08 กันยายน 2556 กสทช. สู้ตาย!! (เลขากสทช.ฐากรก็ช่วยไม่ได้) การฟ้อง TDRI.เดือนเด่นและTHAIpbs.ณัฏฐา ถือเป็นเรื่องถูกต้อง!! ชอบนำเสนอข่าวด้านเดียวเสมอและยเอาเรื่องไม่จริงมาพูดว่าชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
ประเด็นหลัก
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ที่ผ่านมา กทค.ได้ชี้แจงในประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ ดร.เดือนเด่นก็ยังคงให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนอกจากพึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กสทช.และ กทค.ไม่ได้กลัวการถูกวิจารณ์รวมทั้งไม่เคยกลัวการถูกตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่เป็นการใส่ความเอาเรื่องไม่จริง และเอาเรื่องเท็จมากล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถ้าอยู่ๆ มีใครมากล่าวหาอย่างต่อเนื่องโดยเอาเรื่องไม่จริงมาโจมตีว่า คนๆ นั้นทำให้ชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
"แต่ถ้าจำเลยที่1 (ดร.เดือนเด่น) มีข้อแก้ตัวใดๆ ก็ควรไปนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นศาลให้ความจริงปรากฏ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ในชั้นนี้จากพยานหลักฐานที่ กทค.มี มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานครบองค์ประกอบของความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยที่มิอาจอ้างข้อยกเว้นเรื่องการใช้สิทธิโดยสุจริตได้"เอกสารระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เหตุที่มีการฟ้อง น.ส.ณัฏฐา เนื่องจากมีการนำบทสัมภาษณ์ของ ดร.เดือนเด่นที่มีข้อความที่มีการหมิ่นประมาทไปเผยแพร่ ทั้งๆ ที่ กทค.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.แถลงข่าวโต้แย้งไปแล้ว แต่สกู๊ปข่าวที่ไทยพีบีเอสนำเสนอกลับเสนอข้อมูลเชิงลบด้านเดียว ที่เป็นการใส่ความกทค. ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังทั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ใครที่ทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ การที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนักวิชาการหรือสื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องตามกติกาที่กฎหมายกำหนด ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ การห้ามไม่ให้ผู้อื่นใช้สิทธิของเขา หรือกดดันให้มีการถอนฟ้องต่างหากคือการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น
http://m.thairath.co.th/content/tech/368211
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130907/528290/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%
8A.%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%
B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%
E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8E%E0%B8%90%E0%B8%B2.html
______________________________________
กสทช.ยันไม่ถอนฟ้อง'เดือนเด่น-ณัฎฐา'
กสทช.ออกแถลงการณ์ไม่ถอนฟ้อง'เดือนเด่น-ณัฎฐา' ยันถูกบิดเบือนใส่ความทำให้เสียหาย ต้องปกป้องศักดิ์ศรี-เกียรติภูมิ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2556 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) www.nbtc.go.th ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จำนวน 4 คน และสำนักงาน กสทช. โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กับ น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในคดีหมิ่นประมาท จากกรณี ดร.เดือนเด่นไปออกรายการที่นี่ประเทศไทย ที่มี น.ส.ณัฎฐาเป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2556 และพูดถึงความเสียหายที่เกิดจากมาตรการขยายเวลาคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ของ กทค.
กสทช.ขอชี้แจงว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของ กทค. ทั้ง 4 และสำนักงาน กสทช.ที่ถูกละเมิดสิทธิ มิใช่เป็นการฟ้องร้องเพื่อคุกคามนักวิชาการหรือสื่อมวลชนอย่างที่มีคนพยายามเอาไปบิดเบือนความจริง เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ กสทช.ยังสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ใช่เอาข้อมูลที่ไม่จริงหรือบิดเบือนมานำเสนอก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
"การฟ้องคดีนี้แท้จริงแล้วจะส่งผลเป็นการปกป้องสื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำลายองค์กรใดๆ นอกจากนี้ยังทำให้เป็นการยกระดับมาตรฐานทางวิชาการของสถาบันวิจัยให้มีมากขึ้น ตลอดจนจะช่วยให้สื่อต้องตรวจสอบความถูกต้องให้รอบคอบและนำเสนอข้อมูลให้รอบด้านโดยไม่เลือกนำเสนอเฉพาะในบางแง่บางมุม ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย"
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ที่ผ่านมา กทค.ได้ชี้แจงในประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ ดร.เดือนเด่นก็ยังคงให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนอกจากพึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กสทช.และ กทค.ไม่ได้กลัวการถูกวิจารณ์รวมทั้งไม่เคยกลัวการถูกตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่เป็นการใส่ความเอาเรื่องไม่จริง และเอาเรื่องเท็จมากล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถ้าอยู่ๆ มีใครมากล่าวหาอย่างต่อเนื่องโดยเอาเรื่องไม่จริงมาโจมตีว่า คนๆ นั้นทำให้ชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
"แต่ถ้าจำเลยที่1 (ดร.เดือนเด่น) มีข้อแก้ตัวใดๆ ก็ควรไปนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นศาลให้ความจริงปรากฏ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ในชั้นนี้จากพยานหลักฐานที่ กทค.มี มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานครบองค์ประกอบของความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยที่มิอาจอ้างข้อยกเว้นเรื่องการใช้สิทธิโดยสุจริตได้"เอกสารระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เหตุที่มีการฟ้อง น.ส.ณัฏฐา เนื่องจากมีการนำบทสัมภาษณ์ของ ดร.เดือนเด่นที่มีข้อความที่มีการหมิ่นประมาทไปเผยแพร่ ทั้งๆ ที่ กทค.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.แถลงข่าวโต้แย้งไปแล้ว แต่สกู๊ปข่าวที่ไทยพีบีเอสนำเสนอกลับเสนอข้อมูลเชิงลบด้านเดียว ที่เป็นการใส่ความกทค. ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังทั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ใครที่ทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ การที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนักวิชาการหรือสื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องตามกติกาที่กฎหมายกำหนด ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ การห้ามไม่ให้ผู้อื่นใช้สิทธิของเขา หรือกดดันให้มีการถอนฟ้องต่างหากคือการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130907/528290/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%
8A.%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%
B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%
E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8E%E0%B8%90%E0%B8%B2.html
http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8
%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/245409/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B
8%8A-
%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8
%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0
%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B2
______________________________________________
กสทช.กร้าวไม่ถอนฟ้อง"เดือนเด่น-ณัฏฐา"
กสทช.ออกแถลงไม่ถอนฟ้อง “เดือนเด่น-ณัฎฐา” ยันถูกบิดเบือนใส่ความทำให้เสียหาย ต้องปกป้องศักดิ์ศรี-เกียรติภูมิ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2556 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) www.nbtc.go.th ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จำนวน 4 คน และสำนักงาน กสทช. โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กับ น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในคดีหมิ่นประมาท จากกรณี ดร.เดือนเด่นไปออกรายการที่นี่ประเทศไทย ที่มี น.ส.ณัฎฐาเป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2556 และพูดถึงความเสียหายที่เกิดจากมาตรการขยายเวลาคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ของ กทค.
กสทช.ขอชี้แจงว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของ กทค. ทั้ง 4 และสำนักงาน กสทช.ที่ถูกละเมิดสิทธิ มิใช่เป็นการฟ้องร้องเพื่อคุกคามนักวิชาการหรือสื่อมวลชนอย่างที่มีคนพยายามเอาไปบิดเบือนความจริง เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ กสทช.ยังสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ใช่เอาข้อมูลที่ไม่จริงหรือบิดเบือนมานำเสนอก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
“การฟ้องคดีนี้แท้จริงแล้วจะส่งผลเป็นการปกป้องสื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำลายองค์กรใดๆ นอกจากนี้ยังทำให้เป็นการยกระดับมาตรฐานทางวิชาการของสถาบันวิจัยให้มีมากขึ้น ตลอดจนจะช่วยให้สื่อต้องตรวจสอบความถูกต้องให้รอบคอบและนำเสนอข้อมูลให้รอบด้านโดยไม่เลือกนำเสนอเฉพาะในบางแง่บางมุม ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย” เอกสารดังกล่าวระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ที่ผ่านมา กทค.ได้ชี้แจงในประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ ดร.เดือนเด่นก็ยังคงให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนอกจากพึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กสทช.และ กทค.ไม่ได้กลัวการถูกวิจารณ์รวมทั้งไม่เคยกลัวการถูกตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่เป็นการใส่ความเอาเรื่องไม่จริง และเอาเรื่องเท็จมากล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถ้าอยู่ๆ มีใครมากล่าวหาอย่างต่อเนื่องโดยเอาเรื่องไม่จริงมาโจมตีว่า คนๆ นั้นทำให้ชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
“แต่ถ้าจำเลยที่1 (ดร.เดือนเด่น) มีข้อแก้ตัวใดๆ ก็ควรไปนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นศาลให้ความจริงปรากฏ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ในชั้นนี้จากพยานหลักฐานที่ กทค.มี มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานครบองค์ประกอบของความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยที่มิอาจอ้างข้อยกเว้นเรื่องการใช้สิทธิโดยสุจริตได้” เอกสารดังกล่าวระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เหตุที่มีการฟ้อง น.ส.ณัฏฐา เนื่องจากมีการนำบทสัมภาษณ์ของ ดร.เดือนเด่นที่มีข้อความที่มีการหมิ่นประมาทไปเผยแพร่ ทั้งๆ ที่ กทค.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.แถลงข่าวโต้แย้งไปแล้ว แต่สกู๊ปข่าวที่ไทยพีบีเอสนำเสนอกลับเสนอข้อมูลเชิงลบด้านเดียว ที่เป็นการใส่ความกทค. ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังทั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ใครที่ทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ การที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนักวิชาการหรือสื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องตามกติกาที่กฎหมายกำหนด ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ การห้ามไม่ให้ผู้อื่นใช้สิทธิของเขา หรือกดดันให้มีการถอนฟ้องต่างหากคือการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น.
http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8
%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/245409/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B
8%8A-
%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8
%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0
%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B2
__________________________________
______________________________________
แว่วถอนฟ้อง! "ฐากร" อาสาโซ่ข้อกลางเคลียร์ปม กทค. ฟ้องทีดีอาร์ไอ-ไทยพีบีเอส
"ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาฯ กสทช. เสนอตัวเคลียร์ปม กทค.ฟ้อง ทีดีอาร์ไอ-ไทยพีบีเอส เจรจาต่อหน้าสื่อ หวังจบลงด้วยการถอนฟ้อง ด้าน พ.อ.นที มองว่า กทค.ฟ้องเพื่อปกป้องชื่อเสียง...
กสทช. สู้ตาย!! (เลขากสทช.ฐากรก็ช่วยไม่ได้) การฟ้อง TDRI.เดือนเด่นและTHAIpbs.ณัฏฐา ถือเป็นเรื่องถูกต้อง!! (ฐานปากเปราะ)
ประเด็นหลัก
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ที่ผ่านมา กทค.ได้ชี้แจงในประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ ดร.เดือนเด่นก็ยังคงให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนอกจากพึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กสทช.และ กทค.ไม่ได้กลัวการถูกวิจารณ์รวมทั้งไม่เคยกลัวการถูกตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่เป็นการใส่ความเอาเรื่องไม่จริง และเอาเรื่องเท็จมากล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถ้าอยู่ๆ มีใครมากล่าวหาอย่างต่อเนื่องโดยเอาเรื่องไม่จริงมาโจมตีว่า คนๆ นั้นทำให้ชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
"แต่ถ้าจำเลยที่1 (ดร.เดือนเด่น) มีข้อแก้ตัวใดๆ ก็ควรไปนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นศาลให้ความจริงปรากฏ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ในชั้นนี้จากพยานหลักฐานที่ กทค.มี มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานครบองค์ประกอบของความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยที่มิอาจอ้างข้อยกเว้นเรื่องการใช้สิทธิโดยสุจริตได้"เอกสารระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เหตุที่มีการฟ้อง น.ส.ณัฏฐา เนื่องจากมีการนำบทสัมภาษณ์ของ ดร.เดือนเด่นที่มีข้อความที่มีการหมิ่นประมาทไปเผยแพร่ ทั้งๆ ที่ กทค.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.แถลงข่าวโต้แย้งไปแล้ว แต่สกู๊ปข่าวที่ไทยพีบีเอสนำเสนอกลับเสนอข้อมูลเชิงลบด้านเดียว ที่เป็นการใส่ความกทค. ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังทั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ใครที่ทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ การที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนักวิชาการหรือสื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องตามกติกาที่กฎหมายกำหนด ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ การห้ามไม่ให้ผู้อื่นใช้สิทธิของเขา หรือกดดันให้มีการถอนฟ้องต่างหากคือการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น
http://m.thairath.co.th/content/tech/368211
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130907/528290/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%
8A.%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%
B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%
E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8E%E0%B8%90%E0%B8%B2.html
______________________________________
กสทช.ยันไม่ถอนฟ้อง'เดือนเด่น-ณัฎฐา'
กสทช.ออกแถลงการณ์ไม่ถอนฟ้อง'เดือนเด่น-ณัฎฐา' ยันถูกบิดเบือนใส่ความทำให้เสียหาย ต้องปกป้องศักดิ์ศรี-เกียรติภูมิ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2556 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) www.nbtc.go.th ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จำนวน 4 คน และสำนักงาน กสทช. โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กับ น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในคดีหมิ่นประมาท จากกรณี ดร.เดือนเด่นไปออกรายการที่นี่ประเทศไทย ที่มี น.ส.ณัฎฐาเป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2556 และพูดถึงความเสียหายที่เกิดจากมาตรการขยายเวลาคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ของ กทค.
กสทช.ขอชี้แจงว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของ กทค. ทั้ง 4 และสำนักงาน กสทช.ที่ถูกละเมิดสิทธิ มิใช่เป็นการฟ้องร้องเพื่อคุกคามนักวิชาการหรือสื่อมวลชนอย่างที่มีคนพยายามเอาไปบิดเบือนความจริง เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ กสทช.ยังสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ใช่เอาข้อมูลที่ไม่จริงหรือบิดเบือนมานำเสนอก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
"การฟ้องคดีนี้แท้จริงแล้วจะส่งผลเป็นการปกป้องสื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำลายองค์กรใดๆ นอกจากนี้ยังทำให้เป็นการยกระดับมาตรฐานทางวิชาการของสถาบันวิจัยให้มีมากขึ้น ตลอดจนจะช่วยให้สื่อต้องตรวจสอบความถูกต้องให้รอบคอบและนำเสนอข้อมูลให้รอบด้านโดยไม่เลือกนำเสนอเฉพาะในบางแง่บางมุม ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย"
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ที่ผ่านมา กทค.ได้ชี้แจงในประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ ดร.เดือนเด่นก็ยังคงให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนอกจากพึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กสทช.และ กทค.ไม่ได้กลัวการถูกวิจารณ์รวมทั้งไม่เคยกลัวการถูกตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่เป็นการใส่ความเอาเรื่องไม่จริง และเอาเรื่องเท็จมากล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถ้าอยู่ๆ มีใครมากล่าวหาอย่างต่อเนื่องโดยเอาเรื่องไม่จริงมาโจมตีว่า คนๆ นั้นทำให้ชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
"แต่ถ้าจำเลยที่1 (ดร.เดือนเด่น) มีข้อแก้ตัวใดๆ ก็ควรไปนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นศาลให้ความจริงปรากฏ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ในชั้นนี้จากพยานหลักฐานที่ กทค.มี มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานครบองค์ประกอบของความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยที่มิอาจอ้างข้อยกเว้นเรื่องการใช้สิทธิโดยสุจริตได้"เอกสารระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เหตุที่มีการฟ้อง น.ส.ณัฏฐา เนื่องจากมีการนำบทสัมภาษณ์ของ ดร.เดือนเด่นที่มีข้อความที่มีการหมิ่นประมาทไปเผยแพร่ ทั้งๆ ที่ กทค.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.แถลงข่าวโต้แย้งไปแล้ว แต่สกู๊ปข่าวที่ไทยพีบีเอสนำเสนอกลับเสนอข้อมูลเชิงลบด้านเดียว ที่เป็นการใส่ความกทค. ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังทั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ใครที่ทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ การที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนักวิชาการหรือสื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องตามกติกาที่กฎหมายกำหนด ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ การห้ามไม่ให้ผู้อื่นใช้สิทธิของเขา หรือกดดันให้มีการถอนฟ้องต่างหากคือการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130907/528290/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B8%
8A.%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%
B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%
E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8E%E0%B8%90%E0%B8%B2.html
http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8
%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/245409/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B
8%8A-
%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8
%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0
%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B2
______________________________________________
กสทช.กร้าวไม่ถอนฟ้อง"เดือนเด่น-ณัฏฐา"
กสทช.ออกแถลงไม่ถอนฟ้อง “เดือนเด่น-ณัฎฐา” ยันถูกบิดเบือนใส่ความทำให้เสียหาย ต้องปกป้องศักดิ์ศรี-เกียรติภูมิ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2556 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) www.nbtc.go.th ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จำนวน 4 คน และสำนักงาน กสทช. โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กับ น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในคดีหมิ่นประมาท จากกรณี ดร.เดือนเด่นไปออกรายการที่นี่ประเทศไทย ที่มี น.ส.ณัฎฐาเป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2556 และพูดถึงความเสียหายที่เกิดจากมาตรการขยายเวลาคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ของ กทค.
กสทช.ขอชี้แจงว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของ กทค. ทั้ง 4 และสำนักงาน กสทช.ที่ถูกละเมิดสิทธิ มิใช่เป็นการฟ้องร้องเพื่อคุกคามนักวิชาการหรือสื่อมวลชนอย่างที่มีคนพยายามเอาไปบิดเบือนความจริง เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ กสทช.ยังสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ใช่เอาข้อมูลที่ไม่จริงหรือบิดเบือนมานำเสนอก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
“การฟ้องคดีนี้แท้จริงแล้วจะส่งผลเป็นการปกป้องสื่อไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำลายองค์กรใดๆ นอกจากนี้ยังทำให้เป็นการยกระดับมาตรฐานทางวิชาการของสถาบันวิจัยให้มีมากขึ้น ตลอดจนจะช่วยให้สื่อต้องตรวจสอบความถูกต้องให้รอบคอบและนำเสนอข้อมูลให้รอบด้านโดยไม่เลือกนำเสนอเฉพาะในบางแง่บางมุม ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย” เอกสารดังกล่าวระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ที่ผ่านมา กทค.ได้ชี้แจงในประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ ดร.เดือนเด่นก็ยังคงให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง แม้กระทั่งหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะพิสูจน์ให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงนอกจากพึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กสทช.และ กทค.ไม่ได้กลัวการถูกวิจารณ์รวมทั้งไม่เคยกลัวการถูกตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ปกติ แต่เป็นการใส่ความเอาเรื่องไม่จริง และเอาเรื่องเท็จมากล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถ้าอยู่ๆ มีใครมากล่าวหาอย่างต่อเนื่องโดยเอาเรื่องไม่จริงมาโจมตีว่า คนๆ นั้นทำให้ชาติเสียหายถึง 1.6 แสนล้านบาท
“แต่ถ้าจำเลยที่1 (ดร.เดือนเด่น) มีข้อแก้ตัวใดๆ ก็ควรไปนำพยานหลักฐานมาสืบในชั้นศาลให้ความจริงปรากฏ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัว แต่ในชั้นนี้จากพยานหลักฐานที่ กทค.มี มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานครบองค์ประกอบของความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยที่มิอาจอ้างข้อยกเว้นเรื่องการใช้สิทธิโดยสุจริตได้” เอกสารดังกล่าวระบุ
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เหตุที่มีการฟ้อง น.ส.ณัฏฐา เนื่องจากมีการนำบทสัมภาษณ์ของ ดร.เดือนเด่นที่มีข้อความที่มีการหมิ่นประมาทไปเผยแพร่ ทั้งๆ ที่ กทค.ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช.แถลงข่าวโต้แย้งไปแล้ว แต่สกู๊ปข่าวที่ไทยพีบีเอสนำเสนอกลับเสนอข้อมูลเชิงลบด้านเดียว ที่เป็นการใส่ความกทค. ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังทั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ใครที่ทำผิดก็ย่อมต้องรับโทษ การที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของนักวิชาการหรือสื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องตามกติกาที่กฎหมายกำหนด ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ การห้ามไม่ให้ผู้อื่นใช้สิทธิของเขา หรือกดดันให้มีการถอนฟ้องต่างหากคือการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น.
http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8
%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/245409/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B
8%8A-
%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8
%96%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0
%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%99-
%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B2
__________________________________
______________________________________
แว่วถอนฟ้อง! "ฐากร" อาสาโซ่ข้อกลางเคลียร์ปม กทค. ฟ้องทีดีอาร์ไอ-ไทยพีบีเอส
"ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาฯ กสทช. เสนอตัวเคลียร์ปม กทค.ฟ้อง ทีดีอาร์ไอ-ไทยพีบีเอส เจรจาต่อหน้าสื่อ หวังจบลงด้วยการถอนฟ้อง ด้าน พ.อ.นที มองว่า กทค.ฟ้องเพื่อปกป้องชื่อเสียง...