3 นโยบายที่น่าจะดีกว่า "ภาษีคนโสด"

ภาษีคนโสด
#นายอุ๊ย!!

สำหรับประเด็นที่กำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นกรณี

“ภาษีคนโสด”

เรื่องมีอยู่ว่ามีการเสวนาเกี่ยวกับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย นักวิชาการเห็นว่าปัจจุบันประชากรในวัยเด็กลดลง ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงเกรงว่าจะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสวัสดิการในอนาคต จึงเสนอให้เรียกเก็บ “ภาษีคนโสด” เพื่อกระตุ้นให้คนมีครอบครัว

ทำให้บรรดาคนโสดออกมาตัดพ้อ/โวยวายกันใหญ่ เป็นที่ฮือฮากันในโลก social media

ผม นายอุ๊ย!! ในนามประธานสมาคมคนโสดแห่งประเทศไทยและประชาคมอาเซียน ต้องออกมาเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง

พร้อมนะ สาม สี่

เอ้า ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ

อิบ้า ไม่ใช่เคลื่อนไหวประกอบจังหวะอย่างนั้น

ผมคิดว่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ เรื่องโครงสร้างประชากรหรือประเด็นการขาดแคลนแรงงาน ผมเข้าใจได้นะ

แต่ในเชิงมนุษยธรรมนี่สิ มันไม่ใช่

คือเมิงเข้าใจอารมณ์คนโสดมั้ย

ตั้งแต่ถูกแฟนบอกเลิกครั้งนั้น หัวใจก็ยังไม่ค่อยหายดี แล้วไหนจะจีบหญิงไม่ติดอีก กินแห้วอีก บอกว่าคิดกับเราแค่พี่ชาย เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว บลา ๆ ๆ

ชีวิตกรูผ่านมรสุมมามาก เปรียบเหมือนเรือน้อยที่ถูกพายุซัดจนโซเซ

แล้วเมิงยังจะเก็บภาษีกรูอีกเนี่ยนะ!!

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริง ๆ

ผมว่ารัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน

ที่พวกกรูเป็นโสดกระโดดโลดแล่นบนคานทองอยู่เนี่ย ไม่ใช่เพราะเรื่องภาษงภาษีห่าเหวอะไรหรอก

คือกรูหาไม่ได้!!

ผมขออนุญาตนำเสนอ 2 นโยบายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ดังนี้


1. จัดงานมหกรรม Single Expo 2013

single ในที่นี้ไม่ใช่ว่าให้ทุกคนมาออก single ร้องเพลงอะไรอย่างนี้นะ

แต่ผมหมายถึงอยากให้จัดมหกรรมคนโสดขึ้น แบบให้คนโสดได้มาพบปะสังสรรค์กัน

จะจัดที่ อิมแพ็ค อารีน่า ก็ได้หรือจะจัดควบคู่กับงาน OTOP ก็เท่ดีนะครับ แบบหลังจากหนุ่มโสดสาวโสดได้ผ่านการ matching กันแล้ว ก็มอบบัตรกำนัล “น้ำพริกแม่บุญมา ตลาดน้ำดอนหวาย มูลค่า 200 บาท” ให้ไปดินเนอร์กันที่บ้าน

จับคู่ demand supply แก้ปัญหาคนโสดได้ชัวร์กว่าเก็บภาษีแน่นอนครับ


2. โครงการ ผัวคนแรก/เมียคนแรก

ผมเชื่อว่ารัฐบาลสามารถเข้ามาแทรกแซงได้หลายวิธีนะครับ ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดเพดานค่าสินสอด รัฐบาลมอบเงินสนับสนุนเพิ่มอีก 1 เท่า จากรายได้จากซองของแขกที่มาร่วมงานแต่งงาน มีเงิน subsidy ค่าโรงแรมและฮันนีมูนที่คลองอัมพวา

หรือ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกระเป๋า รองเท้า และเครื่องสำอางของภรรยานำไปยกเว้นภาษีได้ 3 เท่า อะไรอย่างนี้

ผมว่าถ้าวางแผนดี ๆ โครงการ ผัวคนแรก/เมียคนแรก นี่ก็ไม่เลวนะ


ผมว่าแค่ 2 นโยบายนี้แหละ เอาอยู่แน่ ๆ ไม่ต้องมีเก็บภาษงภาษีหรอก สงสารกรูบ้าง แค่ค่าทางด่วนก็แทบจะไม่มีเงินจ่ายอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรต้องตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมา เช่น การรับจ้างจดทะเบียนสมรส สามีกำมะลอ สะใภ้ไร้ศักดินา เกมร้ายเกมรัก กลรักลวงใจ ฯลฯ

แหม่ ชีวิตจริงเริ่มจะเหมือนในละครละ

ทุกวันนี้รักแท้ก็หายากแล้ว ยังจะต้องมาระมัดระวังอีกว่า “นี่เขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับเราหรือแค่อยากลดหย่อนภาษีนะ” อีกเหรอเนี่ย

ชีวิตคนโสดอยู่ยากขึ้นทุกวัน เฮ้อ

อ้อ ผมขอเสนออีกนโยบายนะครับ

“นโยบายกำจัดทุจริตคอรัปชั่น”

จัดการกับนักการเมืองโกงกิน เลือกคนดีมีความสามารถมาบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เอาเงินที่พวกเมิงทุจริตคอรัปชั่นไปลงทุนในโครงการที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า สร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ

ผมเชื่อว่าถ้าทำได้อย่างนี้นะครับ ถึงมีผู้สูงอายุหรือคนโสดครึ่งค่อนประเทศ ก็สามารถจัดสวัสดิการดี ๆ ได้สบาย ๆ เลยครับ

ป.ล. 1 ผมทราบว่ามันเป็นแค่แนวคิดของนักวิชาการที่เสนอขึ้นมาเฉย ๆ นะครับ ผมเขียนขึ้นมาขำ ๆ ครับ

ป.ล. 2 ผมทราบว่านโยบายที่ผมเสนอมันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมเขียนขึ้นมาขำ ๆ ครับ

ป.ล. 3 ผมเขียนขึ้นมาขำ ๆ ครับ

Credit: นายอุ๊ย!!

*** ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่เพจ นายอุ๊ย!! นะครับ --> https://www.facebook.com/lovenaioui ***

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่