รายย่อยได้รับบทเรียนอีกบทเมื่อวานนี้ (10 กย ) ว่า การเล่นหุ้นคือการเอาประโยชน์เมื่อพอใจของรายใหญ่  ซึ่งรายใหญ่ไม่อาจตั้งเป้าราคาเพื่อรอให้รายย่อยม้วนราคาขึ้นไป เพราะรายใหญ่เป็นผู้กระทำราคา (ซื้ออย่างรวดเร็วที่ผ่านมา 2 วัน)
รายย่อยต้องเรียนรู้ว่า การที่ราคาขึ้นเร็ว และมีวอลุ่มหนาแน่น จะทำให้ราคาไม่เสถียร ดังปรากฎเมื่อวานนี้ บวกกว่า +29 จุด ก็สามารถลงทันที่ใน 20 นาทีเหลือ +0 จุด ได้ หลายท่านเคยชินกับความรู้ที่ว่า ตลาดหุ้นคือการลงทุน (ใช่ ..เมื่อยามปกติ) แต่หากมีวอลุ่มเข้าผิดตา ต้องระวัง เพราะวอลุ่มคือสิ่งบอกเหตุ (แสดงเจตนา) ถ้าเข้ามาช้า ๆ ถือว่า เก็บไว้เพื่อถือยาว ถ้าเข้าเร็ว ๆ ต้องมาดูราคาอีก หากขึ้นด้วย แสดงว่า จะมีแรงขายรุนแรงตามมา (เวลาขึ้นกับระยะเวลาที่วอลุ่มเข้า ตัวอย่างเช่น เข้าเร็วใน 2 วันต่อเนื่อง ก็อาจใช้เวลารีบทิ้งใน 1/10 ของเวลาได้ เป็นสถิติเฉลี่ยที่จับได้ช่วงนี้ตามนิสัยเงิน นิสัยกองทุนไทยเทศ และอาจโหดหรือเปลี่ยนแปลงกลยุทธได้ในวันต่อ ๆ ไป  ) แม้การเล่นแบบโหด ๆ นี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อยในตลาด(แต่ก็เกิดขึ้นให้เห็นตั้งแต่ต้นปีนี้มา ด้วยการอ้างเหตุผลต่างๆ)  แต่ต้องรู้ว่า มันคือ กฎธรรมชาติของตลาด(มนุษย์เป็นคนทำ ไม่ใช่หมดดูทำ ดังนั้นการจับวิถีจิตของมนุษย์จะยากที่สุด หาเครื่องมือใด ๆ มาหยั่งรู้ล่วงหน้าแม่น ๆ นั้นยากแท้ นอกจากสถิติใกล้เวลาที่ผ่านมาเท่านั้น ดังนั้นเครื่องมือทุกชนิดจะจับเรื่องนี้ยาก มี overbought ก็ over  จนเหลือเชื่อเสมอ ๆ แต่เราจะรู้ต่อเมื่อจับรายละเอียดเพิ่มขึ้น เช่น ราคาที่สูงเริ่มซื้อมากและขายมากติดติดกัน เริ่มส่ออาการจะลง    หรือราคาที่ขายมากยังมีซื้อสวนมากติดติด แสดงว่าจะขึ้น เป็นต้น
ดังนั้นหากรายย่อยรู้และช่วยกันเตือนได้ หรือ ตลาดผิดจากเครื่องมือ สะสมเวลามาหลายครั้งต้องเริ่มลงมือต่อกรบ้างอย่านั่งดูอย่างเดียว   เช่น ทะยอยขาย ไม่ทะยอยซื้อเด็ดขาด ดังที่ผ่านมา 2 วัน เครื่องมือก็แจ้งว่าผันผวนและไปทางแดนลบ(จากema5 และหยินหยาง  ท่านที่ติดตามใน FB จะเริ่มพอเข้าใจ ) แต่ตลาดไม่ยอมลง แถมมีวอลุ่มสะสมมากขึ้นเรื่อย ใครมีประสบการณ์ก็อาจซื้อตามจำนวนมากแล้วรีบขาย บวก +1 ช่อง จำนวนที่มากกว่าซื้อ ฯลฯ แต่คนที่มือใหม่ ต้องทะยอยขายอย่างเดียว ส่วนกลยุทธการทะยอย ทำอย่างไร วันหน้าจะมาอธิบาย ซึ่งมีแบบ นับจำนวนเป็นหลัก แบบนับเวลาเป็นหลัก แบบนับราคาเป็นหลัก ฯลฯ  
พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดใน FB  (เสริดหา  nowya vis)