จากกระทู้เก่า คุณลุงจอมโปรเจค
http://ppantip.com/topic/30915775
วันนี้ มีอีกเรื่องนึง นำมาเล่าสู่กันฟัง(อ่าน)
เท้าความเก่า เรื่องราวมีอยู่ว่า
ผมรู้จักกับพี่เซลล์วิ่งขายของตามร้านค้าคนนึง (สินค้าพวก ฮาร์ดแวร์ เครื่องมือต่างๆ) มีประสบการณ์มานานหลายปี ฐานลูกค้าเยอะ
และผมก็เพิ่งได้รู้จัก กับนายทุนเงินหนาคนนึง ที่กำลังจะหาช่องทางลงทุนธุรกิจทางด้านอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงของการลงทุน
และเมื่อผมเอามาเล่าให้พี่เซลล์ฟัง เขาก็สนใจเป็นอย่างมาก อยากจะนำเข้าสินค้าจากจีน แล้ววิ่งขายเอง (เขาหุ้นแรง ..นายทุนหุ้นเงิน)
ผ่านไป2วัน ...........................ความคิด..สติสตางค์ ของพี่เขา ก็เริ่มฟุ้งล่ะครับ ............
นี่คือบทสนทนา อาจจะไม่ได้ตรงตามคำพูดเป๊ะๆ แต่ใจความเดียวกันครับ
พี่เซลล์ : เฮ้..นาย ว่าไง เมื่อไหร่จะพาเราไปรู้จักนายทุนซักทีล่ะ
ผม : ได้สิ...แล้วพี่พร้อมเมื่อไหร่ล่ะ เตรียมไปพรีเซ้นต์ให้ดีละ่กัน
พี่เซลล์ : เออๆๆ ขอเวลาเตรียมตัวอีกนิดนึง
ผม : โอเค . แล้วเบื้องต้น พี่วางแผนไว้อย่างไงบ้างล่ะ
พี่เซลล์ :
พี่ก็ว่า ช่วงแรกๆคงจะวิ่งกับเถ้าแก่เดิมไปด้วย และก็วิ่งของตัวเองไปด้วย
ผม : (ผม งงนิดหน่อย) อืม์..... ยังไงเหรอ??
พี่เซลล์ : ก็คือ จะทำงานที่เดิมน่ะแหล่ะ ใช้ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง และเงินเดือนที่เดิมไปด้วย และก็แทรกสินค้าของตัวเองไปด้วย
ผม : เอ... พี่ ..สินค้าก็เหมือนกัน แล้วเอาไปขายด้วยกัน ทั้งของเจ้านายทั้งของตัวเอง แล้วมันจะเหมาะเหรอพี่
พี่เซลล์ : ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ถึงสินค้ามันจะแบบเดียวกัน แต่มันก็คนละเกรด เพราะของเถ้าแก่เขานำเข้าจากเยอรมัน ส่วนของเราก็มาจากจีน
ผม : อืมๆๆ แล้วไงต่อ
พี่เซลล์ : ก็เท่ากับว่า ช่วงแรกๆซัก 3-4เดือนแรก พี่ก็จะวิ่งแบบนี้ เพราะมันจะได้เบิกค่าน้ำมัน ค่าเดินทางได้น่ะสิ จะได้ประหยัดในช่วงแรกๆ
ผม : พี่กำลังจะบอกผมว่า พี่จะโกงบริษัทเถ้าแก่ของพี่ ว่างั้น..
พี่เซลล์ : .... แหม๋...(ทำหน้าเขินๆ) ก็เรากำลังจะทำธุรกิจนี่ มันก็ต้องเจ้าเล่ห์กันหน่อยสิ และอีกอย่าง ก็ไม่ได้โกงอะไรนี่ ก็ยังขายของให้เถ้าแก่เหมือนเดิม
ผม : เหมือนเดิมตรงไหนพี่ ?? ... จากเดิมพี่เขายของให้เถ้าแก่เขาเต็มๆ100% แล้วพี่ก็รับเงินเดือน ....แต่นี่พี่กำลังจะทำงานให้เขาไม่เต็มร้อย แล้วก็จะรับเงินเดือนเท่าเดิม
พี่เซลล์ : เขาก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหล่ะ
ผม : แล้วพี่จะบอกเรื่องนี้กับนายทุนไหม ??
พี่เซลล์ : อูย... บอกไม่ได้หรอก เรื่องแบบเนี๊ยะ
ผม : หมายความว่า พี่ก็จะโกงนายทุนอีกเหมือนกัน ใช่มะ
พี่เซลล์ : จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้นะ พี่ไม่ได้โกงซะหน่อย เผลอๆ ต่อให้นายทุนรู้ว่าพี่จะทำอย่างนี้ บางทีเขาอาจจะชอบก็ได้ เพราะทำให้ประหยัดค่าน้ำมัน ค่าอื่นๆได้ด้วย
ผม :
พี่.........พับโครงการไปก่อนเถอะ ผมไม่พาพี่ไปแนะนำให้รู้จักนายทุนแล้วล่ะ
พี่เซลล์ : อ้าว ... ทำไมล่ะ
ผม : ที่พี่จะเอาเปรียบ จะโกงเนี่ย พี่ไม่ได้โกงแค่เถ้าแก้ และนายทุน เท่านั้น แต่พี่กำลังจะโกงตัวเองด้วย
พี่เซลล์ : ยังไงล่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย คนอื่นๆเขาก็ทำ และอีกอย่าง นี่มันคือธุรกิจ มันต้องมีเล่ห์เหลียม ...บลาๆๆๆๆๆ (วกวน หาข้ออ้างให้ตัวเอง)
ผม : ยู๊ด...หยุดๆๆๆ หยุดก่อน... แล้วฟังผม
ผมถามหน่อย ถ้าพี่เป็นเจ้าของบริษัท แล้วพี่รู้ว่า เซลล์คนนึง ทำแบบนี้ ทำแบบที่พี่กำลังจะทำเนี่ย พี่จะเลี้ยงไว้ไหม ??
พี่เซลล์ : ก็คงไม่อ่ะ ..
ผม : เพราะ ..???
พี่เซลล์ : มันโกงเวลาทำงานของพี่น่ะสิ
ผม : แต่ว่า พี่กำลังจะทำซะเอง ??
พี่เซลล์ : ก็แหม๋.... แค่ช่วงแรกๆน่ะ
ผม : แล้วพี่รู้ไหม ว่าพี่กำลังโกงตัวเอง
พี่เซลล์ : ???
ผม : ในเมื่อกี้ พี่บอกว่า ถ้าคนอื่นมาโกงเวลาทำงาน พี่จะไล่มันออก จะไม่เลี้ยงไว้ ใช่มะ ..
แต่เนี่ย เป็นกิจการของตัวพี่เอง แต่พี่ดันทำซะเอง ?? แล้วพี่คิดว่า สมควรจะไล่ตัวเองออกจากบริษัทไหม ??
(เอาล่ะ ผมสวดยาวเลยทีนี้..)
พี่จะโกงใครผมไม่สนหรอก พี่จะโกงเถ้าแก่ของพี่ เรื่องของพี่ ตามสบาย ... แต่พี่กำลังจะโกงบริษัทตัวเอง ด้วยการไม่ทำงานเต็ม100ให้บริษัทตัวเอง ..ถ้านั่นเป็นบริษัทของพี่เองผมก็คงไม่ว่าอะไร แต่นี่...พี่กำลังจะหุ้นลม(ลงแรง)กับนายทุนที่ผมรู้จัก แล้วถ้าพี่ทำอย่างนั้นแล้วเขารู้ขึ้นมา ไม่ใช่แต่พี่ที่เสีย ผมเองในฐานะเป็นคนพาไปแนะนำ ผมก็เสียด้วยเช่นเดียวกัน
และอีกอย่างนึงนะ
วิธีที่พี่คิดเนี่ย มันเป็นการเอาเปรียบนายจ้าง นั่นหมายความว่า พี่กำลังคิดแบบลูกจ้างที่จะเอาเปรียบนายจ้าง ... พี่คิดอย่างลูกจ้าง
แต่ในขณะเดียวกัน พี่กำลังจะข้ามพ้น จากลูกจ้าง มาเป็นเจ้าของกิจการ แต่พี่ ก็ยังติดวังวนวิธีคิดเดิมๆแบบลูกจ้างอยู่ ..แถมยังเป็นการคิดจะเอาเปรียบตัวเองด้วยอีกซะตั้งหาก
(พี่เซลล์ ยังทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ)............
อ่ะ ผมจะยกตัวอย่างให้
สมมุติว่า โลกนี้มีกฏหมายว่า ใครขุดดินมีความผิดทางกฏหมาย (ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาซะด้วย ไม่รู้ว่ายกตัวอย่างมั่วเหรอเปล่า เหอๆ)
1. พี่เดินไปในที่ดินของคนอื่น แล้วพี่ขุดดิน อันนี้พี่ผิดเต็มๆ เจ้าของที่ดินก็จะไล่พี่ออกไปจากที่ดินของเขา เผลอๆเรียกตำรวจมาจับอีก
2. แต่เมื่อพี่กลับไปที่ดินของตนเอง แล้วพี่ก็ขุดดิน ..พี่กลับบอกว่า พี่ไม่ผิด ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันผิด
ก็เหมือนกับ พี่ไปโกงเวลาทำงานของคนอื่น ไปโกง,แอบแฝงค่าน้ำมันรถของคนอื่น พี่ก็รู้ว่ามันผิด
แต่ ในขณะเดียวกัน พี่ก็โกงเวลาทำงานของบริษัทตนเอง เช่นเดียวกัน แต่พี่ดันบอกว่าไม่ผิด แถมยังบิดพริ้วว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ไปเอาเปรียบคนอื่นได้ แถมยังยกย่องตัวเองว่า ฉลาด,เจ้าเล่ห์ ... ทั้งๆที่พี่ กำลังจะโกงตัวเองเนี่ยนะ
พี่เซลล์ : (อึ้ง....ไปซักพัก)
ผม : เืลือกซักทางสิพี่ ทุ่มไปซักทางให้เต็ม100 ถ้าพี่ยังทำงานให้เถ้าแก่ ไหนพี่จะต้องดูแลงานขายของเถ้าแก่ และแถมยังต้องมาพะวงกับงานขายสินค้าส่วนตัวอีก มันไม่เต็มร้อยซักทางเลยเห็นไหม ... เอาซักทาง
พี่เซลล์ : (อึ้ง ไปซักพักอีก ... ผมก็เงียบ ปล่อยเวลาให้เขาได้คิด.................)
ผม : .....................
พี่เซลล์ : เอ่อ... พี่ก็อยากทำอย่างที่เอ็งว่านะ ... แต่มันยังไม่พร้อมว่ะ
ผม : พี่ ฟัง ผม นะ ... ไม่พร้อม ก็อย่าเพิ่งทำ ผมเน้นอีกทีนะพี่ ... พี่กำลังจะก้าวข้าม จากลูกจ้างไปเป็นเจ้าของ ฉะนั้น พี่ควรคิดอย่างเจ้าของหรือคิดอย่างลูกจ้าง .... ลองปรับทัศนะคติใหม่นะพี่ ลูกจ้างที่ไม่ดีจะคอยคิดหาวิธีเอาเปรียบนายจ้าง แต่พี่อ่ะ บ้าเป็นสองเท่า เพราะพี่เป็นเจ้าของ ที่คิดจะเอาเปรียบ,โกงเวลาทำงานของบริษัทตัวเอง
พี่เห็นผมไหม ก่อนหน้านี้ครอบครัวผมเจอวิกฤติ จากที่ทำงานฟรีแลนซ์ อยู่กับบ้าน ผมก็ออกไปทำงานประจำอยู่ช่วงนึง
แล้วผมก็ลาออก เพื่อมาเปิดบริษัท ผมทำของตัวเองเต็มร้อย ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรและก็ไม่ได้มีเงินทุนพร้อมอะไรมากมายเหมือนกัน ..พี่ก็เห็นอยู่
ไอ้เรื่องประสบความสำเร็จน่ะ มันอีกเรื่องนึง ... ผมทุ่มเทของ ของผมเต็มร้อย แต่ถ้ามันยังไม่รุ่ง มันก็สุดปัญญา แต่อย่างน้อยผมก็ลงมือทำของตัวเองด้วยมือตัวเอง เต็มร้อย เต็มที่แล้ว ผมไม่เคยเอาเปรียบตัวเอง ...
แล้วพี่ล่ะ ....
พี่เซลล์ : อึ้ง .... แต่พี่เองก็ไม่ค่อยมีเงินนี่นา จะให้ลงทุนอะไรล่ะ
ผม : อ้าว ก็นี่ไง ... นายทุนเขามีเงิน พี่ก็ไปพรีเซ้นต์สิ ว่า พี่มีอะไรดี มีฐานลูกค้ายังไง?เท่าไหร่?แบบไหน? เครดิตดีไหม?อย่างไร?ถ้ามีปัญหาจะทำอย่างไร? ที่สำคัญ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเท่าไหร่ อย่างไร อะไรบ้าง ?? และจะแบ่งสรรปันส่วนอย่างไรให้ยุติธรรม ... นี่พี่ยังไม่ได้ไปคุย ยังไม่ได้เจรจา ยังไม่ได้ทำการบ้าน,ยังไม่ได้ทำแผนธุรกิจไปเสนอเขา พี่ก็คิดจะเอาเปรียบเขาแล้ว อ่ะ
พี่เซลล์ : โอเค... พี่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวพี่จะลองทำแผนธุรกิจ ไปเสนอนายทุนเขาดู
ผม : ก็แค่นั้นแหล่ะพี่....
หวังว่า เขาคงเข้าใจ ในสิ่งที่ผมต้องการสื่อสารนะ
เรื่องเล่า ... คุณพี่เซลล์วิ่งร้าน คิดจะเปิดบริษัทตนเอง และจะเอาเปรียบนายจ้างเก่า
http://ppantip.com/topic/30915775
วันนี้ มีอีกเรื่องนึง นำมาเล่าสู่กันฟัง(อ่าน)
เท้าความเก่า เรื่องราวมีอยู่ว่า
ผมรู้จักกับพี่เซลล์วิ่งขายของตามร้านค้าคนนึง (สินค้าพวก ฮาร์ดแวร์ เครื่องมือต่างๆ) มีประสบการณ์มานานหลายปี ฐานลูกค้าเยอะ
และผมก็เพิ่งได้รู้จัก กับนายทุนเงินหนาคนนึง ที่กำลังจะหาช่องทางลงทุนธุรกิจทางด้านอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงของการลงทุน
และเมื่อผมเอามาเล่าให้พี่เซลล์ฟัง เขาก็สนใจเป็นอย่างมาก อยากจะนำเข้าสินค้าจากจีน แล้ววิ่งขายเอง (เขาหุ้นแรง ..นายทุนหุ้นเงิน)
ผ่านไป2วัน ...........................ความคิด..สติสตางค์ ของพี่เขา ก็เริ่มฟุ้งล่ะครับ ............
นี่คือบทสนทนา อาจจะไม่ได้ตรงตามคำพูดเป๊ะๆ แต่ใจความเดียวกันครับ
พี่เซลล์ : เฮ้..นาย ว่าไง เมื่อไหร่จะพาเราไปรู้จักนายทุนซักทีล่ะ
ผม : ได้สิ...แล้วพี่พร้อมเมื่อไหร่ล่ะ เตรียมไปพรีเซ้นต์ให้ดีละ่กัน
พี่เซลล์ : เออๆๆ ขอเวลาเตรียมตัวอีกนิดนึง
ผม : โอเค . แล้วเบื้องต้น พี่วางแผนไว้อย่างไงบ้างล่ะ
พี่เซลล์ : พี่ก็ว่า ช่วงแรกๆคงจะวิ่งกับเถ้าแก่เดิมไปด้วย และก็วิ่งของตัวเองไปด้วย
ผม : (ผม งงนิดหน่อย) อืม์..... ยังไงเหรอ??
พี่เซลล์ : ก็คือ จะทำงานที่เดิมน่ะแหล่ะ ใช้ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง และเงินเดือนที่เดิมไปด้วย และก็แทรกสินค้าของตัวเองไปด้วย
ผม : เอ... พี่ ..สินค้าก็เหมือนกัน แล้วเอาไปขายด้วยกัน ทั้งของเจ้านายทั้งของตัวเอง แล้วมันจะเหมาะเหรอพี่
พี่เซลล์ : ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ถึงสินค้ามันจะแบบเดียวกัน แต่มันก็คนละเกรด เพราะของเถ้าแก่เขานำเข้าจากเยอรมัน ส่วนของเราก็มาจากจีน
ผม : อืมๆๆ แล้วไงต่อ
พี่เซลล์ : ก็เท่ากับว่า ช่วงแรกๆซัก 3-4เดือนแรก พี่ก็จะวิ่งแบบนี้ เพราะมันจะได้เบิกค่าน้ำมัน ค่าเดินทางได้น่ะสิ จะได้ประหยัดในช่วงแรกๆ
ผม : พี่กำลังจะบอกผมว่า พี่จะโกงบริษัทเถ้าแก่ของพี่ ว่างั้น..
พี่เซลล์ : .... แหม๋...(ทำหน้าเขินๆ) ก็เรากำลังจะทำธุรกิจนี่ มันก็ต้องเจ้าเล่ห์กันหน่อยสิ และอีกอย่าง ก็ไม่ได้โกงอะไรนี่ ก็ยังขายของให้เถ้าแก่เหมือนเดิม
ผม : เหมือนเดิมตรงไหนพี่ ?? ... จากเดิมพี่เขายของให้เถ้าแก่เขาเต็มๆ100% แล้วพี่ก็รับเงินเดือน ....แต่นี่พี่กำลังจะทำงานให้เขาไม่เต็มร้อย แล้วก็จะรับเงินเดือนเท่าเดิม
พี่เซลล์ : เขาก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหล่ะ
ผม : แล้วพี่จะบอกเรื่องนี้กับนายทุนไหม ??
พี่เซลล์ : อูย... บอกไม่ได้หรอก เรื่องแบบเนี๊ยะ
ผม : หมายความว่า พี่ก็จะโกงนายทุนอีกเหมือนกัน ใช่มะ
พี่เซลล์ : จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้นะ พี่ไม่ได้โกงซะหน่อย เผลอๆ ต่อให้นายทุนรู้ว่าพี่จะทำอย่างนี้ บางทีเขาอาจจะชอบก็ได้ เพราะทำให้ประหยัดค่าน้ำมัน ค่าอื่นๆได้ด้วย
ผม : พี่.........พับโครงการไปก่อนเถอะ ผมไม่พาพี่ไปแนะนำให้รู้จักนายทุนแล้วล่ะ
พี่เซลล์ : อ้าว ... ทำไมล่ะ
ผม : ที่พี่จะเอาเปรียบ จะโกงเนี่ย พี่ไม่ได้โกงแค่เถ้าแก้ และนายทุน เท่านั้น แต่พี่กำลังจะโกงตัวเองด้วย
พี่เซลล์ : ยังไงล่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย คนอื่นๆเขาก็ทำ และอีกอย่าง นี่มันคือธุรกิจ มันต้องมีเล่ห์เหลียม ...บลาๆๆๆๆๆ (วกวน หาข้ออ้างให้ตัวเอง)
ผม : ยู๊ด...หยุดๆๆๆ หยุดก่อน... แล้วฟังผม
ผมถามหน่อย ถ้าพี่เป็นเจ้าของบริษัท แล้วพี่รู้ว่า เซลล์คนนึง ทำแบบนี้ ทำแบบที่พี่กำลังจะทำเนี่ย พี่จะเลี้ยงไว้ไหม ??
พี่เซลล์ : ก็คงไม่อ่ะ ..
ผม : เพราะ ..???
พี่เซลล์ : มันโกงเวลาทำงานของพี่น่ะสิ
ผม : แต่ว่า พี่กำลังจะทำซะเอง ??
พี่เซลล์ : ก็แหม๋.... แค่ช่วงแรกๆน่ะ
ผม : แล้วพี่รู้ไหม ว่าพี่กำลังโกงตัวเอง
พี่เซลล์ : ???
ผม : ในเมื่อกี้ พี่บอกว่า ถ้าคนอื่นมาโกงเวลาทำงาน พี่จะไล่มันออก จะไม่เลี้ยงไว้ ใช่มะ .. แต่เนี่ย เป็นกิจการของตัวพี่เอง แต่พี่ดันทำซะเอง ?? แล้วพี่คิดว่า สมควรจะไล่ตัวเองออกจากบริษัทไหม ??
(เอาล่ะ ผมสวดยาวเลยทีนี้..)
พี่จะโกงใครผมไม่สนหรอก พี่จะโกงเถ้าแก่ของพี่ เรื่องของพี่ ตามสบาย ... แต่พี่กำลังจะโกงบริษัทตัวเอง ด้วยการไม่ทำงานเต็ม100ให้บริษัทตัวเอง ..ถ้านั่นเป็นบริษัทของพี่เองผมก็คงไม่ว่าอะไร แต่นี่...พี่กำลังจะหุ้นลม(ลงแรง)กับนายทุนที่ผมรู้จัก แล้วถ้าพี่ทำอย่างนั้นแล้วเขารู้ขึ้นมา ไม่ใช่แต่พี่ที่เสีย ผมเองในฐานะเป็นคนพาไปแนะนำ ผมก็เสียด้วยเช่นเดียวกัน
และอีกอย่างนึงนะ
วิธีที่พี่คิดเนี่ย มันเป็นการเอาเปรียบนายจ้าง นั่นหมายความว่า พี่กำลังคิดแบบลูกจ้างที่จะเอาเปรียบนายจ้าง ... พี่คิดอย่างลูกจ้าง
แต่ในขณะเดียวกัน พี่กำลังจะข้ามพ้น จากลูกจ้าง มาเป็นเจ้าของกิจการ แต่พี่ ก็ยังติดวังวนวิธีคิดเดิมๆแบบลูกจ้างอยู่ ..แถมยังเป็นการคิดจะเอาเปรียบตัวเองด้วยอีกซะตั้งหาก
(พี่เซลล์ ยังทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ)............
อ่ะ ผมจะยกตัวอย่างให้
สมมุติว่า โลกนี้มีกฏหมายว่า ใครขุดดินมีความผิดทางกฏหมาย (ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้ามาซะด้วย ไม่รู้ว่ายกตัวอย่างมั่วเหรอเปล่า เหอๆ)
1. พี่เดินไปในที่ดินของคนอื่น แล้วพี่ขุดดิน อันนี้พี่ผิดเต็มๆ เจ้าของที่ดินก็จะไล่พี่ออกไปจากที่ดินของเขา เผลอๆเรียกตำรวจมาจับอีก
2. แต่เมื่อพี่กลับไปที่ดินของตนเอง แล้วพี่ก็ขุดดิน ..พี่กลับบอกว่า พี่ไม่ผิด ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันผิด
ก็เหมือนกับ พี่ไปโกงเวลาทำงานของคนอื่น ไปโกง,แอบแฝงค่าน้ำมันรถของคนอื่น พี่ก็รู้ว่ามันผิด
แต่ ในขณะเดียวกัน พี่ก็โกงเวลาทำงานของบริษัทตนเอง เช่นเดียวกัน แต่พี่ดันบอกว่าไม่ผิด แถมยังบิดพริ้วว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ไปเอาเปรียบคนอื่นได้ แถมยังยกย่องตัวเองว่า ฉลาด,เจ้าเล่ห์ ... ทั้งๆที่พี่ กำลังจะโกงตัวเองเนี่ยนะ
พี่เซลล์ : (อึ้ง....ไปซักพัก)
ผม : เืลือกซักทางสิพี่ ทุ่มไปซักทางให้เต็ม100 ถ้าพี่ยังทำงานให้เถ้าแก่ ไหนพี่จะต้องดูแลงานขายของเถ้าแก่ และแถมยังต้องมาพะวงกับงานขายสินค้าส่วนตัวอีก มันไม่เต็มร้อยซักทางเลยเห็นไหม ... เอาซักทาง
พี่เซลล์ : (อึ้ง ไปซักพักอีก ... ผมก็เงียบ ปล่อยเวลาให้เขาได้คิด.................)
ผม : .....................
พี่เซลล์ : เอ่อ... พี่ก็อยากทำอย่างที่เอ็งว่านะ ... แต่มันยังไม่พร้อมว่ะ
ผม : พี่ ฟัง ผม นะ ... ไม่พร้อม ก็อย่าเพิ่งทำ ผมเน้นอีกทีนะพี่ ... พี่กำลังจะก้าวข้าม จากลูกจ้างไปเป็นเจ้าของ ฉะนั้น พี่ควรคิดอย่างเจ้าของหรือคิดอย่างลูกจ้าง .... ลองปรับทัศนะคติใหม่นะพี่ ลูกจ้างที่ไม่ดีจะคอยคิดหาวิธีเอาเปรียบนายจ้าง แต่พี่อ่ะ บ้าเป็นสองเท่า เพราะพี่เป็นเจ้าของ ที่คิดจะเอาเปรียบ,โกงเวลาทำงานของบริษัทตัวเอง
พี่เห็นผมไหม ก่อนหน้านี้ครอบครัวผมเจอวิกฤติ จากที่ทำงานฟรีแลนซ์ อยู่กับบ้าน ผมก็ออกไปทำงานประจำอยู่ช่วงนึง
แล้วผมก็ลาออก เพื่อมาเปิดบริษัท ผมทำของตัวเองเต็มร้อย ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรและก็ไม่ได้มีเงินทุนพร้อมอะไรมากมายเหมือนกัน ..พี่ก็เห็นอยู่
ไอ้เรื่องประสบความสำเร็จน่ะ มันอีกเรื่องนึง ... ผมทุ่มเทของ ของผมเต็มร้อย แต่ถ้ามันยังไม่รุ่ง มันก็สุดปัญญา แต่อย่างน้อยผมก็ลงมือทำของตัวเองด้วยมือตัวเอง เต็มร้อย เต็มที่แล้ว ผมไม่เคยเอาเปรียบตัวเอง ...
แล้วพี่ล่ะ ....
พี่เซลล์ : อึ้ง .... แต่พี่เองก็ไม่ค่อยมีเงินนี่นา จะให้ลงทุนอะไรล่ะ
ผม : อ้าว ก็นี่ไง ... นายทุนเขามีเงิน พี่ก็ไปพรีเซ้นต์สิ ว่า พี่มีอะไรดี มีฐานลูกค้ายังไง?เท่าไหร่?แบบไหน? เครดิตดีไหม?อย่างไร?ถ้ามีปัญหาจะทำอย่างไร? ที่สำคัญ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเท่าไหร่ อย่างไร อะไรบ้าง ?? และจะแบ่งสรรปันส่วนอย่างไรให้ยุติธรรม ... นี่พี่ยังไม่ได้ไปคุย ยังไม่ได้เจรจา ยังไม่ได้ทำการบ้าน,ยังไม่ได้ทำแผนธุรกิจไปเสนอเขา พี่ก็คิดจะเอาเปรียบเขาแล้ว อ่ะ
พี่เซลล์ : โอเค... พี่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวพี่จะลองทำแผนธุรกิจ ไปเสนอนายทุนเขาดู
ผม : ก็แค่นั้นแหล่ะพี่....
หวังว่า เขาคงเข้าใจ ในสิ่งที่ผมต้องการสื่อสารนะ