่นใช่ไหมครับ
คุณโต้ง : ก็จะดูหนัง ดูซีรี่ แล้วก็คอนเสิร์ตนี่ชอบมากครับ ชอบดูสดๆ
Mr. Coffee : ทีวีล่ะครับ
คุณโต้ง : ไม่ดูเลยครับ แต่ youtube ดูครับ ผมชอบดูคลิปขำๆ ใน youtube ล่าสุดผมชอบดูตลก Comedy Central ของคนดำ 2 คนชื่อ Key & Peele (www.youtube.com/playlist?list=PL83DDC2327BEB616D) ดูเป็นสิบๆ คลิปเลยครับ
Mr. Coffee : ระหว่างความรักที่เกิดใน กวนมึนโฮ กับ พี่มาก...พระโขนง ชอบแบบไหน
คุณโต้ง : ผมว่าพี่มากฯ แฟนตาซีครับ กวนมึนโฮ Realistic กว่าเยอะ กวนมึนโฮ ต้องเกิดขึ้นได้มากกว่าอยู่แล้ว แต่ผมว่าคนที่คิดแบบพี่มากฯ มีเยอะ คือคนที่ดูหนังเรื่องแม่นาคแล้วข้องใจว่า ก็พี่มากรักแม่นาคมาตลอดแล้ว พอรู้ว่าเค้าตายแล้ว เกลียดอย่างนั้นเลยหรือ นี่ก็มีเยอะ ผมก็ว่าเกิดขึ้นได้ทั้งคู่แหล่ะครับ แต่คนแบบพี่มาก อาจจะไม่ใช่ทุกคน แต่ Moment แบบในกวนมึนโฮ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่แค่อาจจะยังไม่เคยเจอ หมายถึงไปต่างแดน เหงาๆ และเกิดความประทับใจกันได้อย่างรวดเร็ว แต่กวนมึนโฮ มันมากว่าชาวบ้านตรงที่เจอคนที่ใช่มากๆ ด้วย ประมาณว่าเราไม่เคยเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้เลยเวลาอยู่กับแฟน
Mr. Coffee : ในกวนมึนโฮ หากคุณโต้งเป็นพระเอกในฉากที่เจอก้อย จะทำยังไง
คุณโต้ง : ผมว่าคงสติแตก คงบ้าไปเลย คงทำคล้ายๆ พระเอกในเรื่องนะผมว่า เพราะว่าก้อยไม่ผิดอะไร เราก็เขียนไปขอเค้าแต่งงาน และตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่า เอ...แต่พระเอกก็บัดซบเหมือนกันนะ หึหึ
Mr. Coffee : แล้วคุณโต้งเคยถามคนในทีมงาน เช่นเต๋อ ดูบ้างไหมว่าถ้าเป็นเค้า เค้าจะทำยังไง
คุณโต้ง : ผมว่าทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่พระเอก (เต๋อ) ทำ ก็คือรับ Re-act ตรงหน้า พอก้อย (จุ๋ย) เข้ามากอดก็กอด แค่นั้นเอง การพยายามวิ่งไปบอกนางเอก (หนูนา) ว่าอย่าพึ่งไป มันยิ่งเห็นแก่ตัวไง ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนั้นมันคือการทำอะไรไม่ถูก แต่หนังมันดันเล่าว่าจะเจอกันบนเครื่องอีกไง โมเมนท์นั้นมันเลยข้ามไปหน่อย
Mr. Coffee : ฉากนี้อยู่ในบทตั้งแต่ร่างแรกเลยใช่ไหมครับ
คุณโต้ง : ใช่ครับว่าก้อยจะต้องมา เป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากทำหนังเรื่องนี้เลยครับ มันน้ำเน่าดี ผมชอบครับ
Mr. Coffee : การเขียนบทหนังรักดราม่า ที่คุณโต้งจะทำเรื่องต่อไป มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทีมงานที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาช่วยกันเขียนบทเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะเหตุใด
คุณโต้ง : ใช่ครับ ยังจะใช้แบบเดิมคือมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง เนื่องจาก ถ้าผมเขียนเองมันก็จะได้ในมุมของฝั่งผู้ชายอย่างเดียว และแอ้ม (นนตรา คุ้งวงษ์) ก็จะมาช่วยในส่วนด้านมุมของผู้หญิงได้เยอะมาก จริงๆ ตอนในกวนมึนโฮ เกิดจากทางโปรดิวเซอร์ โยนมาว่าต้องมีคนเขียนบทผู้หญิงในทีม เพราะว่าเป็นหนังรักที่ไม่ใช่หนังรักปกติ มันมีการ Explore ทัศนคติ เพราะจะคุยกันทั้งเรื่อง เถียงกันในเรื่องทัศนคติของความเป็นหญิง ความเป็นชาย ก็เลยจำเป็นมากที่ต้องมีคนเขียนฝั่งผู้หญิง และบังเอิญนางเอก กวนมึนโฮ คล้ายแอ้มด้วยครับ ความรั่ว วิธีคิดอะไรบางอย่างใช่เลย
Mr. Coffee : ขอตัวอย่างหนังรักของไทยและต่างประเทศ ที่คุณโต้งชอบ
คุณโต้ง : หนังไทยก็ Last Life in the Universe ของพี่เป็นเอก รัตนเรืองครับ ชอบมากๆ ครับ รู้สึกว่าโคตรจี๊ดเลย และมีลีลาที่เป็นของตัวเองสุดๆ ผมว่านี่คืองานของพี่ต้อมที่ดีที่สุดคือเรื่องหนึ่งครับ สำหรับผม ดีกว่ามนตร์รักทรานซิสเตอร์ด้วย พี่ต้องสร้างภาษาหนังที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ และอีกเรื่องก็ O-Negative รักออกแบบไม่ได้ คงจะเป็นประเด็นเรื่องเพื่อนด้วย ชอบมาก ส่วนพวกแฟนฉัน หรือเพื่อนสนิทก็ชอบมากครับ ความจำสั้นแต่รักฉันยาว ก็ซาบซึ้งดี แต่ที่ชอบมากที่สุดก็เป็น Last Life in the Universe ครับ ส่วนหนังฝรั่งก็ When Harry Met Sally และ Jerry Maguire เป็นหนังแนวพูดมากๆ แบบที่ผมชอบ ลีลาการพูดแบบ Jerry Maguire จริงๆ มันเน่ามาก แต่เขียนและกำกับกันซะจนโคตรโรแมนติกเลย จริงๆ มีอีกเยอะครับ Notting Hill ก็ชอบมากครับ ดูเป็นสิบๆ รอบ ดูแล้วอยากทำหนังให้ได้แบบนี้คือ โคตรเน่าเลยแต่มีรสนิยมมากๆ
Mr. Coffee : มุมมองด้านความรักในหนังไทยกับหนังต่างประเทศมีความแตกต่างกันอย่างไร
คุณโต้ง : สิ่งที่ต่างแน่นอนก็คือวัฒนธรรมของการแสดงออก ฝรั่งแสดงความรักกันอย่างชื่นมื่นมาก จูบ การกอด มีอะไรก็พูดๆๆ คำหวานหรือคำพูดเลี่ยนๆ จะประดิดประดอยได้มากกว่า เพราะเค้าเป็นวัฒนธรรมที่เยอะ พูดได้ แสดงออกทั้งหมด ในขณะที่คนไทยจะทำอะไรที่ Private มากกว่า การประดิดประดอยมากกว่า ใช้คำสวยหรู ฝรั่งพูดจะธรรมชาติกว่าเยอะ คนไทยจะต้องน้อยกว่า เช่น I love you จะไม่ได้พูดกันตลอดเวลา จะพูดใน Moment ที่สำคัญมากๆ ฝรั่งพูดตลอดเวลาได้ แต่ญี่ปุ่นยิ่งแล้วใหญ่ จะเป็นวัฒนธรรมที่เก็บสุดๆ ผมว่าบริบทมันต่างกันที่วัฒนธรรมคนเท่านั้น คือเราก็เคยคุยกันว่าเราชอบบทสนทนาจี๊ดแบบใน Jerry Maguire หรือใน When Harry Met Sally ที่พูดประมาณว่า “ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว ผมอยากจะเริ่มชีวิตตอนนี้ เวลานี้ กับคุณ” คนไทยไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้กันเลยแน่ๆ แล้วจะทำยังไงให้มีความโรแมนติกในบทสนทนา ซึ่งกวนมึนโฮเป็นความพยายามครับ มีประโยคจำเต็มไปหมด แต่ว่าไม่เลี่ยนและต้องจำได้ เช่น “ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ความรู้สึกนี้มันคืออะไร แต่เวลาที่ผมอยู่กับคุณมันโคตรมีความสุข” หรือ “คุณไม่สงสารชั้นหรอ” คือมันจะน้อยกว่าแต่ต้อง Memorable เท่ากัน ฝรั่งก็มี Realistic ในเแบบของเค้า ของเราก็มีในแบบของเรา หนังไทยบางเรื่องก็เคยเห็นพยายามทำแบบฝรั่ง ผมดูแล้วขนลุก
Mr. Coffee : อะไรสำคัญที่สุดในการจะสร้างหนังรักสักหนึ่งเรื่อง บท เคมี ฯลฯ
คุณโต้ง : ผมว่าเท่ากันเลยนะครับ ถ้า Cast ถูกต้อง เคมีดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเรื่องมันไม่มีอะไรเลย อาจจะเป็นหนังรักที่พอดูได้ แค่มีเสน่ห์ แต่ธรรมดา ถ้าบทดีด้วยก็จะยิ่ง Perfect แต่ถ้าบทดีแล้ว cast ผิด ก็ไปเลยเหมือนกัน ถ้ามองในแง่หนังรัก cast อาจจะเหนือว่านิดนึง เพราะไม่ว่า 2 คนนี้จะพูออะไร มันก็จะดูน่าฟังไปหมด แล้วบทห่วย ก็จะเป็นหนังรักกลางๆ แต่ถ้าบทดีมากแต่ Cast เอาใครมาเล่นก็ไม่รู้นี่ไปเลย ไม่มีมีทางรอด ถึงบทจะระดับออสการ์ก็ตาม
Mr. Coffee : ถ้าไม่ได้เป็นผู้กำกับ คุณโต้งจะไปทำอะไรครับ
คุณโต้ง : ชอบคิดครับ คงไปเป็น Creative Agency หรือไม่ก็นักเขียน อยากเขียนหนังสือ
Mr. Coffee : จะเป็นผู้กำกับหนังไปอีกนานแค่ไหน หรือจะไปเป็นโปรดิวเซอร์
คุณโต้ง : ยังตอบไม่ได้ครับ ถ้ายังมีเรื่องที่อยากเล่าก็คงยังทำอยู่ แต่ในอนาคตอาจมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ รุ่นน้องได้เพราะทำหนังมาเยอะ.
ฝากบทความก่อนๆด้วยนะครับ
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : Checker ฟันเฟืองสำคัญของ “หนังไทย”
http://ppantip.com/topic/30776136
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : End Credits กับ “ความโง่” ของ “โรงหนัง”
http://ppantip.com/topic/30848998
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : ว่าด้วย DVD Box Set
http://ppantip.com/topic/30862595
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : ปมร้อนตั๋วหนัง : กรณีศึกษาโรงหนังมาเลเซีย
http://ppantip.com/topic/30923730
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : ยอดเยี่ยมที่สุด
http://ppantip.com/topic/30934588
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : จิบกาแฟกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/30965553
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : จิบกาแฟกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” (ตอนที่ 2)
http://ppantip.com/topic/30968008