เท่าที่ผมอ่านผ่านๆหลายๆกระทู้พบปัญหาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหลายๆแบบ ผมพบว่าเพื่อนๆสมาชิกมักจะ
นำอาการมาปรึกษากันก่อน แล้วลองทำตามคำแนะนำดูก่อน มากกว่าที่จะไปพบแพทย์ก่อนแล้วจึงนำประสบการณ์มาแบ่งปัน
ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่ผมอยากมาชักชวนให้ท่านปรับทัศนคติใหม่ ต่อการพบแพทย์ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านและแพทย์
มากกว่าลองผิดลองถูกก่อน แล้วจึงไปพบแพทย์ ผมจะขอพูดถึงอาการที่เกิดจากปัญหากล้ามเนื้อและกระดูกเป็นหลักโดยจะพยายาม
ใช้ภาษาที่ท่านอ่านแล้วรับฟังเข้าใจ อาจจะไม่ลงรายละเอียดอาการมากเพราะมันจะลึกและเยอะจนเกินไป และผมไม่ได้เรียนเฉพาะ
ทางด้านนี้มา แต่สามารถแนะนำได้บ้าง
อาการที่เกิดจากกล้ามเนื้อและกระดูก อาการที่หลายๆท่านน่าจะรู้จักดีเช่นมีอาการกล้ามเนื้ออักเสบหรือฉีก
มีปัญหาเอ็นหรือไขข้อ มักจะไม่พบคนไข้ในช่วงที่อาการยังไม่แย่มากหรือส่งผลต่อชีวิตประจำวันจนเกินไป ส่วนมากเมื่อผมสอบถาม
มักบอกว่ารู้สึกเจ็บ เวลาเคลื่อนไหวแบบนี้ แบบนั้น แต่มักจะเสริมว่าก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บมากอะไร หรือบางรายทนจนบอกว่าชินแล้ว รอจน
อาการแย่จนเคลื่อนไหวส่วนนั้นๆไม่ได้แล้วจึงมาพบแพทย์ ด้วยความที่คนไทยมีความเชื่อว่าการมาพบแพทย์เป็นเรื่องเสียเวลาค่อนข้าง
มากและยิ่งเป็นอาการจากปัญหาเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อ แพทย์มักจะจำเป็นต้องนัดให้ผู้ป่วยมาพบอีกครั้งเพื่อเช็คอาการว่าดีขึ้นตาม
ระยะเวลาหรือไม่ซึ่งก็ตรงนี้อีกที่ผู้ป่วย มักไม่ชอบและมักผิดนัด จะมาอีกทีก็เมื่ออาการกลับเป็นเหมือนเดิมหรือแย่ลงกว่าเดิม ไม่เหมือน
กับอาการพวกไข้หวัดหรือติดเชื้อ ซึ่งเมื่อเข้ามารับการรักษาหรือรับยาแล้ว ส่วนมากก็มักจะหายขาดได้เลย แต่ท่านจะพบว่าแพทย์ก็มัก
จะนัดท่านมาดูอาการอีกครั้ง แต่ผู้ป่วยก็มักจะผิดนัดอีกเช่นกัน
ผู้ป่วยกลุ่มที่เล่นกีฬา กรณีเคสผู้ป่วยที่เล่นกีฬา จากประสบการณ์มักเป็นปัญหามากกว่าผู้ป่วยทั่วไปที่เนื่องจาก
ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวซึ่งมากกว่าและหนักกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ทำให้อาการเมื่อมาพบมักจะแย่กว่า และดื้อกว่าด้วย
โดยปัญหาของการรักษามักประกอบด้วย
1.อาการของผู้ป่วย อาการของผู้ป่วยอย่างที่เรียนให้ทราบแล้วว่าหากมาพบแพทย์เร็ว ก็จะทำการรักษาง่าย ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
ท่านสามารถกลับไปเคลื่อนไหวแบบเดิมได้ในเวลาไม่นาน
2.ตัวผู้ป่วยเอง ข้อนี้เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่เล่นกีฬา ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ช้า แล้วที่แย่กว่าคือผู้ป่วยมักผิดนัดและ
"กลับไปเคลื่อนไหวในรูปแบบเดิมซึ่งแพทย์ห้าม" ซึ่งมักจะทำให้อาการแย่ลงเมื่อกลับมาพบอีกครั้ง ผลที่มักจะเกิดขึ้น
คือต้องผ่าตัดซึ่งเป็นเหมือนฝันร้ายของคนเล่นกีฬาเลยทีเดียว กรณีแย่ๆที่ผมมักเจอคือ ผู้ป่วยที่มีอาการที่เรียกกันโดยกว้างๆ
และเข้าใจง่ายๆคืออาการกระดูกร้าว อาการกระดูกหัก อาการเส้นเอ็นอักเสบ อาการเส้นเอ็นฉีกขาด กลุ่มอาการเหล่านี้โดยมาก
แพทย์มักจะใส่เฝือกให้ ปัญหาคือผู้ป่วยมักชอบ
"ถอดเฝือกออกเอง" ด้วยเหตุผลที่เข้าใจว่าไม่เจ็บแล้วคือหายแล้ว
จำเป็นต้องลงแข่งกีฬาต่างๆซึ่งหายไม่ทันหากรอผ่าออกตามเวลาที่แพทย์กำหนด ที่เจอบ่อยมากคือกรณีของเด็กๆที่ให้เหตุ
ผลว่าต้องแข่งกีฬาสี กีฬาโรงเรียน กีฬามหาลัย
มากกว่าในวัยทำงานเนื่องจากความรู้ความเข้าใจยังน้อย
หรือผู้ป่วยมักพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเองว่าอาการเหมือนๆกัน ท่านนึงอาจจะใช้เวลาใส่เฝือกระยะเวลา
นึงแต่ท่านนึงอาจมากกว่า ผู้ป่วยบางรายเชื่อตามที่ปรึกษากันและถอดออกเองก่อนโดยให้เหตุผลว่าเคสเหมือนกัน ก็เข้าใจว่า
ต้องถอดได้ตามระยะเวลาเดียวกันและไม่ต้องเสียเวลามาพบแพทย์ ซึ่งก็เป็นผลให้อาการไม่หายตามกำหนดเวลา
การรักษาและพักฟื้น ของอาการที่กล่าวมา ยาที่ใช้รักษาที่แพทย์มักจ่ายให้ท่านทาน ท่านมักพบกลุ่มตัวยาที่
ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ หรือแก้ปวด ซึ่งผู้ป่วยมักถามแพทย์ว่า ขอยาที่ทานแล้วหายเร็วๆได้ไหม ราคามักไม่ใช่ปัญหา ซึ่งอยากจะ
ชี้ว่านี่เป็นความเข้าใจที่ผิดแบบหนึ่ง เนื่องจากการรักษาอาการกระดูกและกล้ามเนื้อนั้น สิ่งที่รักษาจริงๆคือร่างกายท่านเอง ตัวยา
จะไม่ได้ไปรักษาหรือเร่งการรักษาให้รวดเร็วขึ้น ตัวยาเพียงแค่บรรเทาให้ท่านไม่รู้สึกเจ็บปวด ทรมานกับอาการจนเป็นปัญหาต่อการ
ดำรงชีวิตเท่านั้นเอง สิ่งที่เป็นยารักษาท่านจริงๆคือเวลา ด้วยความที่เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เงินตราซื้อหาไม่ได้ ทำให้ท่านมักพบว่าแพทย์
จะตอบท่านว่า ไม่มียาที่เร่งให้เร็วขึ้นต้องพักตามที่แพทย์กำหนดจึงจะหายขาด ซึ่งหากแพทย์บอกท่านว่างดการเล่นกีฬาหรือเคลื่อนไหว
แบบไหน 3 เดือน ท่านก็ควรปฏิบัติตามเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพราะเป็นระยะเวลาที่เผื่อเหลือเผื่อขาดแล้ว อาการท่านอาจจะดีขึ้นจน
ไม่รู้สึกเจ็บปวดก่อนระยะเวลาที่กำหนด แต่ก็ควรปฏิบัติต่อไปตามระยะเวลาที่กำหนดครับ ซึ่งผมอยากจะบอกท่านว่า
"เวลาที่ท่านเจ็บป่วยท่านจำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการรักษา โดยเฉพาะการเล่นกีฬา หากท่านบาดเจ็บ
แล้วท่านฝืนเล่นต่อ มันไม่ต่างอะไรกับการที่ท่านกำลังกู้ยืมเวลาจากธนาคาร ซึ่งก็คือร่างกายของท่านเอง แน่นอนการกู้
ย่อมต้องมีดอกเบี้ย และดอกเบี้ยที่ท่านต้องจ่าย คือเวลาในการรักษาที่มากขึ้น ร่างกายแต่ละคนต่างกันอย่างไร อัตรา
ดอกเบี้ยที่คิดก็ต่างกันอย่างนั้น บางท่านอาจจะจ่ายเพิ่มหลายเดือน แต่บางท่านอาจจะจ่ายด้วยเวลาทั้งชีวิตก็ไม่พอ
แพทย์เป็นเหมือนพนักงานธนาคารที่แนะนำการบริหารเวลาของท่านได้ แต่ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยแทนหรือลดให้น้อยลงได้
ทำได้เพียงเลือกทางที่ท่านจะชดใช้เวลาที่กู้ให้น้อยและหมดเร็วที่สุดเท่านั้นเอง" ต่อมาคือการกายภาพบำบัดส่วนนี้เรียกได้ว่า
เป็นส่วนที่แย่ที่สุดสำหรับผู้ป่วยเลยก็ว่าได้ สำหรับผู้ป่วยแล้ว การกายภาพบำบัดบางครั้งยังทรมานยิ่งกว่า อาการตอนบาดเจ็บเสียอีก
เพราะขั้นตอนนี้ ท่านต้องรับความรู้สึกที่เกิดจากการปฏิบัติเต็มๆโดยไม่มีตัวช่วยเป็นยาใดเลย นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ผู้ป่วยมักไม่มาทำกายภาพบำบัดให้ครบตามกำหนด ซึ่งผมแนะนำว่าท่าน"ต้อง"ทำให้ครบตามกำหนด เพราะหากปฏิบัติไม่ครบ อาจจะส่งผลให้การ
เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ หรืออวัยวะส่วนนั้นๆผิดปกติไป บางท่านจะพบว่าหลังจากหายแล้ว พบว่าตัวเองงอข้อต่อร่างกายได้ไม่สุด
เช่นเจ็บข้อเท้าซ้ายเมื่อหายแล้ว เทียบกับข้อเท้าขวาแล้วงอได้น้อยกว่าเป็นต้น ซึ่งมักพบกับอาการที่ปล่อยให้หายเองมากกว่า
โดยไม่ทราบว่าต้องทำกายภาพบำบัด
สุดท้ายนี้ผมอย่างแสดงความคิดเห็นว่าจริงๆแล้วกีฬาก็ไม่ต่างกับยาเสพติด อาจจะฟันดูติดลบหรือแย่ แต่โดยหลักการแล้ว
เมื่อท่านเสพสิ่งเสพติด ร่างกายท่านจะหลั่งสารบางชนิดจากสมองซึ่งทำให้ท่านรู้สึกดีมีความสุข ซึ่งโดยปกติแล้วสมองเรามีการให้
รางวัลกับร่างกายเราโดยการหลั่งสารเพื่อให้เรารู้สึกมีความสุขอย่างสมดุล ซึ่งผู้ที่ติดยาเสพติดนั่นสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้เสพติด
ความสุขเมื่อเสพติดมากเกินไป หมกหมุ่นมากเกินไป ท่านจะละเลยเรื่องต่างๆรวมทั้งการพักและดูแลร่างกายท่านเอง กีฬาก็เช่นเดียวกัน
เมื่อท่านเล่นกีฬาสมองท่านก็จะหลั่งสารออกมาเช่นกันบ้างส่งผลให้ท่านบ้างสนุกบ้างตื่นเต้น สิ่งที่การออกกำลังกายดีกว่ายาเสพติดคือ
ร่างกายมีกลไกการป้องกันตนเองคือความเหนื่อยล้า ซึ่งยาเสพติดมักจะไปกดส่วนนั้น แต่มนุษย์นั้นแปลกอย่างหนึ่ง บางครั้งเรามัก
จะฝืนในสิ่งที่ไม่ควรฝืน ซึ่งการที่ท่านออกกำลังการมากจนเกินไปเกินกว่าลิมิตที่ร่างกายจะรับได้ จะส่งผลต่อร่างกายท่านแน่นอน อาจจะ
ไม่แสดงผลในทันที แต่ร่างกายจะแย่ลงในรูปแบบสะสม ท่านจะพบได้ว่า ผู้ที่ออกกำลังกายเยอะมากบางคนเมื่อเจ็บป่วยบางครั้งยังหาย
ได้ช้ากว่าคนออกกำลังกายตามปกติ ทั้งๆที่ภายนอกดูสมบูรณ์และแข็งแรงกว่า ซึ่งผมอยากจะสื่อให้เห็นว่าการออกกำลังกายไม่ได้มีแต่
ประโยชน์ ทุกสิ่งในโลกยิ่งมีประโยชน์มากเท่าไหร่อีกด้านก็มีโทษมากเท่านั้น ผู้คนมักสอนว่าออกกำลังกายมีแต่ประโยชน์ทำไปเถอะ
ยิ่งทำยิ่งดี แต่มักไม่ได้ชี้แจงถึงโทษ จึงพบคนที่เล่นกีฬาทุกๆวันโดยไม่มีการหยุดพัก โดยผมอยากแนะนำว่าหากท่านรู้สึกว่าออกกำลัง
อาทิตย์ละ 3 วันน้อยเกินไป ท่านสามารถปรับเป็นวันเว้นวันได้ แต่ไม่ควรมากกว่านั้น สุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกาย มาจากการ
พักฟื้นด้วยช่วยกัน คำแนะนำทั้งหมดนี้ บางท่านอ่านจะทราบก่อนแล้วหรืออาจจะทราบละเอียดกว่าผม สามารถเสริมเพิ่มเติมได้ หรือ
บางท่านยังไม่ทราบมาก่อน ผมก็รู้สึกยินดีที่ให้ข้อมูลที่ดีแก่ท่านได้
ปล.ผมข้อเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า ผมเคยเล่นเว็บบอร์ดอื่น พบว่าเมื่อสมาชิกท่านอื่นทราบว่าท่านเป็นแพทย์ ท่านมักจะพบว่าบางครั้ง
จะมีเพื่อนสมาชิกเข้ามาขอคำแนะนำเมื่อมีปัญหาเจ็บป่วย ซึ่งผู้ที่ขอคำแนะนำมักตั้งธงไว้ในใจแล้วว่า ผมต้องสามารถให้คำแนะนำ
หรือบอกอาการและยารักษาได้ ผมขอชี้แจงว่าแพทย์ทุกคนเชียวชาญไม่เหมือนกัน มีหลายสิ่งหลายอย่าง หลายอาการที่เรา
ไม่รู้ ยิ่งการที่ไม่เห็นผู้ป่วยและอาการด้วยตัวเอง เป็นอะไรที่ยากมาก ทำให้เมื่อปฏิเสธและแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาล
มักโดนตำหนิว่า ไม่จริงใจในการให้คำแนะนำ ขาดจรรญาบรรณแพทย์ ซึ่งผมก็น้ำท่วมปากจะแนะนำไปถ้าผิดพลาดก็เท่ากับทำร้าย
คนที่มาขอคำแนะนำ มีบ้างบางรายถึงขนาดจำที่อยู่หรือเบอร์โทรของผมได้ แล้วมาพบหรือติดต่อผม ซึ่งในฐานะแพทย์แล้วก็
เต็มใจที่จะแนะนำและรักษา แต่ในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง บางครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม นั่นเป็นบทเรียนของผม ซึ่งที่เล่าเรื่องนี้
อยากจะสื่อให้ท่านเข้าใจถ้าท่านหลังไมค์มาถามผม ผมก็จะแนะนำให้ท่านไปพบแพทย์แน่นอน ผมไม่มีคำแนะนำอะไรมากกว่านั้น
จริงๆ ดังนั้นหากมีปัญหาสุขภาพใดๆ ก็ไปพบแพทย์เถอะครับ เอาที่ใกล้ที่อยู่ท่านนั่นแหละ คนไทยมักยึดติดว่าแพทย์คนนี้เก่งคนนั้น
เก่ง บางครั้งก็ดิ้นรนเกินจำเป็น อยากให้เข้าใจว่าจริงๆแล้วเมื่อท่านเชื่อว่าแพทย์ท่านไหนเก่ง ท่านมักจะเชื่อฟังและทำตาม
คำแนะนำของแพทย์ท่านนั้นอย่างเคร่งครัด ทำให้ท่านหายขาดได้ไวขึ้น กลับกันสำหรับแพทย์ท่านไหน ที่ท่านไม่มั่นใจท่านมัก
จะทำตามบ้างไม่ทำบ้างโดยไม่รู้ตัวทำให้ท่านหายช้ากว่าที่ควรหรือไม่หายขาด ซึ่งความผิดมักไปตกอยู่ที่แพทย์
ปล.2 เพิ่งสังเกตุว่ามันยาวมากเป็นครั้งแรกที่เคยพิมพ์ยาวเกือบ 9000 ตัว ก็ขอบคุณท่านที่อุตส่าห์อ่านจนจบด้วย ผมยินดีให้ท่าน
สามารถนำเนื้อหาในกระทู้นี้ไปเผยแพร่หรือแบ่งปันได้โดยไม่ต้องให้เครดิตใดๆเลยครับ ตามสบายเลย ถือว่าเป็นประโยชน์
ต่อตัวผู้ได้รับและเป็นบุญกุศลต่อผู้แบ่งปันเองเลยครับ ส่วนตัวผมถือว่าได้ความสุขใจที่ได้แบ่งปันให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่รักกีฬา
เหมือนผมในห้องศุภชลาศัยทุกคนแล้วครับ เป็นกระทู้ที่ตั้งใจเขียนที่สุดในเว็บนี้แล้วครับ
*ขออนุญาติแท็กในห้องกีฬาหลักๆที่มีคนติดตามเยอะๆเช่น ฟุตบอลต่างประเทศ ฟุตบอลไทย จักรยาน วอลเลย์บอลและฟิตเนส
นะครับ
สำหรับผู้ที่มีเคยปัญหาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรือมีปัญหาอยู่ ผมมีคำแนะนำและทัศนคติในการไปพบแพทย์ให้กับท่านครับ
นำอาการมาปรึกษากันก่อน แล้วลองทำตามคำแนะนำดูก่อน มากกว่าที่จะไปพบแพทย์ก่อนแล้วจึงนำประสบการณ์มาแบ่งปัน
ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่ผมอยากมาชักชวนให้ท่านปรับทัศนคติใหม่ ต่อการพบแพทย์ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านและแพทย์
มากกว่าลองผิดลองถูกก่อน แล้วจึงไปพบแพทย์ ผมจะขอพูดถึงอาการที่เกิดจากปัญหากล้ามเนื้อและกระดูกเป็นหลักโดยจะพยายาม
ใช้ภาษาที่ท่านอ่านแล้วรับฟังเข้าใจ อาจจะไม่ลงรายละเอียดอาการมากเพราะมันจะลึกและเยอะจนเกินไป และผมไม่ได้เรียนเฉพาะ
ทางด้านนี้มา แต่สามารถแนะนำได้บ้าง
อาการที่เกิดจากกล้ามเนื้อและกระดูก อาการที่หลายๆท่านน่าจะรู้จักดีเช่นมีอาการกล้ามเนื้ออักเสบหรือฉีก
มีปัญหาเอ็นหรือไขข้อ มักจะไม่พบคนไข้ในช่วงที่อาการยังไม่แย่มากหรือส่งผลต่อชีวิตประจำวันจนเกินไป ส่วนมากเมื่อผมสอบถาม
มักบอกว่ารู้สึกเจ็บ เวลาเคลื่อนไหวแบบนี้ แบบนั้น แต่มักจะเสริมว่าก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บมากอะไร หรือบางรายทนจนบอกว่าชินแล้ว รอจน
อาการแย่จนเคลื่อนไหวส่วนนั้นๆไม่ได้แล้วจึงมาพบแพทย์ ด้วยความที่คนไทยมีความเชื่อว่าการมาพบแพทย์เป็นเรื่องเสียเวลาค่อนข้าง
มากและยิ่งเป็นอาการจากปัญหาเรื่องกระดูกและกล้ามเนื้อ แพทย์มักจะจำเป็นต้องนัดให้ผู้ป่วยมาพบอีกครั้งเพื่อเช็คอาการว่าดีขึ้นตาม
ระยะเวลาหรือไม่ซึ่งก็ตรงนี้อีกที่ผู้ป่วย มักไม่ชอบและมักผิดนัด จะมาอีกทีก็เมื่ออาการกลับเป็นเหมือนเดิมหรือแย่ลงกว่าเดิม ไม่เหมือน
กับอาการพวกไข้หวัดหรือติดเชื้อ ซึ่งเมื่อเข้ามารับการรักษาหรือรับยาแล้ว ส่วนมากก็มักจะหายขาดได้เลย แต่ท่านจะพบว่าแพทย์ก็มัก
จะนัดท่านมาดูอาการอีกครั้ง แต่ผู้ป่วยก็มักจะผิดนัดอีกเช่นกัน
ผู้ป่วยกลุ่มที่เล่นกีฬา กรณีเคสผู้ป่วยที่เล่นกีฬา จากประสบการณ์มักเป็นปัญหามากกว่าผู้ป่วยทั่วไปที่เนื่องจาก
ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวซึ่งมากกว่าและหนักกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ทำให้อาการเมื่อมาพบมักจะแย่กว่า และดื้อกว่าด้วย
โดยปัญหาของการรักษามักประกอบด้วย
1.อาการของผู้ป่วย อาการของผู้ป่วยอย่างที่เรียนให้ทราบแล้วว่าหากมาพบแพทย์เร็ว ก็จะทำการรักษาง่าย ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
ท่านสามารถกลับไปเคลื่อนไหวแบบเดิมได้ในเวลาไม่นาน
2.ตัวผู้ป่วยเอง ข้อนี้เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่เล่นกีฬา ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ช้า แล้วที่แย่กว่าคือผู้ป่วยมักผิดนัดและ
"กลับไปเคลื่อนไหวในรูปแบบเดิมซึ่งแพทย์ห้าม" ซึ่งมักจะทำให้อาการแย่ลงเมื่อกลับมาพบอีกครั้ง ผลที่มักจะเกิดขึ้น
คือต้องผ่าตัดซึ่งเป็นเหมือนฝันร้ายของคนเล่นกีฬาเลยทีเดียว กรณีแย่ๆที่ผมมักเจอคือ ผู้ป่วยที่มีอาการที่เรียกกันโดยกว้างๆ
และเข้าใจง่ายๆคืออาการกระดูกร้าว อาการกระดูกหัก อาการเส้นเอ็นอักเสบ อาการเส้นเอ็นฉีกขาด กลุ่มอาการเหล่านี้โดยมาก
แพทย์มักจะใส่เฝือกให้ ปัญหาคือผู้ป่วยมักชอบ"ถอดเฝือกออกเอง" ด้วยเหตุผลที่เข้าใจว่าไม่เจ็บแล้วคือหายแล้ว
จำเป็นต้องลงแข่งกีฬาต่างๆซึ่งหายไม่ทันหากรอผ่าออกตามเวลาที่แพทย์กำหนด ที่เจอบ่อยมากคือกรณีของเด็กๆที่ให้เหตุ
ผลว่าต้องแข่งกีฬาสี กีฬาโรงเรียน กีฬามหาลัย มากกว่าในวัยทำงานเนื่องจากความรู้ความเข้าใจยังน้อย
หรือผู้ป่วยมักพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเองว่าอาการเหมือนๆกัน ท่านนึงอาจจะใช้เวลาใส่เฝือกระยะเวลา
นึงแต่ท่านนึงอาจมากกว่า ผู้ป่วยบางรายเชื่อตามที่ปรึกษากันและถอดออกเองก่อนโดยให้เหตุผลว่าเคสเหมือนกัน ก็เข้าใจว่า
ต้องถอดได้ตามระยะเวลาเดียวกันและไม่ต้องเสียเวลามาพบแพทย์ ซึ่งก็เป็นผลให้อาการไม่หายตามกำหนดเวลา
การรักษาและพักฟื้น ของอาการที่กล่าวมา ยาที่ใช้รักษาที่แพทย์มักจ่ายให้ท่านทาน ท่านมักพบกลุ่มตัวยาที่
ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ หรือแก้ปวด ซึ่งผู้ป่วยมักถามแพทย์ว่า ขอยาที่ทานแล้วหายเร็วๆได้ไหม ราคามักไม่ใช่ปัญหา ซึ่งอยากจะ
ชี้ว่านี่เป็นความเข้าใจที่ผิดแบบหนึ่ง เนื่องจากการรักษาอาการกระดูกและกล้ามเนื้อนั้น สิ่งที่รักษาจริงๆคือร่างกายท่านเอง ตัวยา
จะไม่ได้ไปรักษาหรือเร่งการรักษาให้รวดเร็วขึ้น ตัวยาเพียงแค่บรรเทาให้ท่านไม่รู้สึกเจ็บปวด ทรมานกับอาการจนเป็นปัญหาต่อการ
ดำรงชีวิตเท่านั้นเอง สิ่งที่เป็นยารักษาท่านจริงๆคือเวลา ด้วยความที่เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เงินตราซื้อหาไม่ได้ ทำให้ท่านมักพบว่าแพทย์
จะตอบท่านว่า ไม่มียาที่เร่งให้เร็วขึ้นต้องพักตามที่แพทย์กำหนดจึงจะหายขาด ซึ่งหากแพทย์บอกท่านว่างดการเล่นกีฬาหรือเคลื่อนไหว
แบบไหน 3 เดือน ท่านก็ควรปฏิบัติตามเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพราะเป็นระยะเวลาที่เผื่อเหลือเผื่อขาดแล้ว อาการท่านอาจจะดีขึ้นจน
ไม่รู้สึกเจ็บปวดก่อนระยะเวลาที่กำหนด แต่ก็ควรปฏิบัติต่อไปตามระยะเวลาที่กำหนดครับ ซึ่งผมอยากจะบอกท่านว่า
"เวลาที่ท่านเจ็บป่วยท่านจำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการรักษา โดยเฉพาะการเล่นกีฬา หากท่านบาดเจ็บ
แล้วท่านฝืนเล่นต่อ มันไม่ต่างอะไรกับการที่ท่านกำลังกู้ยืมเวลาจากธนาคาร ซึ่งก็คือร่างกายของท่านเอง แน่นอนการกู้
ย่อมต้องมีดอกเบี้ย และดอกเบี้ยที่ท่านต้องจ่าย คือเวลาในการรักษาที่มากขึ้น ร่างกายแต่ละคนต่างกันอย่างไร อัตรา
ดอกเบี้ยที่คิดก็ต่างกันอย่างนั้น บางท่านอาจจะจ่ายเพิ่มหลายเดือน แต่บางท่านอาจจะจ่ายด้วยเวลาทั้งชีวิตก็ไม่พอ
แพทย์เป็นเหมือนพนักงานธนาคารที่แนะนำการบริหารเวลาของท่านได้ แต่ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยแทนหรือลดให้น้อยลงได้
ทำได้เพียงเลือกทางที่ท่านจะชดใช้เวลาที่กู้ให้น้อยและหมดเร็วที่สุดเท่านั้นเอง" ต่อมาคือการกายภาพบำบัดส่วนนี้เรียกได้ว่า
เป็นส่วนที่แย่ที่สุดสำหรับผู้ป่วยเลยก็ว่าได้ สำหรับผู้ป่วยแล้ว การกายภาพบำบัดบางครั้งยังทรมานยิ่งกว่า อาการตอนบาดเจ็บเสียอีก
เพราะขั้นตอนนี้ ท่านต้องรับความรู้สึกที่เกิดจากการปฏิบัติเต็มๆโดยไม่มีตัวช่วยเป็นยาใดเลย นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ผู้ป่วยมักไม่มาทำกายภาพบำบัดให้ครบตามกำหนด ซึ่งผมแนะนำว่าท่าน"ต้อง"ทำให้ครบตามกำหนด เพราะหากปฏิบัติไม่ครบ อาจจะส่งผลให้การ
เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ หรืออวัยวะส่วนนั้นๆผิดปกติไป บางท่านจะพบว่าหลังจากหายแล้ว พบว่าตัวเองงอข้อต่อร่างกายได้ไม่สุด
เช่นเจ็บข้อเท้าซ้ายเมื่อหายแล้ว เทียบกับข้อเท้าขวาแล้วงอได้น้อยกว่าเป็นต้น ซึ่งมักพบกับอาการที่ปล่อยให้หายเองมากกว่า
โดยไม่ทราบว่าต้องทำกายภาพบำบัด
สุดท้ายนี้ผมอย่างแสดงความคิดเห็นว่าจริงๆแล้วกีฬาก็ไม่ต่างกับยาเสพติด อาจจะฟันดูติดลบหรือแย่ แต่โดยหลักการแล้ว
เมื่อท่านเสพสิ่งเสพติด ร่างกายท่านจะหลั่งสารบางชนิดจากสมองซึ่งทำให้ท่านรู้สึกดีมีความสุข ซึ่งโดยปกติแล้วสมองเรามีการให้
รางวัลกับร่างกายเราโดยการหลั่งสารเพื่อให้เรารู้สึกมีความสุขอย่างสมดุล ซึ่งผู้ที่ติดยาเสพติดนั่นสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้เสพติด
ความสุขเมื่อเสพติดมากเกินไป หมกหมุ่นมากเกินไป ท่านจะละเลยเรื่องต่างๆรวมทั้งการพักและดูแลร่างกายท่านเอง กีฬาก็เช่นเดียวกัน
เมื่อท่านเล่นกีฬาสมองท่านก็จะหลั่งสารออกมาเช่นกันบ้างส่งผลให้ท่านบ้างสนุกบ้างตื่นเต้น สิ่งที่การออกกำลังกายดีกว่ายาเสพติดคือ
ร่างกายมีกลไกการป้องกันตนเองคือความเหนื่อยล้า ซึ่งยาเสพติดมักจะไปกดส่วนนั้น แต่มนุษย์นั้นแปลกอย่างหนึ่ง บางครั้งเรามัก
จะฝืนในสิ่งที่ไม่ควรฝืน ซึ่งการที่ท่านออกกำลังการมากจนเกินไปเกินกว่าลิมิตที่ร่างกายจะรับได้ จะส่งผลต่อร่างกายท่านแน่นอน อาจจะ
ไม่แสดงผลในทันที แต่ร่างกายจะแย่ลงในรูปแบบสะสม ท่านจะพบได้ว่า ผู้ที่ออกกำลังกายเยอะมากบางคนเมื่อเจ็บป่วยบางครั้งยังหาย
ได้ช้ากว่าคนออกกำลังกายตามปกติ ทั้งๆที่ภายนอกดูสมบูรณ์และแข็งแรงกว่า ซึ่งผมอยากจะสื่อให้เห็นว่าการออกกำลังกายไม่ได้มีแต่
ประโยชน์ ทุกสิ่งในโลกยิ่งมีประโยชน์มากเท่าไหร่อีกด้านก็มีโทษมากเท่านั้น ผู้คนมักสอนว่าออกกำลังกายมีแต่ประโยชน์ทำไปเถอะ
ยิ่งทำยิ่งดี แต่มักไม่ได้ชี้แจงถึงโทษ จึงพบคนที่เล่นกีฬาทุกๆวันโดยไม่มีการหยุดพัก โดยผมอยากแนะนำว่าหากท่านรู้สึกว่าออกกำลัง
อาทิตย์ละ 3 วันน้อยเกินไป ท่านสามารถปรับเป็นวันเว้นวันได้ แต่ไม่ควรมากกว่านั้น สุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกาย มาจากการ
พักฟื้นด้วยช่วยกัน คำแนะนำทั้งหมดนี้ บางท่านอ่านจะทราบก่อนแล้วหรืออาจจะทราบละเอียดกว่าผม สามารถเสริมเพิ่มเติมได้ หรือ
บางท่านยังไม่ทราบมาก่อน ผมก็รู้สึกยินดีที่ให้ข้อมูลที่ดีแก่ท่านได้
ปล.ผมข้อเพิ่มเติมเล็กน้อยว่า ผมเคยเล่นเว็บบอร์ดอื่น พบว่าเมื่อสมาชิกท่านอื่นทราบว่าท่านเป็นแพทย์ ท่านมักจะพบว่าบางครั้ง
จะมีเพื่อนสมาชิกเข้ามาขอคำแนะนำเมื่อมีปัญหาเจ็บป่วย ซึ่งผู้ที่ขอคำแนะนำมักตั้งธงไว้ในใจแล้วว่า ผมต้องสามารถให้คำแนะนำ
หรือบอกอาการและยารักษาได้ ผมขอชี้แจงว่าแพทย์ทุกคนเชียวชาญไม่เหมือนกัน มีหลายสิ่งหลายอย่าง หลายอาการที่เรา
ไม่รู้ ยิ่งการที่ไม่เห็นผู้ป่วยและอาการด้วยตัวเอง เป็นอะไรที่ยากมาก ทำให้เมื่อปฏิเสธและแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาล
มักโดนตำหนิว่า ไม่จริงใจในการให้คำแนะนำ ขาดจรรญาบรรณแพทย์ ซึ่งผมก็น้ำท่วมปากจะแนะนำไปถ้าผิดพลาดก็เท่ากับทำร้าย
คนที่มาขอคำแนะนำ มีบ้างบางรายถึงขนาดจำที่อยู่หรือเบอร์โทรของผมได้ แล้วมาพบหรือติดต่อผม ซึ่งในฐานะแพทย์แล้วก็
เต็มใจที่จะแนะนำและรักษา แต่ในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง บางครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม นั่นเป็นบทเรียนของผม ซึ่งที่เล่าเรื่องนี้
อยากจะสื่อให้ท่านเข้าใจถ้าท่านหลังไมค์มาถามผม ผมก็จะแนะนำให้ท่านไปพบแพทย์แน่นอน ผมไม่มีคำแนะนำอะไรมากกว่านั้น
จริงๆ ดังนั้นหากมีปัญหาสุขภาพใดๆ ก็ไปพบแพทย์เถอะครับ เอาที่ใกล้ที่อยู่ท่านนั่นแหละ คนไทยมักยึดติดว่าแพทย์คนนี้เก่งคนนั้น
เก่ง บางครั้งก็ดิ้นรนเกินจำเป็น อยากให้เข้าใจว่าจริงๆแล้วเมื่อท่านเชื่อว่าแพทย์ท่านไหนเก่ง ท่านมักจะเชื่อฟังและทำตาม
คำแนะนำของแพทย์ท่านนั้นอย่างเคร่งครัด ทำให้ท่านหายขาดได้ไวขึ้น กลับกันสำหรับแพทย์ท่านไหน ที่ท่านไม่มั่นใจท่านมัก
จะทำตามบ้างไม่ทำบ้างโดยไม่รู้ตัวทำให้ท่านหายช้ากว่าที่ควรหรือไม่หายขาด ซึ่งความผิดมักไปตกอยู่ที่แพทย์
ปล.2 เพิ่งสังเกตุว่ามันยาวมากเป็นครั้งแรกที่เคยพิมพ์ยาวเกือบ 9000 ตัว ก็ขอบคุณท่านที่อุตส่าห์อ่านจนจบด้วย ผมยินดีให้ท่าน
สามารถนำเนื้อหาในกระทู้นี้ไปเผยแพร่หรือแบ่งปันได้โดยไม่ต้องให้เครดิตใดๆเลยครับ ตามสบายเลย ถือว่าเป็นประโยชน์
ต่อตัวผู้ได้รับและเป็นบุญกุศลต่อผู้แบ่งปันเองเลยครับ ส่วนตัวผมถือว่าได้ความสุขใจที่ได้แบ่งปันให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่รักกีฬา
เหมือนผมในห้องศุภชลาศัยทุกคนแล้วครับ เป็นกระทู้ที่ตั้งใจเขียนที่สุดในเว็บนี้แล้วครับ
*ขออนุญาติแท็กในห้องกีฬาหลักๆที่มีคนติดตามเยอะๆเช่น ฟุตบอลต่างประเทศ ฟุตบอลไทย จักรยาน วอลเลย์บอลและฟิตเนส
นะครับ