หลังจากตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเกี่ยวกับกรณีการล้มละลายของ Kodak อดีตบริษัทผู้บุกเบิกวงการถ่ายภาพ เมื่อเดือนมกราคม 2012 และข่าวต่างๆ ก็ดูจะเงียบหายไปด้วยนั้น ล่าสุดวันนี้ มีความคืบหน้าเพิ่มเติมแล้ว เมื่อขั้นตอนสุดท้ายของการคุ้มครองการล้มละลายตามกกฏหมายบทที่ 11 ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ยื่นเรื่องต่อศาลฯ เมื่อเดือนมีนาคมนั้นได้เสร็จสิ้นแล้ว โดย Antonio M. Perez ประธานและซีอีโอเปิดเผยว่า Kodak จะทำการผันตัวเองเป็นบริษัทที่จับตลาดเทคโนโลยีพรินต์ติ้งสำหรับองค์กร ซึ่งรวมถึงเรื่องของการแพ็คเกจจิ้ง, ระบบการทำงานการพิมพ์ และการสื่สารด้านกราฟฟิค รวมถึงบริการด้านมืออาชีพแทน
ขณะที่ในเรื่องของการล้มละลาย Kodak สามารถที่จะเจรจาปิดข้อตกลงได้ที่ 695 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะมีการชำระหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นกู้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับเงินราว 406 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการลงทุนบริษัทใหม่ จากเจ้าหนี้ไม่มีหลักประกัน
ทั้งนี้ Kodak ได้พ้นจากสภาวะล้มละลายตามคำสั่งอนุมัติของศาลฯ ตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน หลังจากที่ยื่นเอกสารการล้มละลายไปเมื่อเดือนมกราคม 2012 โดยในปีเดียวกันนี้ บริษัทยังได้ทำการปรับลดการว่าจ้างงานและขายกิจการแกลลอรี่รูปภาพออนไลน์ให้กับ Shutterfly ด้วยมูลค่า 23.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ บริษัทยังคาดหวังรายได้จากการเทขายผลงานสิทธิบัตรที่ถือครองอยู่ราว 1,100 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพดิจิตอล เพื่อช่วยรักษาสถานะการเงินของบริษัทไว้ แต่แล้วในท้ายที่สุด Kodak ก็สามารถโกยรายได้จากกองสิทธิบัตรได้เพียง 525 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผู้ซื้อทั้งหมด 12 ราย และหนึ่งในนั้นก็มี Apple และ Google ด้วย
สำหรับความเป็นมาของอดีตตำนานบริษัทภาพถ่าย Kodak ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1880 โดย George Eastman และหลังจากนั้นบริษัท Kodak ก็โลดแล่นในฐานะเจ้าตลาดแห่งการถ่ายภาพอยู่เป็นเวลาหลายปี รวมถึงได้มีการพัฒนากล้องถ่ายภาพพกพาและฟิล์มถ่ายรูป ต่อมาในช่วงกลางปี 1990 ถือได้ว่าเป็นยุคทองของ Kodak เลยทีเดียว เนื่องจากมีมูลค่าในตลาดสูงถึง 31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนจะมาตกต่ำลงถึงขีดสุด อันเนื่องมาจากความล่าช้าในการปรับตัวเข้าสู่ยุคธุรกิจกล้องดิจิตอล และไม่สามารถเรียกคืนได้อีกเลย
ที่มา TechSpot
Kodak ผันตัวเองทำธุรกิจพรินต์ติ้งแทน เพื่อให้รอดพ้นจากสถานะล้มละลาย
ขณะที่ในเรื่องของการล้มละลาย Kodak สามารถที่จะเจรจาปิดข้อตกลงได้ที่ 695 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะมีการชำระหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นกู้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับเงินราว 406 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการลงทุนบริษัทใหม่ จากเจ้าหนี้ไม่มีหลักประกัน
ทั้งนี้ Kodak ได้พ้นจากสภาวะล้มละลายตามคำสั่งอนุมัติของศาลฯ ตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน หลังจากที่ยื่นเอกสารการล้มละลายไปเมื่อเดือนมกราคม 2012 โดยในปีเดียวกันนี้ บริษัทยังได้ทำการปรับลดการว่าจ้างงานและขายกิจการแกลลอรี่รูปภาพออนไลน์ให้กับ Shutterfly ด้วยมูลค่า 23.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ บริษัทยังคาดหวังรายได้จากการเทขายผลงานสิทธิบัตรที่ถือครองอยู่ราว 1,100 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพดิจิตอล เพื่อช่วยรักษาสถานะการเงินของบริษัทไว้ แต่แล้วในท้ายที่สุด Kodak ก็สามารถโกยรายได้จากกองสิทธิบัตรได้เพียง 525 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผู้ซื้อทั้งหมด 12 ราย และหนึ่งในนั้นก็มี Apple และ Google ด้วย
สำหรับความเป็นมาของอดีตตำนานบริษัทภาพถ่าย Kodak ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1880 โดย George Eastman และหลังจากนั้นบริษัท Kodak ก็โลดแล่นในฐานะเจ้าตลาดแห่งการถ่ายภาพอยู่เป็นเวลาหลายปี รวมถึงได้มีการพัฒนากล้องถ่ายภาพพกพาและฟิล์มถ่ายรูป ต่อมาในช่วงกลางปี 1990 ถือได้ว่าเป็นยุคทองของ Kodak เลยทีเดียว เนื่องจากมีมูลค่าในตลาดสูงถึง 31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนจะมาตกต่ำลงถึงขีดสุด อันเนื่องมาจากความล่าช้าในการปรับตัวเข้าสู่ยุคธุรกิจกล้องดิจิตอล และไม่สามารถเรียกคืนได้อีกเลย
ที่มา TechSpot