บทสัมภาษณ์สด --> news.voicetv.co.th

หลายคนคงได้ยินข่าวนี้กันแล้ว ที่ว่านักศึกษาธรรมศาสตร์ต่อต้านการใส่ชุดฟอร์มนักศึกษา โดยการการเผยแพร่โปสเตอร์แสดงอิริยาบทการมีเพศสัมพันธ์ในชุดนักศึกษา ก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที หลายคนไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ และอีกหลายคนก็รู้สึกสะใจเช่นเดียวกัน

สำหรับผู้เขียนแล้ว (ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นความคิดส่วนตัว) มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเข้าใจผิดในคำว่า "เสรีภาพ" และ "กฏระเบียบ" ซึ่งนักศึกษานำมาใช้รวมกัน ทำให้แสดงออกมาค่อนข้างไม่เหมาะสมเท่าไหร่กับสังคมไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานศึกษา

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงตอนที่ พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะสัจจกนิครนถ์ ผู้มีความมั่นใจในการโต้ตอบปัญหา พระองค์ทรงเอาชนะในหัวเรื่องที่ว่า คนเราไม่มีอำนาจในการบังคับสังขารนี้ ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ป่วย ไม่ให้ตาย ตลอดถึงเราไม่สามารถมีอำนาจเหนือพระเจ้าอยู่หัวซึ่งมีอำนาจที่จะทำอย่างไรกับเราก็ได้ ดังนั้นไม่เราจะมีสิทธิเสรีภาพแค่ไหนก็ตาม ยังไงคุณก็ไม่สามารถไปทำอะไรที่ผิดกฏบ้านเมืองได้อยู่ดี

หลายคนเข้าใจคำว่าเสรีภาพผิดไป มักจะเอาคำว่าเสรีภาพมาหักล้างกับการกระทำที่ฝืนกฏ เพราะเมื่อทำอะไรผิดแผกจากสังคมแล้ว ก็มักจะหาเหตุผลมาอ้างให้ตนเองพ้นผิด ซึงก็หนีไม่พ้นการหยิบเอาเรื่องสิทธิเสรีภาพมาอ้างอยู่ร่ำไป จริงอยู่การใส่หรือไม่ใส่ชุดนักศึกษาไม่ได้ชี้วัดความรู้ก็จริง แต่มันชี้วัดอย่างอื่น เช่น คุณมีความรับผิดชอบแค่ไหน? คุณให้ความเคารพในอาชีพ(นักศึกษา)แค่ไหน? คุณพร้อมในการทำหน้าที่ของคุณแค่ไหน? คุณใส่ใจในการทำหน้าที่ของคุณแค่ไหน? ฯลฯ นี่เป็นสิ่งสะท้อนตามมา ถามว่าหากคุณจบไปทำงานในองค์กรต่างๆ แล้วเขามีกฏให้คุณต้องทำตาม คุณจะฝืนกฏนั้นหรือไม่? ผมมั่นใจว่าคงไม่ค่อยมีใครกล้าฝืนกฏ เพราะมันเสี่ยงต่องานการแน่นอน แต่นี่เป็นนักศึกษา ย่อมไม่มีบทลงโทษอะไรมากมาย คุณถึงกล้าที่จะฝืนกฏอยู่เรื่อยไป

ถ้าผมไปสอบหรือไปเรียน แล้วแต่กายไม่ตรงตามที่อาจารย์ "เจ้าของวิชา" กำหนด แล้วโดนไล่ออกมา ผมคงจะไม่พอใจเหมือนกัน และก็จะคิดหาเหตุผล (พาลๆ) เข้าข้างตนเองเหมือนกัน แต่หากเรายอมรับความจริงและลองพิจารณาให้ดีแล้ว เราก็จะทราบว่า "เราเองที่ผิด" ดังนั้นกรณีนักศึกษา (คนนี้) ผมมองว่า "เขาไม่ยอมรับผิด" ประกอบกับการที่ได้ศึกษาในสถาบันที่เป็นต้นกำเนิดประชาธิปไตยและมีกฏว่า "มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว" เหตุนี้เองจึงทำให้เขากล้าที่จะต่อต้านมากขึ้น

ประเทศทุกประเทศมีกฏ องค์กรทุกองค์กรมีกฏ แม้แต่ครอบครัวยังมีกฏ กฏระเบียบทำให้สังคมนั้นเรียบร้อย ต่อให้จะเป็นประเทศเสรีแค่ไหนก็ตามก็ต้องมีกฏระเบียบ ดังนั้นการที่สถานศึกษาหรืออาจารย์ "เจ้าของวิชา" จะออกกฏ(ที่ไม่ผิด ไม่ขัดหลักศีลธรรม)อะไรก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเสรีที่กล่าวอ้างเลย แต่เป็นเรื่องของคนมีมารยาทและมีการศึกษามากกว่า

ผมไม่รู้ว่านักศึกษา(คนนั้น)เข้าใจประชาธิปไตยกันแบบไหน ประชาธิปไตยคือความเสมอภาค "ไม่ใช่การทำฝืนกฏ" ถ้าการทำอะไรก็ตามเป็นเสรีภาพไปหมด ดังนั้นการกระทำผิดก็ไม่น่าจะต้องมีบทลงโทษอะไร เพราะถือว่าเป็นเสรีภาพย่อมไม่ผิด ผมคิดว่าคงไปกันใหญ่

การกระทำของนักศึกษา(คนนั้น) ถือเป็นการเอาเปรียบผู้อื่น และทำผิดกฏประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ถึงแม้การไม่ใส่ชุดฟอร์มจะไม่ทำให้ใครหัวร้างข้างแตกก็จริงอยู่ แต่มันเป็นการเอาเปรียบผู้ที่ทำตามกฏ และผมมั่นใจว่าคนเคารพกฏย่อมมีมากกว่าคนทำผิดกฏอย่างแน่นอน ดังนั้นกลายเป็นว่าคุณทำผิดหลักประชาธิปไตยเสียเอง

"แล้วเรื่องเพศมาเกี่ยวอะไรกับประชาธิปไตย" การกระทำแบบนั้นไม่ฉลาดเลย คุณเอาเรื่องเพศมาออกที่สาธารณะ ไม่ว่าสังคมไหนเขาก็ไม่ยอมรับครับ แค่ฟังคำหยาบโลนก็ยังรู้สึกระคายหูมากแล้ว นับประสาอะไรกับการนำมาทำโจ่งแจ้ง เรื่องเพศนั้นไม่ใช่เรื่องผิด "แต่" "เป็นเรื่องที่เขาทำกันในที่ลับ" มันหมายถึงคนที่มีความละอายต่อสิ่งที่ควรละอายหรือควรปกปิด ไม่ใช่ประชาธิปไตย ฝรั่งหรือญี่ปุ่นถึงจะเปิดเรื่องเพศก็จริง แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีใครไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วพบเจอคนมีเพศสัมพันธ์กันข้างทางหรือในที่สาธารณะ การกระทำแบบนั้นไม่ใช่แบบประชาธิปไตยและไม่เกี่ยวเลยด้วยซ้ำ แต่มันเป็นการกระทำของสัตว์เดรัจฉานมันทำกัน เพราะสัตว์ไม่มีความละอาย "ลองพิจารณาดูให้ดี"

เราทุกคนนั้นมีสิทธิที่จะทำครับ แต่การกระทำนั้นต้องถูกต้องและอยู่ในหลักศีลธรรม "อันดี" แบบนี้จึงถือว่าคุณได้ปฏิบัติตามหลักเสรีภาพ การทำตามกฏไม่ใช่การละเมิดสิทธิ แต่เป็นการทำให้สังคมเรียบร้อย สวยงามพร้อมเพรียง ทำให้เราเป็นคนมีระเบียบวินัย ซึ่งใครๆก็ชอบสิ่งนี้กันทั้งนั้น แล้วการทำอะไรผิดแปลกคนอื่นละ คนอื่นเขาจะมองอย่างไร? หากสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม ผมเชื่อว่าคนมากมายต้องเห็นด้วยและเอาด้วยกับคุณ แต่หากมันเป็นสิ่งที่เสียหายล่ะ? ผมก็เชื่อคุณก็จะเป็นสุนัขหัวเน่าแน่นอน และประจานความเขลาของตนเองซ้ำไปอีก

บทความโดย:bank9597