วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ผมใช้บริการรถ ขสมก ซึ่งมันอาจไม่ได้แปลกอะไรในมุมมองของคนทั่วๆไป แต่ในมุมมองผม
ผมว่ามัน เป็นเรื่องที่น่าปรบมือให้ กับเจ้าของเรื่องวันนี้ที่ผมเจอมา เรื่องมีอยู่ว่า
ผมรอรถเมย์เพื่อมาทำงานตามปกติ จนมีรถเมย์สายที่เราต้องขี้นไปทำงานมาพอดี รถค่อนข้างว่าง นับหัวคนนั้งได้เลย
ตัวผมเองพอขึ้นรถมาปุบก็หาที่นั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติทั่วๆไป (ไม่มีใครอยากยืนแน่นอน) สายตาผมเหลือบไปเห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง
นั้งอยู่ตรงที่นั้ง ด้านที่เป็น 2 ที่นั่ง กลางๆรถเมย์ ซึ่งแค่ดูก็รู้ว่า เป็นคน จรจัด เนื้อตัวมอมแมม แต่ไม่มาก ผมไม่สระ มีสัมภาระมากมา
ล่วนแต่เป็นของเก่าๆ แต่ไม่ใช่ขยะนะครับ ผมเองก็ไม่ได้อะไร รถว่าง เลยเดินไปนั้งเบาะในสุดริมหน้าต่าง
จากนั้น รถก็วิ่งไป ก็มีคนขึ้นรถมาเรื่อยๆ ต่างคนต่างจับจองที่นั้งของตัวเองตามใจชอบ จนรถเต็ม แต่ เหลือที่ว่างๆที่นึง ซึ่งไม่ต้องเดา
นั้นคือ ที่นั้งข้างๆผู้หญิงจรจัดคนนั้น นั้นเอง (ซึ่งถ้าเป็นผมเอง ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่นั้งนะ เพราะเราไม่รู้ว่าเขา สติดีใหม เพราะส่วนใหญ่ที่เจอ
จะสติไม่ค่อยดี ) จากนั้น ผมก็นึกสนุก ลองสังเกตุอาการของคนที่ขึ้นรถเมย์มาเพราะเหลือที่นั้งที่เดียว เพราะแต่ละคนพอขึ้นมา จะรีบเร่ง
หาที่นั้งที่ว่างๆทันที โดยไม่ได้ดูว่านั้งข้างใคร บางคนนั้งไปแล้ว พอหันไปมองผู้หญิงคนนั้น ก็ทำท่ากลัวๆ ทำไรไม่ถูก แล้วลุกหนี บางคน
เดินมาจะนั้งอยู่แล้ว แต่เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อน ก็ทำท่านั้งดีไม่นั้งดี เพราะเป็นที่จับจ่องของสายตาหลายๆคนบนรถว่า เธอจะนั้งไม่นั้ง ผมก็ลุ้นๆ
สนุกๆไป ซึ่งผมก็สังเกตุคนแล้วคนเล่า พฤติกรรมออกมาเหมือนกันหมด พูดตรงๆคือรังเกียจ ผู้หญิงคนนั้น
แต่สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นในอีกมุมคือ แววตาของผู้หญิงคนนั้น เวลามองคนที่จะมานั้งด้วย แล้วลุกหนี เหมือนอยากบอกนะว่าเขาก็คนคนนึ่ง ในสังคม อย่ารังเกียจฉันเลย จนมีแม่ลูกคู่นึงขึ้นรถมา เด็กประมาณ อนุบาล พอขึ้นรถมาก็รีบมานั้งข้างๆหญิงคนนั้นพอแม่เด็กเดินมาข้างๆและเห็นเท่านั้นแหละ พูดใส่ลูกตัวเองเสียงดัง ว่าอย่าไปนั้งกับพวกนี้ มันบ้า มันไม่ดี เดียวเจอจับไปเป็นขอทาน ต่างๆนาๆ ผมเองแค่ฟังก็โมโหแทน แอบเห็นเขาเช็ดน้ำตา กับคำพูดเหล่านั้น นี้หรือการสอนลูกของเขาการเหยียดคนในสังคม
ซักพักผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้นไปสกิด ผู้หญิงคนนึ่งให้นั้ง เพราะรถเริ่มแน่นแล้ว ผมได้ยิงเสียงเขาบอกผู้หญิงให้นั้งว่า นั้งได้นะคะ ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก แต่ผู้หญิงแต่งตัวดีคนนี้ก็ไม่นั้งกลับเดินหนีทำหน้าตื่นกลัว ผมเห็นเขาสกิดให้คนมานั้งหลายคนแต่ผมก็เหมือนกันทักคน ไม่ว่า ชายหรือหญิง มันยิ่งทำให้ผมคิดว่าสังคมสมัยนี้มันเป็นอะไรไปหมด
จากนั้นมี คุณ ตา ยาย คู่นึงขึ้นมาบนรถ เชื่อผมใหมครับ ไม่มีใครหน้าใหนลุกแล้วให้คนชรานั้งเลย ต่างคนต่างเล่นมือถือ บางคนสังเกตุเห็นแต่ไม่ลุกให้ ถ้าผมไม่ติดว่านั้งหลังสุดริมหน้าต่างผมลุกให้ไปนานแล้ว จากนั้น ตา ยาย ก็เดิน เข้ามาถึงผู้หญิงจรจัดคนนั้น ตาบอก ยายนั้งซิเดียวตายืนเอง ผู้หญิงจรจัดคนนั้นยืนขึ้นแบบรีบๆ คนที่ยืนบริเวณนั้นทำถ้าตกใจกันทุกคน แต่สิ่งที่ออกจากปากหญิงจรจัดคนนั้นคือ คุณตาคะ นั้งตรงนี้กับคุณยายเลยคะ เดี่ยวฉันยืนได้ คุณตาขอบคุณครับแม่หนู ผมหละอยากปรบมือให้เธอคนนั้นจริงๆ
ซักพัก ผู้หญิงจรจัดก็เดินออกมาจากที่นั้งที่ให้คุณตานั้ง ถือของพะรุงพะรัง เดินออกมา ทุกคนแหวกทางให้เธอด้วยท่าทางรังเกียจ
จนมีคนๆนึ่ง ถึงกับลุกหนีไปยืนที่อื่นแทน ผู้หญิงจรจัดคนนั้นนั้งลงตรงที่นั้งนั้นแทนคนที่ลุกหนีไปเพราะคงยังไม่ถึงที่หมายที่เธอจะลง
ต่อมา มีคนท้อง ขึ้นรถเมย์มา ก็ไม่มีใครหน้าใหนลุกให้นั้งเหมือนเดิม จนหญิงจรจัดคนนี้ ลุกขึ้นมา แล้วเดินไปเรียก ผู้หญิงท้องให้มานั้ง
ที่ตัวเองพึ่งได้นั้งเมื่อกี้ บอกว่าคุณคนที่ท้องคะ มานั้งที่ฉัน คุณท้องอยู่เดี๋ยวล้มขึ้นมา จะแย่ ฉันแข็งแรง ฉันยืนถึงล้มก็ไม่เป็นไร คุณอย่ารังเกียจฉัน ผู้หญิงท้องคนนั้นกล่าวขอบคุณ แล้วเดินมานั้ง ผมอยากจะปรมมือรอบ 2 ดังๆ คนจรจัดคนนั้นหันมาสบตาผมพอดี
ผมทำท่าปรบมือ และชูนิ้วโป้งกด like ให้เธอคนนั้น มันเยี่ยมจิงๆ เขาก็ทำท่า งงๆ แล้วยิ้ม จากนั้นเขาก็ลงรถไป
สิ่งที่ผมติดค้างในใจและอยากฝากถึงคนในสังคมสมัยนี้คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร จบสูงแค่ใหน จะมีเงิน มีคนนับหน้าถือตาแค่ใหน
ถ้าจิตใจคุณยัง ไม่มีจิตสาธารณะ มีแต่ความเห็นแก่ตัว แบ่งชนชั้น มองคนแค่ภายนอก จิตใจคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่คุณกำลังดูถูกเขาอยู่
เผลอๆจะต่ำกว่า ซึ่งต่างจากคนจรจัด ถึงภายนอกจะดูไม่ดีนัก แต่จิตใจเขาสูงมาก ซึ่งหายากมากในสังคมไทยสมัยนี้ อยากฝากให้หลายๆคนคิดไว้ครับ แค่อยากให้สังคมไทยมันดีขึ้นเท่านั้นเอง
ขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาอ่านนะครับ ^^
ผมขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า "ผ้าขี้ริ้วหัวใจทอง"
ผมว่ามัน เป็นเรื่องที่น่าปรบมือให้ กับเจ้าของเรื่องวันนี้ที่ผมเจอมา เรื่องมีอยู่ว่า
ผมรอรถเมย์เพื่อมาทำงานตามปกติ จนมีรถเมย์สายที่เราต้องขี้นไปทำงานมาพอดี รถค่อนข้างว่าง นับหัวคนนั้งได้เลย
ตัวผมเองพอขึ้นรถมาปุบก็หาที่นั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติทั่วๆไป (ไม่มีใครอยากยืนแน่นอน) สายตาผมเหลือบไปเห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง
นั้งอยู่ตรงที่นั้ง ด้านที่เป็น 2 ที่นั่ง กลางๆรถเมย์ ซึ่งแค่ดูก็รู้ว่า เป็นคน จรจัด เนื้อตัวมอมแมม แต่ไม่มาก ผมไม่สระ มีสัมภาระมากมา
ล่วนแต่เป็นของเก่าๆ แต่ไม่ใช่ขยะนะครับ ผมเองก็ไม่ได้อะไร รถว่าง เลยเดินไปนั้งเบาะในสุดริมหน้าต่าง
จากนั้น รถก็วิ่งไป ก็มีคนขึ้นรถมาเรื่อยๆ ต่างคนต่างจับจองที่นั้งของตัวเองตามใจชอบ จนรถเต็ม แต่ เหลือที่ว่างๆที่นึง ซึ่งไม่ต้องเดา
นั้นคือ ที่นั้งข้างๆผู้หญิงจรจัดคนนั้น นั้นเอง (ซึ่งถ้าเป็นผมเอง ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่นั้งนะ เพราะเราไม่รู้ว่าเขา สติดีใหม เพราะส่วนใหญ่ที่เจอ
จะสติไม่ค่อยดี ) จากนั้น ผมก็นึกสนุก ลองสังเกตุอาการของคนที่ขึ้นรถเมย์มาเพราะเหลือที่นั้งที่เดียว เพราะแต่ละคนพอขึ้นมา จะรีบเร่ง
หาที่นั้งที่ว่างๆทันที โดยไม่ได้ดูว่านั้งข้างใคร บางคนนั้งไปแล้ว พอหันไปมองผู้หญิงคนนั้น ก็ทำท่ากลัวๆ ทำไรไม่ถูก แล้วลุกหนี บางคน
เดินมาจะนั้งอยู่แล้ว แต่เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อน ก็ทำท่านั้งดีไม่นั้งดี เพราะเป็นที่จับจ่องของสายตาหลายๆคนบนรถว่า เธอจะนั้งไม่นั้ง ผมก็ลุ้นๆ
สนุกๆไป ซึ่งผมก็สังเกตุคนแล้วคนเล่า พฤติกรรมออกมาเหมือนกันหมด พูดตรงๆคือรังเกียจ ผู้หญิงคนนั้น
แต่สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นในอีกมุมคือ แววตาของผู้หญิงคนนั้น เวลามองคนที่จะมานั้งด้วย แล้วลุกหนี เหมือนอยากบอกนะว่าเขาก็คนคนนึ่ง ในสังคม อย่ารังเกียจฉันเลย จนมีแม่ลูกคู่นึงขึ้นรถมา เด็กประมาณ อนุบาล พอขึ้นรถมาก็รีบมานั้งข้างๆหญิงคนนั้นพอแม่เด็กเดินมาข้างๆและเห็นเท่านั้นแหละ พูดใส่ลูกตัวเองเสียงดัง ว่าอย่าไปนั้งกับพวกนี้ มันบ้า มันไม่ดี เดียวเจอจับไปเป็นขอทาน ต่างๆนาๆ ผมเองแค่ฟังก็โมโหแทน แอบเห็นเขาเช็ดน้ำตา กับคำพูดเหล่านั้น นี้หรือการสอนลูกของเขาการเหยียดคนในสังคม
ซักพักผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้นไปสกิด ผู้หญิงคนนึ่งให้นั้ง เพราะรถเริ่มแน่นแล้ว ผมได้ยิงเสียงเขาบอกผู้หญิงให้นั้งว่า นั้งได้นะคะ ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก แต่ผู้หญิงแต่งตัวดีคนนี้ก็ไม่นั้งกลับเดินหนีทำหน้าตื่นกลัว ผมเห็นเขาสกิดให้คนมานั้งหลายคนแต่ผมก็เหมือนกันทักคน ไม่ว่า ชายหรือหญิง มันยิ่งทำให้ผมคิดว่าสังคมสมัยนี้มันเป็นอะไรไปหมด
จากนั้นมี คุณ ตา ยาย คู่นึงขึ้นมาบนรถ เชื่อผมใหมครับ ไม่มีใครหน้าใหนลุกแล้วให้คนชรานั้งเลย ต่างคนต่างเล่นมือถือ บางคนสังเกตุเห็นแต่ไม่ลุกให้ ถ้าผมไม่ติดว่านั้งหลังสุดริมหน้าต่างผมลุกให้ไปนานแล้ว จากนั้น ตา ยาย ก็เดิน เข้ามาถึงผู้หญิงจรจัดคนนั้น ตาบอก ยายนั้งซิเดียวตายืนเอง ผู้หญิงจรจัดคนนั้นยืนขึ้นแบบรีบๆ คนที่ยืนบริเวณนั้นทำถ้าตกใจกันทุกคน แต่สิ่งที่ออกจากปากหญิงจรจัดคนนั้นคือ คุณตาคะ นั้งตรงนี้กับคุณยายเลยคะ เดี่ยวฉันยืนได้ คุณตาขอบคุณครับแม่หนู ผมหละอยากปรบมือให้เธอคนนั้นจริงๆ
ซักพัก ผู้หญิงจรจัดก็เดินออกมาจากที่นั้งที่ให้คุณตานั้ง ถือของพะรุงพะรัง เดินออกมา ทุกคนแหวกทางให้เธอด้วยท่าทางรังเกียจ
จนมีคนๆนึ่ง ถึงกับลุกหนีไปยืนที่อื่นแทน ผู้หญิงจรจัดคนนั้นนั้งลงตรงที่นั้งนั้นแทนคนที่ลุกหนีไปเพราะคงยังไม่ถึงที่หมายที่เธอจะลง
ต่อมา มีคนท้อง ขึ้นรถเมย์มา ก็ไม่มีใครหน้าใหนลุกให้นั้งเหมือนเดิม จนหญิงจรจัดคนนี้ ลุกขึ้นมา แล้วเดินไปเรียก ผู้หญิงท้องให้มานั้ง
ที่ตัวเองพึ่งได้นั้งเมื่อกี้ บอกว่าคุณคนที่ท้องคะ มานั้งที่ฉัน คุณท้องอยู่เดี๋ยวล้มขึ้นมา จะแย่ ฉันแข็งแรง ฉันยืนถึงล้มก็ไม่เป็นไร คุณอย่ารังเกียจฉัน ผู้หญิงท้องคนนั้นกล่าวขอบคุณ แล้วเดินมานั้ง ผมอยากจะปรมมือรอบ 2 ดังๆ คนจรจัดคนนั้นหันมาสบตาผมพอดี
ผมทำท่าปรบมือ และชูนิ้วโป้งกด like ให้เธอคนนั้น มันเยี่ยมจิงๆ เขาก็ทำท่า งงๆ แล้วยิ้ม จากนั้นเขาก็ลงรถไป
สิ่งที่ผมติดค้างในใจและอยากฝากถึงคนในสังคมสมัยนี้คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร จบสูงแค่ใหน จะมีเงิน มีคนนับหน้าถือตาแค่ใหน
ถ้าจิตใจคุณยัง ไม่มีจิตสาธารณะ มีแต่ความเห็นแก่ตัว แบ่งชนชั้น มองคนแค่ภายนอก จิตใจคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่คุณกำลังดูถูกเขาอยู่
เผลอๆจะต่ำกว่า ซึ่งต่างจากคนจรจัด ถึงภายนอกจะดูไม่ดีนัก แต่จิตใจเขาสูงมาก ซึ่งหายากมากในสังคมไทยสมัยนี้ อยากฝากให้หลายๆคนคิดไว้ครับ แค่อยากให้สังคมไทยมันดีขึ้นเท่านั้นเอง
ขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาอ่านนะครับ ^^