โกโมเอสต้า อุซเต๊ซ........มาแว้วววเด้อ........
วันนี้ผมมาเร็วหน่อย เพราะเห็นรูปที่ไปแปลงไฟล์มาอีก300รูปแล้ว ดีใจที่ได้สานต่อความรู้สึกจากภาพที่เคยพบผ่านมาในอดีต......อันนี้พูดจากใจจริงครับ แต่ทั้งหมดเหล่านั้น จะว่าเป็นอดีตก็ไม่เชิง มันกึ่งๆกันระหว่างคำนิยามทั้ง2ประเด็น......ทั้งนี้และทั้งนั้น หากมันเป็นอดีต.....ก็หมายความว่า ใครก็ตามที่ได้ไปพบพานสิ่งเหล่านั้นมา-และห่างหายไปจากภาพที่กล่าวสัก10หรือ20ปี......ผมคิดว่ามันคือคำจำกัดความของคำว่า "อดีต"
แต่หากสิ่งที่ผมกล่าวมานั้น.....เรายังไปมาหาสู่กันแบบไม่ขาดตอนมาจนถึงบัดนี้.....(มันก็คาบเกี่ยวกันอยู่ในระหว่างคำว่าอดีตและปัจจุบัน)...คุณว่าคำจำกัดความตรงนี้ควรจะอยู่ในจุดใด........เช่น......อดีตที่ผ่านมา.......หรือควรจะใช้คำว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมา......ช่วยผมนึกหน่อยได้ไหม....ถือว่าระดมความคิดกันนะครับ....
ย้อนกลับมาที่บ้านยายแสงเมืองอีกครั้งหนึ่ง........
วันรุ่งขึ้น.......เราพากันเดินทางไปที่ด่านชายแดนแล้วทำเรื่องไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า...ประมาณว่าเข้าได้ก็ดี-เข้าไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน เนื่องจากที่นั่นคือความก้ำกึ่งระหว่างเพื่อนบ้านลาวและไทย ที่ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะให้เปิดเป็นด่านถาวร(แต่ชาวบ้านทั้ง2ประเทศยังเดินไปมาค้าขายกันแบบปกติ) แค่มีด่านทหารเอาไม้ไผ่มากั้นเอาไว้เฉยๆ.....ส่วนพวกเราดันขี่รถมอเตอร์ไซค์-ซึ่งร้อยวันพันชาติจึงจะมีคนเอารถมอเตอร์ไซค์เข้าไปทำเอกสารข้ามแดน
ผมพกพาสปอร์ตและทำวีซ่าไปด้วย(คือทำการบ้านไปแบบเต็มพิกัดน่ะ)......ทางด่านไทยก็ผ่านไปได้แบบปกติ....แต่เมื่อข้ามไปทางฝั่งลาว.......พี่แกเอาพาสปอร์ตและวีซ่าไปดูแล้วถามผมว่า นี่มันคือเอกสารอะไร แล้วผมจะเข้าไปในลาวทำไมตั้ง30วัน(ในวีซ่าเขาระบุออกมาจากสถานทูต-เป็นธรรมเนียมปฎิบัติของการเข้าเมืองทั่วไปคือ30วัน).....ส่วนคนอื่นที่ไปด้วยกัน ไม่มีพาสปอร์ตเนื่องจากเพื่อนทั้ง3นั่น หลงกับกลุ่มที่จะไปเที่ยวบ่อเกลือ-อย่างที่บอกไปแล้ว)......แล้วขอเกาะกลุ่มจะข้ามลาวกับผมและน้านายห้าง.....
สรุปแล้วเจ้าหน้าที่ด่านฝั่งลาวไม่รู้จักพาสปอร์ตครับ.พี่แกบอก "เจ้ารอท่าแน"......หมายความว่าให้พวกเรารอที่นี่ก่อน.....แกจะไปตามหัวหน้าด่านมาเจรจา....ว่าจะอนุญาติให้เข้าไปในลาวได้หรือไม่......
นายด่านคนนนี้คงถูกลากออกมาจากที่นอ เพราะหัวหูของแกยุ่งไปหมด-หัวบานมาเลย แถมเสื้อผ้าก็คงไม่เคยเจอะเตารีดมาตั้งแต่มันถูกตัดให้มีรูปทรงเป็นกางเกงและเสื้อ......เรียกว่ายับกันมาทั้ง2กรณีเลยก็แล้วกัน
แกเป็นงงแฮะที่เพิ่งเคยเห็นพาสปอร์ต.....แกบอกว่านี่เป็นเอกสารจากสถานทูต.....เราเอามาจากไหน-และจะเข้าไปทำไมในเมืองลาว30วัน.....โอย.......ตรูจะบ้าตาย....ไงมันซกมกงี้ฟระ...ไม่ได้ดูเดือนดูตะวันอะไรกับเขาเลยนะพ่อมหาจำเริญ......ผมก็ต้องอธิบายว่านี่คือเอกสารจากสถานทู๖อนุญาติให้เราเข้าเมืองลาวได้30วัน...เราไม่ได้เขียนเอง เพราะเราเขียนภาษาลาวไม่เป็น-เป็นลายมือของข้าราชการลาวเด้อ.......
พี่แกขอต่อรองให้ผมเข้าลาวได้7วันครับ..มีงี้ด้วย......แกบอกว่าข้อยบ่มีอำนาจ เข้า30มื้อบ่ได้........แต่หาก7มื้อกะพอให้เข้าได้-และห้ามไปเฮ้ดเวียกเด้อ.......(แปลมั่วๆแบบผมก็คือว่า หากจะเข้าไปสัก7วันละก็พอได้-มากกว่านั่นแกไม่มีอำนาจอนุมัติ......และก็ห้ามไปทำงานด้วย.....
กร๊ากกกกก........เวรกรรม เข้าไป7วันจะไปรับจ้างทำไรได้ฟระเนี่ย.....นึกแล้วก็ขำ.....ตกลงพี่แกอนุมัติให้เราเข้าเมืองลาวได้7วันจริงๆครับ.......เสียเงินค่าเหยียบแผ่นดินไปคนละ150บาท(ส่วนรถก็200บาท-ไม่มีประกันภัย)
พวกเราขี่รถตามกันไป-ผมเองนั้นว่าจะเดินทางไปท่าซ่วง......(ท่าซ่วงคือสถานีลงเรือจากลาว-ล่องไปตามลำน้ำโขงแล้วเข้าลำน้ำคาม.....เข้าหลวงพะบางในที่สุด).....ไปถึงเมืองหงสา.....เจอะอีก1ด่าน......คราวนี้ห้ามข้ามด่านทุกกรณี......เขาบอกว่าทางการห้ามบ่ให้คนต่างประเทศเลยจากจุดนี้ไป..........จบกัน
สรุปแล้ว เราก็ขี่รถผ่านด่านไปได้ประมาณ50กม....แล้วก็กลับมานอนค้างบ้านแม่ยายแสงเมืองอีก1คืน........
รูปนี้คือด่านน้ำเงินที่เราปวดหัวกับการอนุญาติให้เข้าเมืองได้7วัน.........ทำไปทำมา-ไปถึงเมืองหงสาก็ผ่านด่านไปไม่ได้อยู่ดี
อยากให้กระทู้มีสาระ(ไปเที่ยวเมือง12ปันนากันเด้อ)
วันนี้ผมมาเร็วหน่อย เพราะเห็นรูปที่ไปแปลงไฟล์มาอีก300รูปแล้ว ดีใจที่ได้สานต่อความรู้สึกจากภาพที่เคยพบผ่านมาในอดีต......อันนี้พูดจากใจจริงครับ แต่ทั้งหมดเหล่านั้น จะว่าเป็นอดีตก็ไม่เชิง มันกึ่งๆกันระหว่างคำนิยามทั้ง2ประเด็น......ทั้งนี้และทั้งนั้น หากมันเป็นอดีต.....ก็หมายความว่า ใครก็ตามที่ได้ไปพบพานสิ่งเหล่านั้นมา-และห่างหายไปจากภาพที่กล่าวสัก10หรือ20ปี......ผมคิดว่ามันคือคำจำกัดความของคำว่า "อดีต"
แต่หากสิ่งที่ผมกล่าวมานั้น.....เรายังไปมาหาสู่กันแบบไม่ขาดตอนมาจนถึงบัดนี้.....(มันก็คาบเกี่ยวกันอยู่ในระหว่างคำว่าอดีตและปัจจุบัน)...คุณว่าคำจำกัดความตรงนี้ควรจะอยู่ในจุดใด........เช่น......อดีตที่ผ่านมา.......หรือควรจะใช้คำว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมา......ช่วยผมนึกหน่อยได้ไหม....ถือว่าระดมความคิดกันนะครับ....
ย้อนกลับมาที่บ้านยายแสงเมืองอีกครั้งหนึ่ง........
วันรุ่งขึ้น.......เราพากันเดินทางไปที่ด่านชายแดนแล้วทำเรื่องไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า...ประมาณว่าเข้าได้ก็ดี-เข้าไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน เนื่องจากที่นั่นคือความก้ำกึ่งระหว่างเพื่อนบ้านลาวและไทย ที่ยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะให้เปิดเป็นด่านถาวร(แต่ชาวบ้านทั้ง2ประเทศยังเดินไปมาค้าขายกันแบบปกติ) แค่มีด่านทหารเอาไม้ไผ่มากั้นเอาไว้เฉยๆ.....ส่วนพวกเราดันขี่รถมอเตอร์ไซค์-ซึ่งร้อยวันพันชาติจึงจะมีคนเอารถมอเตอร์ไซค์เข้าไปทำเอกสารข้ามแดน
ผมพกพาสปอร์ตและทำวีซ่าไปด้วย(คือทำการบ้านไปแบบเต็มพิกัดน่ะ)......ทางด่านไทยก็ผ่านไปได้แบบปกติ....แต่เมื่อข้ามไปทางฝั่งลาว.......พี่แกเอาพาสปอร์ตและวีซ่าไปดูแล้วถามผมว่า นี่มันคือเอกสารอะไร แล้วผมจะเข้าไปในลาวทำไมตั้ง30วัน(ในวีซ่าเขาระบุออกมาจากสถานทูต-เป็นธรรมเนียมปฎิบัติของการเข้าเมืองทั่วไปคือ30วัน).....ส่วนคนอื่นที่ไปด้วยกัน ไม่มีพาสปอร์ตเนื่องจากเพื่อนทั้ง3นั่น หลงกับกลุ่มที่จะไปเที่ยวบ่อเกลือ-อย่างที่บอกไปแล้ว)......แล้วขอเกาะกลุ่มจะข้ามลาวกับผมและน้านายห้าง.....
สรุปแล้วเจ้าหน้าที่ด่านฝั่งลาวไม่รู้จักพาสปอร์ตครับ.พี่แกบอก "เจ้ารอท่าแน"......หมายความว่าให้พวกเรารอที่นี่ก่อน.....แกจะไปตามหัวหน้าด่านมาเจรจา....ว่าจะอนุญาติให้เข้าไปในลาวได้หรือไม่......
นายด่านคนนนี้คงถูกลากออกมาจากที่นอ เพราะหัวหูของแกยุ่งไปหมด-หัวบานมาเลย แถมเสื้อผ้าก็คงไม่เคยเจอะเตารีดมาตั้งแต่มันถูกตัดให้มีรูปทรงเป็นกางเกงและเสื้อ......เรียกว่ายับกันมาทั้ง2กรณีเลยก็แล้วกัน
แกเป็นงงแฮะที่เพิ่งเคยเห็นพาสปอร์ต.....แกบอกว่านี่เป็นเอกสารจากสถานทูต.....เราเอามาจากไหน-และจะเข้าไปทำไมในเมืองลาว30วัน.....โอย.......ตรูจะบ้าตาย....ไงมันซกมกงี้ฟระ...ไม่ได้ดูเดือนดูตะวันอะไรกับเขาเลยนะพ่อมหาจำเริญ......ผมก็ต้องอธิบายว่านี่คือเอกสารจากสถานทู๖อนุญาติให้เราเข้าเมืองลาวได้30วัน...เราไม่ได้เขียนเอง เพราะเราเขียนภาษาลาวไม่เป็น-เป็นลายมือของข้าราชการลาวเด้อ.......
พี่แกขอต่อรองให้ผมเข้าลาวได้7วันครับ..มีงี้ด้วย......แกบอกว่าข้อยบ่มีอำนาจ เข้า30มื้อบ่ได้........แต่หาก7มื้อกะพอให้เข้าได้-และห้ามไปเฮ้ดเวียกเด้อ.......(แปลมั่วๆแบบผมก็คือว่า หากจะเข้าไปสัก7วันละก็พอได้-มากกว่านั่นแกไม่มีอำนาจอนุมัติ......และก็ห้ามไปทำงานด้วย.....
กร๊ากกกกก........เวรกรรม เข้าไป7วันจะไปรับจ้างทำไรได้ฟระเนี่ย.....นึกแล้วก็ขำ.....ตกลงพี่แกอนุมัติให้เราเข้าเมืองลาวได้7วันจริงๆครับ.......เสียเงินค่าเหยียบแผ่นดินไปคนละ150บาท(ส่วนรถก็200บาท-ไม่มีประกันภัย)
พวกเราขี่รถตามกันไป-ผมเองนั้นว่าจะเดินทางไปท่าซ่วง......(ท่าซ่วงคือสถานีลงเรือจากลาว-ล่องไปตามลำน้ำโขงแล้วเข้าลำน้ำคาม.....เข้าหลวงพะบางในที่สุด).....ไปถึงเมืองหงสา.....เจอะอีก1ด่าน......คราวนี้ห้ามข้ามด่านทุกกรณี......เขาบอกว่าทางการห้ามบ่ให้คนต่างประเทศเลยจากจุดนี้ไป..........จบกัน
สรุปแล้ว เราก็ขี่รถผ่านด่านไปได้ประมาณ50กม....แล้วก็กลับมานอนค้างบ้านแม่ยายแสงเมืองอีก1คืน........
รูปนี้คือด่านน้ำเงินที่เราปวดหัวกับการอนุญาติให้เข้าเมืองได้7วัน.........ทำไปทำมา-ไปถึงเมืองหงสาก็ผ่านด่านไปไม่ได้อยู่ดี