ขำคนที่เข้าไปกินที่ร้านที่ขึ้นราคาพวกนี้ แล้วบ่นว่าเป็นเพราะรัฐบาลขึ้นราคาแก็สอย่างเดียว (ที่ไม่บ่นก็ไม่มีอะไร)
สำหรับผม(คนอื่นไม่รู้คิดอย่างไร)คิดว่าที่คนขายขึ้นราคาตอนนี้เป็นเพราะคนขายอยากรวยขึ้นมากกว่า เพราะตอนนี้แก็สพึ่งขึ้นราคาแค่เดือนแรก กก.ละ 50 สตางค์ มาขึ้นราคาตอนนี้มันเร็วไปหรือเปล่า ขึ้นที 5 - 10 บาท ต่อจาน(ชาม) แบบนี้ถ้าเดือนหน้าขึ้นอีก 50 สตางค์ ก็จะขึ้นราคาอีกหรือ ขึ้นทีหนึ่ง 10-20% เพราะค่าแก็สขึ้นมันฟังไม่ขึ้น
บางร้านบอกว่าใช้แก็สวันหนึ่ง 3 ถัง ถังหนึ่ง แพงขึ้น 80 บาท 3 * 80 = 240 บาทต่อวัน รับไม่ได้ ขำหว่ะ ถ้าเอาเฉลี่ย 240 บาท ราคาขึ้นชามละ 5 บาท = 48 ชาม   ถ้าขายอาหารใช้แก้สตั้งสามถัง แปลว่าขายเกือบทั้งวัน วันหนึ่งขายได้กี่ชาม ถ้าขายต่ำกว่า 100 ชามต่อวัน ก็เลิกขายเถอะ

ใช่ครับ อาจต้นทุนคุณเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณขึ้นราคาแล้วลูกค้าไม่หนี ไม่ลด ก็ขึ้นไปเถอะ แต่ที่ผมเคยเห็นร้านที่ขึ้นราคาโดยคิดว่าเราอร่อยลูกค้าไม่หนีอยู่แล้ว พอขึ้นราคาปุ๊ป ลูกค้าหายก็มีครับ ถึงตอนนั้นจะลดราคาก็ไม่ทันแล้วครับ

แล้วถ้าร้านรอบๆ คุณขึ้นราคากันหมดคุณก็อาจจะปลอดภัยจากการขึ้นราคาตามเขาไป แต่มองอีกมุมคือถ้าคุณอร่อยพอ แล้วไม่ขึ้นราคา ลูกค้าคุณก็อาจจะเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน

อีกเรื่องหนึ่ง ผมต้องไปเฝ้าลูกเรียนพิเศษที่สยามเป็นประจำ ที่สยามจะมีร้านข้าวแกงขายข้าวไข่พะโล้จานละ 40 บาทอยู่ร้านหนึ่ง อยู่ดีๆ เมื่อประมาณไม่กี่เดือนที่ผ่าน(ก่อนแก็สขึ้น)มาเพิ่มราคาข้าวไข่พะไล้เป็น 50 บาทครับ (มันบ้าไปแล้วตอนนี้แก็สขึ้นราคาแล้ว) ทั้งๆ ที่พอเดินมาฝั่งตรงข้ามจะมีศูนย์อาหาร ที่ขายข้าวราดแกง 2 อย่าง 22 บาทอร่อยและสะอาดเหมือนกัน ทายซิผมจะกินที่ไหน

ปล. เดี๋ยวจะมี คห.บอกว่าควายแดงอย่างนู้น ควายแดงอย่างนี้ เอาเหอะควายก็ควาย แดงก็แดง เดี๋ยวนี้ควายสบายจะตาย ตัวละเท่าไร ไม่ต้องออกไปไถนาแล้วด้วย ดีกว่าแมงสาป อยู่มาเป็นล้านปี ก็ยังไม่มีค่าในสังคม ยึ่งแมงสาปนำเข้าจากอังกฤษ ยิ่งห่วยใหญ่ชอบซุกใต้กระโปรงคนอื่น