ก็อย่างที่พูดๆกันมาหลายกระทู้เรื่องการยกเลิกวีซ่าเข้าญี่ปุ่น ผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงหาทางเข้ามาทำงานในญี่ปุ่น ใช้โอกาสที่ทางญี่ปุ่นหยิบยื่นให้นี้ เป็นช่องทางเข้ามาหางานทำในญี่ปุ่น
ตามที่บอกว่า จำนวนเป็นร้อยๆคนแล้ว ในเวลาเพียงสองเดือน กว่า ความจริง จขกท ก็ได้ข้อมูลมาจากหลายที่ แต่เดี๋ยวจะมีผู้อยากได้หลักฐานในการสนทนาเรื่องนี้ วันนี้ขอนำหลักฐานที่ออกจากสถานทูตไทยในญี่ปุ่น
เพื่อมายืนยันว่า เป็นเรื่องจริง ที่มีคนไทยเดินทางเข้ามาด้วยอาศัยวีซ่านักท่องเที่ยว ให้อยู่ได้ 15 วัน หลังจากนั้นก็ไม่ยอมกลับออกไปตามกำหนดที่ทางการให้ไว้
ดังเอกสารที่แนบมานี้
การยกเว้นวีซ่ากับปัญหาการลักลอบทำงานในญี่ปุ่นของคนไทย
04 September 2013
Posted in ข่าวกงสุล
นับตั้งแต่ญี่ปุ่นได้ยกเว้นวีซ่าให้คนไทยสามารถท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ก็มีกระแสข่าวเกี่ยวกับแก๊งค์หลอกลวงคนไทยไปลักลอบทำงานในญี่ปุ่นโดยอาศัยช่องว่างจากการได้รับยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่นดังกล่าว ซึ่งนายหน้าจะเรียกเก็บเงินค่าหางานคนละ3 แสนบาทหรือมากกว่านั้น โดยอ้างว่ามีงานกรรมกรให้ทำในต่างจังหวัดของญี่ปุ่น เช่น รับจ้างปลูกผัก กรรมกรก่อสร้าง
ถึงแม้ว่าเรื่องการหลอกลวงไปทำงานที่ญี่ปุ่นจะมีมานานแล้ว และญี่ปุ่นเคยเป็นแหล่งทำงานและค้ามนุษย์ติดอันดับต้นๆ ของคนไทยในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาการหลอกลวงคนไทยไปทำงานที่ญี่ปุ่นก็ยังคงมีอยู่ และอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้นเมื่อไม่ต้องขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่นแล้ว โดยเมื่อผู้หลงเชื่อเดินทางถึงญี่ปุ่นแล้ว จะถูกลอยแพทิ้งไว้ที่สนามบิน พร้อมกับเงินค่านายหน้าที่ต้องเสียไปเป็นหลักหมื่นหลักแสน แต่ก็ไม่มีงานให้ทำอีกด้วย ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตให้ส่งกลับประเทศไทย หรือที่ผ่านมา บางรายสมยอมกับนายหน้าเพื่อไปค้าประเวณีที่ญี่ปุ่น แต่เมื่อเริ่มทำงานแล้วก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ตรงตามที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ ก็มักจะขอความช่วยเหลือจากสถานทูตเพื่อส่งกลับประเทศไทยและหาทางไปค้าประเวณีที่อื่นต่อไป โดยใช้การเป็น "เหยื่อ" หลุดรอดจากการถูกดำเนินคดี
สถานทูตขอแบ่งปันเรื่องราวของคนไทยที่โชคชะตาพลิกผันให้ไปเผชิญเคราะห์กรรมที่ญี่ปุ่น แต่ด้วยความช่วยเหลือของสถานทูต ทำให้คนนั้นเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมกับโอกาสในการเลือกทางเดินชีวิตที่ถูกต้องต่อไป โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2556 นายเอ (นามสมมติ) เดินทางเข้าญี่ปุ่นด้วยวีซ่า 15 วันและด้วยความหวังว่าจะสามารถหางานทำได้ โดยตระเวนหางานทำกับคนไทยในต่างจังหวัดของญี่ปุ่นที่นายเอเคยทำงานด้วยเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว แต่แรงกายแรงเงินที่เสียไปต้องสูญเปล่า ไม่มีใครจ้างงานนายเอทำงาน เพราะนายเอไม่มีวีซ่าทำงานในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นการเสี่ยงที่นายจ้างหากถูกจับกุมต้องเสียค่าปรับแก่ทางการญี่ปุ่นจำนวนมหาศาล อีกทั้งอาจถูกยึดใบอนุญาตประกอบกิจการได้
นายเอไม่ถอดใจ ในเมื่อเสียเงินเสียทองค่าเดินทางไปแล้ว จึงตัดสินใจจะสู้หางานทำในญี่ปุ่นให้ได้ โดยบอกกับตัวเองว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตนเองเคยอยู่อย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่นยังหางานทำได้เลย คนไทยที่ตนเคยรู้จักน่าจะพอจุนเจือช่วยเหลือตนบ้าง แต่นายเอคิดผิด เวลาผ่านไปเกือบ2 อาทิตย์ ใกล้วันที่จะครบกำหนดที่การอนุญาตให้อยู่ในญี่ปุ่นจะสิ้นสุดลง นายเอยังหางานทำไม่ได้ เงินติดตัวร่อยหรอไม่ถึงสามพันเยน ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน ข้าวปลาก็ไม่ตกถึงท้องมา 2 วันแล้ว แถมช่วงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นอากาศก็ร้อนถึงใจ ร้อนกว่าเมืองไทย ต้องเดินกลางแดดเปรี้ยงๆ เพราะต้องประหยัดเงินค่ารถ สุดท้ายร่างกายก็สู้ต่อไปไม่ไหว ถึงแม้ใจจะเต็มร้อย แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น โดยลืมไปว่าการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ตนเองไม่ได้อายุ 20 ปีแล้ว แต่ตอนนี้อายุจะเข้าเลข 5 สังขารสู้ความร้อนไม่ไหว บวกกับความเหนื่อยล้าที่อดหลับอดนอนมาหลายวัน เหมือนจะเป็นลม หน้าซีดเผือด พยายามดั้นด้นหอบสังขารอันอ่อนล้าขึ้นรถไฟเท่าที่ความจำของตนยังจำได้เมื่อครั้งที่เดินทางไปสถานทูตที่เขตเมกุโระเมื่อหลายสิบปีก่อน เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากสถานทูตให้ช่วยหางานให้ทำ เพราะตนเองเป็นคนไทย สถานทูตไทยต้องช่วยสิ!
เมื่อมาถึงสถานทูต เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลรีบเข้ามาสอบถามนายเอเพราะเห็นสีหน้าและแววตาแล้ว คิดว่านายเอวิ่งหนีใครมา เมื่อให้นั่งพักและดื่มน้ำเย็นแล้ว จึงสอบถามนายเอและได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด นายเอยังคงยืนกรานกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป จะหางานทำให้ได้ เจ้าหน้าที่พยายามอธิบายข้อเท็จจริงให้นายเอว่า นายเอไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในญี่ปุ่น เพราะไม่มีวีซ่าทำงาน และขอให้นายเอคิดทบทวนให้ดีๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากยังอยู่ในญี่ปุ่นต่อไปแบบผิดกฎหมายเช่นนี้ก็ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่านายเอจะหางานทำหรือจะมีใครจ้างนายเอได้ เงินที่ติดตัวมาก็เหลือน้อยเต็มที และขอให้นายเอคิดเยอะๆ โดยให้คิดเผื่ออนาคตด้วยว่านายเอจะทำอย่างไรเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายไม่แข็งแรง ประกันสังคมหรือประกันสุขภาพก็ไม่มี หากเจ็บป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร ค่ารักษาพยาบาลที่ญี่ปุ่นก็แพงลิบลิ่ว นายเอจะมีเงินมาจ่ายค่ายาค่าหมอได้ไหม ที่สำคัญ เมื่อคนเราจนตรอก หมดหนทาง มักเข้าสู่วังวนของความชั่วร้ายได้ง่าย ใครจะไปรู้ว่าหากวันนี้นายเอยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไปแบบนี้ จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มอันธพาลหรือแม้กระทั่งยากูซ่าที่มีอิทธิพล เพียงแค่ต้องการยืมเงินมาประทังชีวิตตอนนี้ จะมีใครให้นายเอยืม และเป็นไปได้ยากที่การยืมเงินนอกระบบจะไม่เกี่ยวพันกับเจ้าหนี้หน้าเลือด เรียกเก็บดอกเบี้ยสูงจนผ่อนจ่ายทั้งชีวิตก็ไม่หมด
หากนายเอเดินทางกลับประเทศไทย นายเอยังสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านเกิดเมืองนอน ไม่มีข้าวกินยังไปขอข้าวที่วัดกินประทังชีวิตได้ แต่ที่ญี่ปุ่น คุณไม่มีข้าวกิน ไปขอวัดหรือศาลเจ้าญี่ปุ่นไม่ได้ ดีไม่ดีถูกเรียกตำรวจมาจับไปด้วย
เมื่อคิดทบทวนตามที่เจ้าหน้าที่สถานทูตหว่านล้อม โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพของนายเอเป็นสำคัญ ท้ายสุด นายเอตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเงินช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ของสถานทูต โดยสถานทูตจัดข้าวปลาอาหารให้ทาน และมีรถไปส่งนายเอถึงสนามบินขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยจากกรณีของนายเอ คาดว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่หวังจะไปขุดทองที่ญี่ปุ่นโดยอาศัยช่องว่างจากการที่ญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่า เพียงแต่คิดฝันถึงเงินก้อนโตที่ (อาจ) รอคอยอยู่ข้างหน้าแต่ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย และความเสี่ยงที่อาจต้องไปข้องเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น รวมทั้งไม่คิดถึงอนาคตว่าหากเจ็บป่วยจะทำอย่างไร และไม่ตระหนักว่าสังคมญี่ปุ่นไม่ได้เป็นสังคมที่เปิดต่อคนต่างชาติเท่าใดนัก อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ได้ตลอดเวลา ดังเช่นที่เราได้เห็นมาแล้ว เมื่อตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2554
สถานทูตมีความเป็นห่วงในสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของคนไทยในญี่ปุ่นทุกคนแต่หากว่าคนไทยบางกลุ่มถือโอกาสใช้ช่องว่างในความปรารถนาดีของญี่ปุ่น หนีวีซ่าเพื่อทำงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลญี่ปุ่นอาจยกเลิกมาตรการยกเว้นวีซ่าแก่คนไทยและกลับมาใช้ระเบียบเดิมที่คนไทยทุกคนต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่นแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น คนไทยที่ต้องการไปติดต่อธุรกิจหรือเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องและด้วยความบริสุทธิ์ใจก็จะไม่ง่ายสะดวกสบายเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพียงเพราะคนกลุ่มหนึ่งฉกฉวยประโยชน์เฉพาะหน้า สร้างความเสียหายโดยรวมแก่คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งไม่เพียงเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ญี่ปุ่นมีต่อประเทศไทยและคนไทยแล้ว ยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาคนญี่ปุ่นอีกด้วย
แผนกคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในญี่ปุ่น
ฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
วันที่ 4 กันยายน 2556
Copyright © 2001 - 2012 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
มีหนังสือออกจากสถานทูตไทยในญี่ปุ่นเรื่องการยกเลิกวีซ่าเข้าญี่ปุ่น ทำให้เกิดช่องทางของผู้หาทางมาญี่ปุ่นเพื่อทำงาน
ตามที่บอกว่า จำนวนเป็นร้อยๆคนแล้ว ในเวลาเพียงสองเดือน กว่า ความจริง จขกท ก็ได้ข้อมูลมาจากหลายที่ แต่เดี๋ยวจะมีผู้อยากได้หลักฐานในการสนทนาเรื่องนี้ วันนี้ขอนำหลักฐานที่ออกจากสถานทูตไทยในญี่ปุ่น
เพื่อมายืนยันว่า เป็นเรื่องจริง ที่มีคนไทยเดินทางเข้ามาด้วยอาศัยวีซ่านักท่องเที่ยว ให้อยู่ได้ 15 วัน หลังจากนั้นก็ไม่ยอมกลับออกไปตามกำหนดที่ทางการให้ไว้
ดังเอกสารที่แนบมานี้
การยกเว้นวีซ่ากับปัญหาการลักลอบทำงานในญี่ปุ่นของคนไทย
04 September 2013
Posted in ข่าวกงสุล
นับตั้งแต่ญี่ปุ่นได้ยกเว้นวีซ่าให้คนไทยสามารถท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ก็มีกระแสข่าวเกี่ยวกับแก๊งค์หลอกลวงคนไทยไปลักลอบทำงานในญี่ปุ่นโดยอาศัยช่องว่างจากการได้รับยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่นดังกล่าว ซึ่งนายหน้าจะเรียกเก็บเงินค่าหางานคนละ3 แสนบาทหรือมากกว่านั้น โดยอ้างว่ามีงานกรรมกรให้ทำในต่างจังหวัดของญี่ปุ่น เช่น รับจ้างปลูกผัก กรรมกรก่อสร้าง
ถึงแม้ว่าเรื่องการหลอกลวงไปทำงานที่ญี่ปุ่นจะมีมานานแล้ว และญี่ปุ่นเคยเป็นแหล่งทำงานและค้ามนุษย์ติดอันดับต้นๆ ของคนไทยในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาการหลอกลวงคนไทยไปทำงานที่ญี่ปุ่นก็ยังคงมีอยู่ และอาจเพิ่มจำนวนมากขึ้นเมื่อไม่ต้องขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่นแล้ว โดยเมื่อผู้หลงเชื่อเดินทางถึงญี่ปุ่นแล้ว จะถูกลอยแพทิ้งไว้ที่สนามบิน พร้อมกับเงินค่านายหน้าที่ต้องเสียไปเป็นหลักหมื่นหลักแสน แต่ก็ไม่มีงานให้ทำอีกด้วย ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตให้ส่งกลับประเทศไทย หรือที่ผ่านมา บางรายสมยอมกับนายหน้าเพื่อไปค้าประเวณีที่ญี่ปุ่น แต่เมื่อเริ่มทำงานแล้วก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ตรงตามที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ ก็มักจะขอความช่วยเหลือจากสถานทูตเพื่อส่งกลับประเทศไทยและหาทางไปค้าประเวณีที่อื่นต่อไป โดยใช้การเป็น "เหยื่อ" หลุดรอดจากการถูกดำเนินคดี
สถานทูตขอแบ่งปันเรื่องราวของคนไทยที่โชคชะตาพลิกผันให้ไปเผชิญเคราะห์กรรมที่ญี่ปุ่น แต่ด้วยความช่วยเหลือของสถานทูต ทำให้คนนั้นเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมกับโอกาสในการเลือกทางเดินชีวิตที่ถูกต้องต่อไป โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2556 นายเอ (นามสมมติ) เดินทางเข้าญี่ปุ่นด้วยวีซ่า 15 วันและด้วยความหวังว่าจะสามารถหางานทำได้ โดยตระเวนหางานทำกับคนไทยในต่างจังหวัดของญี่ปุ่นที่นายเอเคยทำงานด้วยเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว แต่แรงกายแรงเงินที่เสียไปต้องสูญเปล่า ไม่มีใครจ้างงานนายเอทำงาน เพราะนายเอไม่มีวีซ่าทำงานในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นการเสี่ยงที่นายจ้างหากถูกจับกุมต้องเสียค่าปรับแก่ทางการญี่ปุ่นจำนวนมหาศาล อีกทั้งอาจถูกยึดใบอนุญาตประกอบกิจการได้
นายเอไม่ถอดใจ ในเมื่อเสียเงินเสียทองค่าเดินทางไปแล้ว จึงตัดสินใจจะสู้หางานทำในญี่ปุ่นให้ได้ โดยบอกกับตัวเองว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตนเองเคยอยู่อย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่นยังหางานทำได้เลย คนไทยที่ตนเคยรู้จักน่าจะพอจุนเจือช่วยเหลือตนบ้าง แต่นายเอคิดผิด เวลาผ่านไปเกือบ2 อาทิตย์ ใกล้วันที่จะครบกำหนดที่การอนุญาตให้อยู่ในญี่ปุ่นจะสิ้นสุดลง นายเอยังหางานทำไม่ได้ เงินติดตัวร่อยหรอไม่ถึงสามพันเยน ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน ข้าวปลาก็ไม่ตกถึงท้องมา 2 วันแล้ว แถมช่วงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นอากาศก็ร้อนถึงใจ ร้อนกว่าเมืองไทย ต้องเดินกลางแดดเปรี้ยงๆ เพราะต้องประหยัดเงินค่ารถ สุดท้ายร่างกายก็สู้ต่อไปไม่ไหว ถึงแม้ใจจะเต็มร้อย แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น โดยลืมไปว่าการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ตนเองไม่ได้อายุ 20 ปีแล้ว แต่ตอนนี้อายุจะเข้าเลข 5 สังขารสู้ความร้อนไม่ไหว บวกกับความเหนื่อยล้าที่อดหลับอดนอนมาหลายวัน เหมือนจะเป็นลม หน้าซีดเผือด พยายามดั้นด้นหอบสังขารอันอ่อนล้าขึ้นรถไฟเท่าที่ความจำของตนยังจำได้เมื่อครั้งที่เดินทางไปสถานทูตที่เขตเมกุโระเมื่อหลายสิบปีก่อน เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากสถานทูตให้ช่วยหางานให้ทำ เพราะตนเองเป็นคนไทย สถานทูตไทยต้องช่วยสิ!
เมื่อมาถึงสถานทูต เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลรีบเข้ามาสอบถามนายเอเพราะเห็นสีหน้าและแววตาแล้ว คิดว่านายเอวิ่งหนีใครมา เมื่อให้นั่งพักและดื่มน้ำเย็นแล้ว จึงสอบถามนายเอและได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด นายเอยังคงยืนกรานกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป จะหางานทำให้ได้ เจ้าหน้าที่พยายามอธิบายข้อเท็จจริงให้นายเอว่า นายเอไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในญี่ปุ่น เพราะไม่มีวีซ่าทำงาน และขอให้นายเอคิดทบทวนให้ดีๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากยังอยู่ในญี่ปุ่นต่อไปแบบผิดกฎหมายเช่นนี้ก็ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่านายเอจะหางานทำหรือจะมีใครจ้างนายเอได้ เงินที่ติดตัวมาก็เหลือน้อยเต็มที และขอให้นายเอคิดเยอะๆ โดยให้คิดเผื่ออนาคตด้วยว่านายเอจะทำอย่างไรเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายไม่แข็งแรง ประกันสังคมหรือประกันสุขภาพก็ไม่มี หากเจ็บป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร ค่ารักษาพยาบาลที่ญี่ปุ่นก็แพงลิบลิ่ว นายเอจะมีเงินมาจ่ายค่ายาค่าหมอได้ไหม ที่สำคัญ เมื่อคนเราจนตรอก หมดหนทาง มักเข้าสู่วังวนของความชั่วร้ายได้ง่าย ใครจะไปรู้ว่าหากวันนี้นายเอยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไปแบบนี้ จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มอันธพาลหรือแม้กระทั่งยากูซ่าที่มีอิทธิพล เพียงแค่ต้องการยืมเงินมาประทังชีวิตตอนนี้ จะมีใครให้นายเอยืม และเป็นไปได้ยากที่การยืมเงินนอกระบบจะไม่เกี่ยวพันกับเจ้าหนี้หน้าเลือด เรียกเก็บดอกเบี้ยสูงจนผ่อนจ่ายทั้งชีวิตก็ไม่หมด
หากนายเอเดินทางกลับประเทศไทย นายเอยังสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านเกิดเมืองนอน ไม่มีข้าวกินยังไปขอข้าวที่วัดกินประทังชีวิตได้ แต่ที่ญี่ปุ่น คุณไม่มีข้าวกิน ไปขอวัดหรือศาลเจ้าญี่ปุ่นไม่ได้ ดีไม่ดีถูกเรียกตำรวจมาจับไปด้วย
เมื่อคิดทบทวนตามที่เจ้าหน้าที่สถานทูตหว่านล้อม โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพของนายเอเป็นสำคัญ ท้ายสุด นายเอตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเงินช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ของสถานทูต โดยสถานทูตจัดข้าวปลาอาหารให้ทาน และมีรถไปส่งนายเอถึงสนามบินขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยจากกรณีของนายเอ คาดว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่หวังจะไปขุดทองที่ญี่ปุ่นโดยอาศัยช่องว่างจากการที่ญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่า เพียงแต่คิดฝันถึงเงินก้อนโตที่ (อาจ) รอคอยอยู่ข้างหน้าแต่ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย และความเสี่ยงที่อาจต้องไปข้องเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น รวมทั้งไม่คิดถึงอนาคตว่าหากเจ็บป่วยจะทำอย่างไร และไม่ตระหนักว่าสังคมญี่ปุ่นไม่ได้เป็นสังคมที่เปิดต่อคนต่างชาติเท่าใดนัก อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ได้ตลอดเวลา ดังเช่นที่เราได้เห็นมาแล้ว เมื่อตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2554
สถานทูตมีความเป็นห่วงในสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของคนไทยในญี่ปุ่นทุกคนแต่หากว่าคนไทยบางกลุ่มถือโอกาสใช้ช่องว่างในความปรารถนาดีของญี่ปุ่น หนีวีซ่าเพื่อทำงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลญี่ปุ่นอาจยกเลิกมาตรการยกเว้นวีซ่าแก่คนไทยและกลับมาใช้ระเบียบเดิมที่คนไทยทุกคนต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่นแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น คนไทยที่ต้องการไปติดต่อธุรกิจหรือเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องและด้วยความบริสุทธิ์ใจก็จะไม่ง่ายสะดวกสบายเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพียงเพราะคนกลุ่มหนึ่งฉกฉวยประโยชน์เฉพาะหน้า สร้างความเสียหายโดยรวมแก่คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งไม่เพียงเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ญี่ปุ่นมีต่อประเทศไทยและคนไทยแล้ว ยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาคนญี่ปุ่นอีกด้วย
แผนกคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในญี่ปุ่น
ฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
วันที่ 4 กันยายน 2556
Copyright © 2001 - 2012 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว