เหลากันยาวๆไปตั้งแต่แรกเริ่ม...
กับทริปที่เริ่มต้นจากการพยายามจะขี่รถตัวเองข้ามแดนเข้าเวียดนามโดยลำพัง เมื่อปลายปี58
ขี่เอามึน ขี่เอามันส์ รูปไม่สวย สาระไม่มี ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่ต้องพูดถึง
จากประสบการณ์อันน้อยนิด กับการขี่รถตะลอนๆๆๆตามตะเข็บชายแดนลาวเหนือ-ลาวใต้
ก็พอจะรู้ว่า จากฝั่งลาวไม่สามารถขี่รถข้ามไปเวียดนามเองโดยไม่ผ่านทัวร์...แต่ๆๆๆ
เมื่อปี57 ขี่ออกเขมรไปทางด่านช่องจอม วนๆๆเล่นมาออกอรัญฯ ถามทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งคนท้องถิ่นที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง
หลายๆคนบอกว่า ด่านใกล้ๆเมืองกามโปงจาม ขี่ข้ามได้สบายบรื๋อออออ...ใจงี๊เต้นตุ้บๆๆ ความหวังมาแล้วเว้ยเฮ้ย!
แล้วเมื่อได้โอกาสเหมาะ ก็ต้องออกตามฝันกันหน่อย
เริ่มจากความตั้งใจแน่นแน่วมาหลายปีดีดัก ว่าจะขี่ไอ้ลูกชายสุดที่รักไปให้ถึงซาปา-เวียดนามเหนือให้ได้
ก็รู้อยู่นะว่า ไม่สามารถขี่รถข้ามไปเองได้โดยไม่ผ่านทัวร์ แต่แม้โอกาสเพียงน้อยนิด ก็ยังอยากจะลอง
เพ้อไปว่า ถ้าได้บินเดี่ยวทริปเดียวสี่ประเทศ แหม่ๆๆๆ คงมีเรื่องโม้ให้วัยรุ่นแถวบ้านฟังไปอีกนาน...เค่ คิดแล้วฟิน ^^
รถพร้อม คนพร้อม กระเป๋าใบเดียวมัดติดท้าย ออกจากบ้านสายๆ กว่าจะข้ามด่านบ่าย
จากที่ตั้งใจจะซัดยาวไปเช็คอินอาบน้ำนอนนวดอยู่พนมเปญ คืนแรกแวะเสียมเรียบซะงั๊น
วันแรกทั้งวัน มีแค่รูปนี้รูปเดียวที่หยิบมือถือออกมาถ่ายตอนข้ามมาจากอรัญฯ แฮ่...
ไอ้ลูกชายสุดที่รัก SR400 เก่าๆกากๆ ท่อดังลั่นทุ่งกวนใจพวกโลกสวย ที่ลุยด้วยกันมาก็ไม่น้อย
กับรูปเมื่อธันวาคมปี2010ที่มีโอกาสได้ขี่เข้าเขมรครั้งแรก มาแค่เสียมเรียบ เที่ยวชมนครวัต-นครธม
รอบนี้ไม่แวะแล้วครับ ปลายทางที่จะไป มันช่างยาวไกลและยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะ ถถถถถถถ...
ตื่นเช้าแพ๊คเป๋า เตรียมลุยต่อดีกว่า คืนนี้จะไปนอนนวดจิบเบียร์เขมรอยู่ที่พนมเปญให้สบายตัว
จากอรัญฯมาเสียมเรียบ ทางดีครับ จากเสียมเรียบเข้าพนมเปญมีทำทางบ้างนิดหน่อย
ขี่ได้เรื่อยๆ สบายๆครับ ปั๊มน้ำมันไม่มาก แต่ปั๊มหลอดปั๊มขวดมีตลอดทาง
อาหารของกิน อันนี้ไม่อด ตลอดสองข้างทางของขายเพียบๆๆ
ความรู้สึกเหมือนขี่อยู่อีสานบ้านเรา ถามว่าสวยมั๊ย...ก็งั๊นๆ
แต่ก็ยังรู้สึกสนุกอยู่หน่อยตรงที่ยังไม่เคยได้ขี่มา
ในพนมเปญก็ไม่มีอะไรมากครับ เมืองสวยๆ เจริญรุ่งเรื่อง ตึกรามบ้านช่องคล้ายๆบ้านเรา
หรูบ้าง สลัมบ้าง แล้วแต่ชุมชน การจราจรก็แออัดวุ่นวายพอตัว ขับขี่กันมั่วซั่วไม่เป็นระเบียบ
แต่กลับรู้สึกว่าขี่ง่ายกว่าในกรุงเทพฯเยอะ ไม่รู้ทำไม.
นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ส่วนมากก็ไปเที่ยวตามสถานที่ยอดนิยมต่างๆ มิวเซี่ยม อะไรเทือกๆนั้น
แต่มันไม่ใช่แนว มาขี่รถเล่นนิ ไม่ได้มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์...จิบเบียร์ชมเมือง มองผู้คน นั่งดูพระอาทิตย์ตกดีกว่า ^^
มัวแต่ยึดติดกับการขี่รถของตัวเอง เพื่อนๆเค้าไปถึงแชงกรีล่ากันแล้ว ผมยังวนเวียนอยู่แถวประเทศเพื่อนบ้านเอง
แต่ก็นะ สายบินเดี่ยว รักสันโดษ จะให้ไปขี่ตามทัวร์ปุเรงๆๆๆก็คงไม่เอาด้วย จ่ายเงินมากมาย แต่ไม่ได้ขี่ตามใจอยาก
อยากจอดก็ไม่ได้จอด ตื่นเช้ามาขี่รถยันค่ำ ไปกันกลุ่มใหญ่โต ถ่ายรูปมาโชว์เหมือนไปคนเดียว ดูแล้วขำ
ไอ่เพื่อนก็ว่า อิจฉามันละสิ ไม่เคยไป...ถถถถถถถถ จีนแดงเนี่ยนะพูดเลย ถ้าต้องผ่านทัวร์ ประเทศนี้ไม่มีบุญให้พี่ไปเหยียบแน่นอน เหอๆๆ
พูดไปไม่แคล้วเดี๋ยวโดนหมั่นใส้เอา...จริงๆแล้วผมอยากไปนะ แต่ๆๆๆ ไม่มีตังค์น่ะ เลยได้แต่ถากถางแซวเพื่อนไปวันๆ ^^"
ระหว่างทางเจอของหายาก...มะขวิดซักลูกมั๊ยครับ? ไม่เห็นที่เมืองไทยมานานละ
ไม่รู้สาปสูญไปหมดยัง ดมเปลือกเอานะ ถ้าหอมนิดๆล่ะ กำลังกินเลย
แวะถามซื้อ คุยกันไม่รู้เรื่อง เลยบอกขอสองลูก ใส่ถุงให้เฉยเลย ใจดีจริงๆ ไว้หิวๆจะทุบกินกลางทาง
พนมเปญ-กามโปงจาม-ด่านเวียดนาม ราวๆ200กม.ขี่ตามๆป้ายไป เดี๋ยวก็ถึง
***จุดเปลี่ยนของทริปนี้มันอยู่ตรงนี้!!! จากที่เคยขี่เข้าเขมรมาหลายครั้ง
ด้วยความคุ้นเคยที่จะเรียกใช้บริการเด็กเดินเอกสารที่ด่านอรัญฯ
ปกติแล้วเวลานักท่องเที่ยวเข้าแถวกันยาวๆ มันจะมีเด็กพวกนี้ ไม่ก็เจ้าหน้าที่เองเลย
มาขอเรียกเก็บเงิน300เพื่อแลกกับการลัดคิวปั๊มพาสปอร์ต บอกเลย ต่อร้อยนึงมันก็เอา
พิธีการฝั่งบ้านเราน่ะใช้เวลาไม่นาน แต่ฝั่งเขมรนั้นไม่ใช่ แถวยาวเหยียดดดดด
เสียร้อยนึงแลกกับเวลาร่วมชั่วโมง ผมว่าคุ้ม เลยจ่ายมาตลอด
แต่ถ้าขี่รถมาด้วย มันจะต้องมีการทำเอกสารรถที่ศุลกากรฝั่งเขมรด้วย
คราวก่อนจ่ายสามร้อยจบ คราวนี้ก็เช่นกัน ส่งเอกสารให้ ส่งเงินให้ ตัวผมก็เดินไปแลกเงิน
ซักพักกลับมาที่รถที่จอดอยู่หน้าด่าน เด็กเดินเอกสารก็มาพอดี พาสปอร์ต เอกสารรถเรียบร้อย!!!
"ไปได้เลยลูกพี่" มันพูดไทยได้...ได้ยินงั๊น จะรออะไร น้ำมันเต็มถังมาแล้ว ซัดยาวเลย
นั่นหล่ะปัญหา!!!!!! ผมไม่ได้ดูเอกสารรถ!!!
วันนี้ที่ด่านชายแดนเขมร-เวียดนาม ทุกอย่างดูราบรื่น จอดรถปุ๊บ เดินไปศุลกากรด้วยความคุ้นเคยกับการผ่านแดน
เจ้าหน้าที่ถามหาเอกสาร ผมก็หยิบพาสปอร์ต หยิบเอกสารรถ...เอกสาร...เอกสาร เอกสารกรูอยู่หน๊ายยยยยยยย!!!
ผมรีบดึงพาสปอร์ตกลับมาตั้งหลักก่อน ไอ่เจ้าหน้าที่ก็งง ผมก็มึน คิดในใจ ทริปนี้รถกรูเข้าเขมรเถื่อน
ชิหายแล้วเอาไงดี ตั้งสติๆๆๆ นั่นไงๆๆหัวหน้ามันมาแล้ว บอกมันว่าลืมไว้ที่โรงแรมละกัน เดี๋ยวกลับไปเอา
แต่ตอนนี้ขอถามเอาชัวร์ก่อน ว่าด่านนี้ขี่ข้ามได้แน่ๆมั๊ย...เจรจาอยู่พักนึง เจ้าหน้าที่เขมรยอมให้เดินข้ามไปฝั่งเวียดนาม
เพื่อไปถามข้อมูลเรื่องการขี่รถข้าม คือด่านเขมรบอกว่า ถ้าเวียดนามให้เอ็งเข้า เอ็งจะขี่ไปไหนก็ไปเถอะ ประมาณนั้น
...ก่อนถึง ตม.เวียดนาม มียาม ขอดูพาสปอร์ต...
มันจะปั๊มได้ยังไงละว๊อยยยยย ไม่ได้จะข้าม แวะมาถามเฉยๆ กว่าพี่ท่านจะให้ผ่าน เสียเวลาอยู่พักนึง
...พอถึง ตม.เวียดนาม เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษได้ ก็ถามหาเอกสารเหมือนเดิม...
เอกสารที่ว่านี่ก็คือ ใบที่ด่านปอยเปตจะออกให้เราตอนขาเข้าครับ แล้วด่านนี้ที่เราออกก็จะออกใบขาออกให้
และเวียดนามประเทศที่เราจะเข้าก็จะออกใบขาเข้าเวียดนามให้อีกที...แหม่ ดูมันช่างง่ายดายเสียจริงๆ
...เจ้าหน้าที่เวียดนามก็ไม่ยืนยันหรอกครับ ว่าดูเอกสารแล้วจะเข้าได้ร้อยเปอร์เซน ยังไงก็ต้องดูเอกสารก่อน
แต่เค้าทิ้งท้ายมาว่าระหว่างไทย-เวียด ไม่ได้มีการซายอะกรีเม้นท์เพอมิชชั่นอะไรซักอย่างกัน(แต่เขมรบอกให้ออกนะเฟ้ย)
สรุปคือ วันนี้ยังข้ามไม่ได้ เพราะไอ่เอกสารไม่มีนี่แหละ...ขี่รถเถื่อนๆกลับออกมาจากด่านแบบมึนๆ...ใจก็คิดไป
"แล้วจะขี่ออกจากเขมรยังไงว๊ะ"
จะบอกว่าผิดหวังก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้หวังเต็มร้อย
แต่เซ็งตัวเองสุดๆที่ไม่ดูเอกสารให้ดี เจอไอ่เด็กเวนนั่นอีกทีจะโบ้กระบาลให้ ฮึ่ยๆๆอารมณ์เสีย -*-
เป้าหมายอยู่ที่เวียดนามเหนือ แต่ตอนนี้ตัวฉันนี้ดันอยู่ที่เขมรตอนใต้
จอดทุบมะขวิดกินย้อมใจ กินไปคิดไป ว่าจะเอาไงดี จะขี่ทะลุลาวใต้ ไปยันเมืองขัว-เตียนเบียนฟูเลยดีมั๊ย
แต่มันไม่ให้ข้ามอยู่แล้วล่ะ ด่านนั้นเพื่อนลองมาแล้ว ได้ทิ้งรถไว้ด่านแน่นอน คิดไปคิดมา คิดไม่ออก
ขี่กลับบ้านดีกว่า...ไปนอนจิบเบียร์ตั้งหลัก คิดใหม่...แล้วค่อยออกเดินทางใหม่
จิ้มๆแผนที่ดู ขี่กลับทางเดิมใกล้สุดเร็วสุด แต่ยังไงก็ไม่ทันด่านปิด ต้องนอนเขมรอีกคืนอยู่ดี
กลับทางเดิมมันน่าเบื่อ งั๊นก็ขี่วนเท่านั้นคือคำตอบ เป้าหมายคืนนี้ มณทลคีรี สวิสเซอร์แลนด์แดนเขมร
ซัดมะขวิดหมดลูก ก็ออกเดินทางต่อ...
มณทลคีรีเป็นเมืองตากอากาศ ก็จัดว่าดีครับ เหมาะกับการขี่รถมาเที่ยว
ที่ผ่านมาเอาแต่ขี่ข้ามไปลาวเหนือลาวใต้ ขี่วนๆอยู่เส้นทางเดิมๆซ้ำๆเป็น10รอบ
ตอนนี้ก็ได้เส้นทางขี่รถเล่นเส้นทางใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเส้นทางแล้วครับ...มณทลคีรี ^^
ระยะทางกลับบ้านจากเมืองมณทลคีรี ผ่านปากเซลาวใต้ ข้ามช่องเม็กอุบลฯ ถึงกรุงเทพฯ 1300กม.
ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ได้ขี่ข้ามสามประเทศมันก็ดูเฟี้ยวดีนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมื่อปี2010ขี่SRไปกัวลาลัมเปอร์มาเลเซีย ออกทางด่านสะเดา วนมาเลเซีย
มากลับทางเบตงยะลา...เบตง-กรุงเทพฯ1200กม.หวดรวดเดียวถึงบ้าน นั่นไกลสุดละ
จากประสบการณ์อันน้อยนิดกับSR400^^
จะรออะไรล่ะ ถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ประจำเมืองเสร็จก็ลุยเลยละกัน ปลายทางลาวใต้
เรื่องเอกสารรถ ค่อยไปว่ากันหน้าด่าน ปัญหามีไว้แก้ อย่างแย่ๆก็ขี่ไปออกปอยเปตทางเดิม
เส้นทางกลับบ้าน เรียบกริ๊บครับ ถนนดีถึงดีมากตั้งแต่มณทลคีรี รัตนคีรี ยันปากเซ ช่องเม็ก
การข้ามด่านจากเขมรเข้าลาวใต้ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ บอกไปตรงๆเลย เอกสารหาย
ตาลุงเจ้าหน้าที่เขมรเว่าลาวได้ บอกให้กลับไปออกทางเดิม...ไกลนะนั่น ใครจะไปล่ะ
เลยอ้อนวอนขอให้ช่วยหน่อย ลุงหยิบเอกสารมาเขียนใบขาออกแล้วส่งให้
ยื่นมือไปหยิบ ซึ้งน้ำตาแทบไหล คนเขมรพี่น้องเรานี่ใจดีชะมัดเลย..."20ดอลล่า!!"
เห้อออ หมดกันความซึ้ง นึกว่าช่วยฟรี แพงเกิ๊น ยี่สิบดอลฯ
เลยต่อรองราคาไปมา ลดให้เหลือห้าดอลฯ ไม่เอาก็ต้องเอาล่ะครับ ดีกว่าไปออกอรัญฯแน่นอน
ลาก่อนเขมร แล้วอีกไม่นานจะกลับมาใหม่...
.
.
เหมือนจะเป็นครั้งแรก กับการขี่รถกลับบ้านแบบไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
ไม่เหมือนทุกทีที่ใจมันถึงบ้านแล้ว หวดอย่างเดียว อยากกลับบ้านนอน
แต่รอบนี้ ขี่ไป คิดไป วางแผนไป...คิดถึงเวียดนามเหนือแล้วมันตื่นเต้นชะมัด
รู้อยู่นะว่า ขี่ข้ามจากลาวเข้าเวียดนามไม่ได้แน่ๆ เคยลองมาแล้ว
ไม่เป็นไร ขี่รถไปจอดทิ้ง แล้วข้ามไปก็ได้ ยังไงก็จะไปให้ถึง ซาปาาาาา...
แสงสุดท้ายที่ปากเซ...
รูปสุดท้ายที่หยิบมือถือออกมาถ่าย...
ก่อนจะกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ กับการขี่รถรวดเดียวกลับบ้าน ข้ามสามประเทศ เขมร ลาว ไทย
รวมระยางที่วิ่งได้ 1309 กม. ได้ขี่ไกลขึ้นอีกนิด มีเรื่องเก็บไว้โม้ให้เพื่อนฟังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง ^^"
...เหลามาซะยืดยาว ยังไปไม่ถึงไหนเลย รอก่อนนะเวียดนามเหนือ...
ไบค์เกอร์รถเช่า บิดไปให้สุดเวียดนามเหนือ Sa pa - Cao bang - Ban Gioc
เหลากันยาวๆไปตั้งแต่แรกเริ่ม...
กับทริปที่เริ่มต้นจากการพยายามจะขี่รถตัวเองข้ามแดนเข้าเวียดนามโดยลำพัง เมื่อปลายปี58
ขี่เอามึน ขี่เอามันส์ รูปไม่สวย สาระไม่มี ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่ต้องพูดถึง
จากประสบการณ์อันน้อยนิด กับการขี่รถตะลอนๆๆๆตามตะเข็บชายแดนลาวเหนือ-ลาวใต้
ก็พอจะรู้ว่า จากฝั่งลาวไม่สามารถขี่รถข้ามไปเวียดนามเองโดยไม่ผ่านทัวร์...แต่ๆๆๆ
เมื่อปี57 ขี่ออกเขมรไปทางด่านช่องจอม วนๆๆเล่นมาออกอรัญฯ ถามทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งคนท้องถิ่นที่พอจะคุยกันรู้เรื่อง
หลายๆคนบอกว่า ด่านใกล้ๆเมืองกามโปงจาม ขี่ข้ามได้สบายบรื๋อออออ...ใจงี๊เต้นตุ้บๆๆ ความหวังมาแล้วเว้ยเฮ้ย!
แล้วเมื่อได้โอกาสเหมาะ ก็ต้องออกตามฝันกันหน่อย
เริ่มจากความตั้งใจแน่นแน่วมาหลายปีดีดัก ว่าจะขี่ไอ้ลูกชายสุดที่รักไปให้ถึงซาปา-เวียดนามเหนือให้ได้
ก็รู้อยู่นะว่า ไม่สามารถขี่รถข้ามไปเองได้โดยไม่ผ่านทัวร์ แต่แม้โอกาสเพียงน้อยนิด ก็ยังอยากจะลอง
เพ้อไปว่า ถ้าได้บินเดี่ยวทริปเดียวสี่ประเทศ แหม่ๆๆๆ คงมีเรื่องโม้ให้วัยรุ่นแถวบ้านฟังไปอีกนาน...เค่ คิดแล้วฟิน ^^
รถพร้อม คนพร้อม กระเป๋าใบเดียวมัดติดท้าย ออกจากบ้านสายๆ กว่าจะข้ามด่านบ่าย
จากที่ตั้งใจจะซัดยาวไปเช็คอินอาบน้ำนอนนวดอยู่พนมเปญ คืนแรกแวะเสียมเรียบซะงั๊น
วันแรกทั้งวัน มีแค่รูปนี้รูปเดียวที่หยิบมือถือออกมาถ่ายตอนข้ามมาจากอรัญฯ แฮ่...
ไอ้ลูกชายสุดที่รัก SR400 เก่าๆกากๆ ท่อดังลั่นทุ่งกวนใจพวกโลกสวย ที่ลุยด้วยกันมาก็ไม่น้อย
กับรูปเมื่อธันวาคมปี2010ที่มีโอกาสได้ขี่เข้าเขมรครั้งแรก มาแค่เสียมเรียบ เที่ยวชมนครวัต-นครธม
รอบนี้ไม่แวะแล้วครับ ปลายทางที่จะไป มันช่างยาวไกลและยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะ ถถถถถถถ...
ตื่นเช้าแพ๊คเป๋า เตรียมลุยต่อดีกว่า คืนนี้จะไปนอนนวดจิบเบียร์เขมรอยู่ที่พนมเปญให้สบายตัว
จากอรัญฯมาเสียมเรียบ ทางดีครับ จากเสียมเรียบเข้าพนมเปญมีทำทางบ้างนิดหน่อย
ขี่ได้เรื่อยๆ สบายๆครับ ปั๊มน้ำมันไม่มาก แต่ปั๊มหลอดปั๊มขวดมีตลอดทาง
อาหารของกิน อันนี้ไม่อด ตลอดสองข้างทางของขายเพียบๆๆ
ความรู้สึกเหมือนขี่อยู่อีสานบ้านเรา ถามว่าสวยมั๊ย...ก็งั๊นๆ
แต่ก็ยังรู้สึกสนุกอยู่หน่อยตรงที่ยังไม่เคยได้ขี่มา
ในพนมเปญก็ไม่มีอะไรมากครับ เมืองสวยๆ เจริญรุ่งเรื่อง ตึกรามบ้านช่องคล้ายๆบ้านเรา
หรูบ้าง สลัมบ้าง แล้วแต่ชุมชน การจราจรก็แออัดวุ่นวายพอตัว ขับขี่กันมั่วซั่วไม่เป็นระเบียบ
แต่กลับรู้สึกว่าขี่ง่ายกว่าในกรุงเทพฯเยอะ ไม่รู้ทำไม.
นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ส่วนมากก็ไปเที่ยวตามสถานที่ยอดนิยมต่างๆ มิวเซี่ยม อะไรเทือกๆนั้น
แต่มันไม่ใช่แนว มาขี่รถเล่นนิ ไม่ได้มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์...จิบเบียร์ชมเมือง มองผู้คน นั่งดูพระอาทิตย์ตกดีกว่า ^^
มัวแต่ยึดติดกับการขี่รถของตัวเอง เพื่อนๆเค้าไปถึงแชงกรีล่ากันแล้ว ผมยังวนเวียนอยู่แถวประเทศเพื่อนบ้านเอง
แต่ก็นะ สายบินเดี่ยว รักสันโดษ จะให้ไปขี่ตามทัวร์ปุเรงๆๆๆก็คงไม่เอาด้วย จ่ายเงินมากมาย แต่ไม่ได้ขี่ตามใจอยาก
อยากจอดก็ไม่ได้จอด ตื่นเช้ามาขี่รถยันค่ำ ไปกันกลุ่มใหญ่โต ถ่ายรูปมาโชว์เหมือนไปคนเดียว ดูแล้วขำ
ไอ่เพื่อนก็ว่า อิจฉามันละสิ ไม่เคยไป...ถถถถถถถถ จีนแดงเนี่ยนะพูดเลย ถ้าต้องผ่านทัวร์ ประเทศนี้ไม่มีบุญให้พี่ไปเหยียบแน่นอน เหอๆๆ
พูดไปไม่แคล้วเดี๋ยวโดนหมั่นใส้เอา...จริงๆแล้วผมอยากไปนะ แต่ๆๆๆ ไม่มีตังค์น่ะ เลยได้แต่ถากถางแซวเพื่อนไปวันๆ ^^"
ระหว่างทางเจอของหายาก...มะขวิดซักลูกมั๊ยครับ? ไม่เห็นที่เมืองไทยมานานละ
ไม่รู้สาปสูญไปหมดยัง ดมเปลือกเอานะ ถ้าหอมนิดๆล่ะ กำลังกินเลย
แวะถามซื้อ คุยกันไม่รู้เรื่อง เลยบอกขอสองลูก ใส่ถุงให้เฉยเลย ใจดีจริงๆ ไว้หิวๆจะทุบกินกลางทาง
พนมเปญ-กามโปงจาม-ด่านเวียดนาม ราวๆ200กม.ขี่ตามๆป้ายไป เดี๋ยวก็ถึง
***จุดเปลี่ยนของทริปนี้มันอยู่ตรงนี้!!! จากที่เคยขี่เข้าเขมรมาหลายครั้ง
ด้วยความคุ้นเคยที่จะเรียกใช้บริการเด็กเดินเอกสารที่ด่านอรัญฯ
ปกติแล้วเวลานักท่องเที่ยวเข้าแถวกันยาวๆ มันจะมีเด็กพวกนี้ ไม่ก็เจ้าหน้าที่เองเลย
มาขอเรียกเก็บเงิน300เพื่อแลกกับการลัดคิวปั๊มพาสปอร์ต บอกเลย ต่อร้อยนึงมันก็เอา
พิธีการฝั่งบ้านเราน่ะใช้เวลาไม่นาน แต่ฝั่งเขมรนั้นไม่ใช่ แถวยาวเหยียดดดดด
เสียร้อยนึงแลกกับเวลาร่วมชั่วโมง ผมว่าคุ้ม เลยจ่ายมาตลอด
แต่ถ้าขี่รถมาด้วย มันจะต้องมีการทำเอกสารรถที่ศุลกากรฝั่งเขมรด้วย
คราวก่อนจ่ายสามร้อยจบ คราวนี้ก็เช่นกัน ส่งเอกสารให้ ส่งเงินให้ ตัวผมก็เดินไปแลกเงิน
ซักพักกลับมาที่รถที่จอดอยู่หน้าด่าน เด็กเดินเอกสารก็มาพอดี พาสปอร์ต เอกสารรถเรียบร้อย!!!
"ไปได้เลยลูกพี่" มันพูดไทยได้...ได้ยินงั๊น จะรออะไร น้ำมันเต็มถังมาแล้ว ซัดยาวเลย
นั่นหล่ะปัญหา!!!!!! ผมไม่ได้ดูเอกสารรถ!!!
วันนี้ที่ด่านชายแดนเขมร-เวียดนาม ทุกอย่างดูราบรื่น จอดรถปุ๊บ เดินไปศุลกากรด้วยความคุ้นเคยกับการผ่านแดน
เจ้าหน้าที่ถามหาเอกสาร ผมก็หยิบพาสปอร์ต หยิบเอกสารรถ...เอกสาร...เอกสาร เอกสารกรูอยู่หน๊ายยยยยยยย!!!
ผมรีบดึงพาสปอร์ตกลับมาตั้งหลักก่อน ไอ่เจ้าหน้าที่ก็งง ผมก็มึน คิดในใจ ทริปนี้รถกรูเข้าเขมรเถื่อน
ชิหายแล้วเอาไงดี ตั้งสติๆๆๆ นั่นไงๆๆหัวหน้ามันมาแล้ว บอกมันว่าลืมไว้ที่โรงแรมละกัน เดี๋ยวกลับไปเอา
แต่ตอนนี้ขอถามเอาชัวร์ก่อน ว่าด่านนี้ขี่ข้ามได้แน่ๆมั๊ย...เจรจาอยู่พักนึง เจ้าหน้าที่เขมรยอมให้เดินข้ามไปฝั่งเวียดนาม
เพื่อไปถามข้อมูลเรื่องการขี่รถข้าม คือด่านเขมรบอกว่า ถ้าเวียดนามให้เอ็งเข้า เอ็งจะขี่ไปไหนก็ไปเถอะ ประมาณนั้น
...ก่อนถึง ตม.เวียดนาม มียาม ขอดูพาสปอร์ต...
มันจะปั๊มได้ยังไงละว๊อยยยยย ไม่ได้จะข้าม แวะมาถามเฉยๆ กว่าพี่ท่านจะให้ผ่าน เสียเวลาอยู่พักนึง
...พอถึง ตม.เวียดนาม เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษได้ ก็ถามหาเอกสารเหมือนเดิม...
เอกสารที่ว่านี่ก็คือ ใบที่ด่านปอยเปตจะออกให้เราตอนขาเข้าครับ แล้วด่านนี้ที่เราออกก็จะออกใบขาออกให้
และเวียดนามประเทศที่เราจะเข้าก็จะออกใบขาเข้าเวียดนามให้อีกที...แหม่ ดูมันช่างง่ายดายเสียจริงๆ
...เจ้าหน้าที่เวียดนามก็ไม่ยืนยันหรอกครับ ว่าดูเอกสารแล้วจะเข้าได้ร้อยเปอร์เซน ยังไงก็ต้องดูเอกสารก่อน
แต่เค้าทิ้งท้ายมาว่าระหว่างไทย-เวียด ไม่ได้มีการซายอะกรีเม้นท์เพอมิชชั่นอะไรซักอย่างกัน(แต่เขมรบอกให้ออกนะเฟ้ย)
สรุปคือ วันนี้ยังข้ามไม่ได้ เพราะไอ่เอกสารไม่มีนี่แหละ...ขี่รถเถื่อนๆกลับออกมาจากด่านแบบมึนๆ...ใจก็คิดไป
"แล้วจะขี่ออกจากเขมรยังไงว๊ะ"
จะบอกว่าผิดหวังก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้หวังเต็มร้อย
แต่เซ็งตัวเองสุดๆที่ไม่ดูเอกสารให้ดี เจอไอ่เด็กเวนนั่นอีกทีจะโบ้กระบาลให้ ฮึ่ยๆๆอารมณ์เสีย -*-
เป้าหมายอยู่ที่เวียดนามเหนือ แต่ตอนนี้ตัวฉันนี้ดันอยู่ที่เขมรตอนใต้
จอดทุบมะขวิดกินย้อมใจ กินไปคิดไป ว่าจะเอาไงดี จะขี่ทะลุลาวใต้ ไปยันเมืองขัว-เตียนเบียนฟูเลยดีมั๊ย
แต่มันไม่ให้ข้ามอยู่แล้วล่ะ ด่านนั้นเพื่อนลองมาแล้ว ได้ทิ้งรถไว้ด่านแน่นอน คิดไปคิดมา คิดไม่ออก
ขี่กลับบ้านดีกว่า...ไปนอนจิบเบียร์ตั้งหลัก คิดใหม่...แล้วค่อยออกเดินทางใหม่
จิ้มๆแผนที่ดู ขี่กลับทางเดิมใกล้สุดเร็วสุด แต่ยังไงก็ไม่ทันด่านปิด ต้องนอนเขมรอีกคืนอยู่ดี
กลับทางเดิมมันน่าเบื่อ งั๊นก็ขี่วนเท่านั้นคือคำตอบ เป้าหมายคืนนี้ มณทลคีรี สวิสเซอร์แลนด์แดนเขมร
ซัดมะขวิดหมดลูก ก็ออกเดินทางต่อ...
มณทลคีรีเป็นเมืองตากอากาศ ก็จัดว่าดีครับ เหมาะกับการขี่รถมาเที่ยว
ที่ผ่านมาเอาแต่ขี่ข้ามไปลาวเหนือลาวใต้ ขี่วนๆอยู่เส้นทางเดิมๆซ้ำๆเป็น10รอบ
ตอนนี้ก็ได้เส้นทางขี่รถเล่นเส้นทางใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเส้นทางแล้วครับ...มณทลคีรี ^^
ระยะทางกลับบ้านจากเมืองมณทลคีรี ผ่านปากเซลาวใต้ ข้ามช่องเม็กอุบลฯ ถึงกรุงเทพฯ 1300กม.
ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ได้ขี่ข้ามสามประเทศมันก็ดูเฟี้ยวดีนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะรออะไรล่ะ ถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ประจำเมืองเสร็จก็ลุยเลยละกัน ปลายทางลาวใต้
เรื่องเอกสารรถ ค่อยไปว่ากันหน้าด่าน ปัญหามีไว้แก้ อย่างแย่ๆก็ขี่ไปออกปอยเปตทางเดิม
เส้นทางกลับบ้าน เรียบกริ๊บครับ ถนนดีถึงดีมากตั้งแต่มณทลคีรี รัตนคีรี ยันปากเซ ช่องเม็ก
การข้ามด่านจากเขมรเข้าลาวใต้ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ บอกไปตรงๆเลย เอกสารหาย
ตาลุงเจ้าหน้าที่เขมรเว่าลาวได้ บอกให้กลับไปออกทางเดิม...ไกลนะนั่น ใครจะไปล่ะ
เลยอ้อนวอนขอให้ช่วยหน่อย ลุงหยิบเอกสารมาเขียนใบขาออกแล้วส่งให้
ยื่นมือไปหยิบ ซึ้งน้ำตาแทบไหล คนเขมรพี่น้องเรานี่ใจดีชะมัดเลย..."20ดอลล่า!!"
เห้อออ หมดกันความซึ้ง นึกว่าช่วยฟรี แพงเกิ๊น ยี่สิบดอลฯ
เลยต่อรองราคาไปมา ลดให้เหลือห้าดอลฯ ไม่เอาก็ต้องเอาล่ะครับ ดีกว่าไปออกอรัญฯแน่นอน
ลาก่อนเขมร แล้วอีกไม่นานจะกลับมาใหม่...
.
.
เหมือนจะเป็นครั้งแรก กับการขี่รถกลับบ้านแบบไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
ไม่เหมือนทุกทีที่ใจมันถึงบ้านแล้ว หวดอย่างเดียว อยากกลับบ้านนอน
แต่รอบนี้ ขี่ไป คิดไป วางแผนไป...คิดถึงเวียดนามเหนือแล้วมันตื่นเต้นชะมัด
รู้อยู่นะว่า ขี่ข้ามจากลาวเข้าเวียดนามไม่ได้แน่ๆ เคยลองมาแล้ว
ไม่เป็นไร ขี่รถไปจอดทิ้ง แล้วข้ามไปก็ได้ ยังไงก็จะไปให้ถึง ซาปาาาาา...
แสงสุดท้ายที่ปากเซ...
รูปสุดท้ายที่หยิบมือถือออกมาถ่าย...
ก่อนจะกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ กับการขี่รถรวดเดียวกลับบ้าน ข้ามสามประเทศ เขมร ลาว ไทย
รวมระยางที่วิ่งได้ 1309 กม. ได้ขี่ไกลขึ้นอีกนิด มีเรื่องเก็บไว้โม้ให้เพื่อนฟังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง ^^"
...เหลามาซะยืดยาว ยังไปไม่ถึงไหนเลย รอก่อนนะเวียดนามเหนือ...