สังเกตุด้วยตัวเองว่าหลังๆ นี่ นักปั่นพันทิปจะเน้นปั่นชิวด์ปั่นสบาย หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า "ปั่นเล่น" ซะมากกว่านะครับ
ไอ่การปั่นเล่น ปั่นสบายเนี่ย... มันก็ไม่มีขอเสียอะไรหรอก เพียงแต่ว่า ปัญหาตามหลังคือ พอปั่นเล่น ปั่นสบายแล้วมันหิว .. พอมันหิว มันก็ต้องกิน
กลายเป็นว่า ปั่นไป ปั่นมา .... อั้ยยะ .. น้ำหนักมาจากไหนวะเนี่ยย !!!
แรกๆ ก้ปลอบใจตัวเองครับว่า ... มวลกล้ามเนื้อมันหนักกว่าไขมัน .. แต่ !!! สามเดือนผ่านไป ไหงไขมันมันเยอะกว่าเดิมฟระ ! 555 ...
ใครเป็นแบบนี้บ้าง ยกมือขึ้นนนน ... \ 0 / \ 0 / \ 0 /
ฮิ้ววว ...
\ 0 / \ 0 / \ 0 /
ครั้งที่แล้วผมเคยตั้งกระทู้เรื่อง "การพัฒนาการปั่นด้วยการเพิ่มรอบขา" ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย .. ยังไงๆ ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ
ครั้งนี้จะขอมายกตัวอย่างเพิ่มเติมให้ เรื่อง "การเบิร์นหรือเผาพลาญพลังงาน โดยการปั่นจักรยานด้วยรอบขา" สักหน่อย
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับ 2 ส่วนหลักๆ ที่มีหน้าทีขับเคลื่อนจักรยานให้พุ่งไปข้างหน้ากัน (ยกเว้นการไสลงดอยนะ)
1) อัตราการทดเกียร์ของจักยาน เอาให้เห็นภาพง่ายๆ ระบบขับเคลื่อนของจักรยานมี 2 อันที่เกี่ยวข้องกับอัตราการทดเกียร์ ก็คือ
- Chain-rings หรือ เฟืองหน้า หรือ จานหน้า เสือหมอบ มักจะมี 2 จาน ส่วนเสือภูเขา มักจะมี 3 จาน
- Cogs หรือ เฟืองหลัง ทั้งเสือหมอบ และภูเขา มักก็จะเริ่มต้นที่ 8 เฟือง ไปจบที่ 11 เฟือง เช่นกัน
รวมๆ แล้ว เวลาพูดถึงอัตราทดเกียร์สำหรับ
เสือหมอบ เช่น เกียร์คันนี้ 2x10 จานหน้า 50/34 หลัง 11/25 ก็หมายความว่า จานหน้ามี 2 ใบที่ขนาด 50 และ 34 ฟัน ส่วนเฟืองหลังก็ 10 เฟือง ไล่ไปตั้งแต่ 11 ถึง 25 ฟัน หรือ 12 - 28 ฟัน หรือ อื่นๆ
เสือภูเขา ก็เช่นกัน 3x9 จานหน้า 3 ใบ เฟืองหลังมี 9 เฟือง รวมทั้งหมดก็ 27 speeds เป็นต้น
2) Cadence : รอบขา ให้เข้าใจตรงกัน รอบขาก็คือการหมุนขาจานจนครบ 1 รอบ ดังนั้น รอบขาต่อนาที ก็หมายถึง จำนวนการหมุนของขาต่อนาทีเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ผมมีรอบขาเวลาปั่นจักรยานอยู่ที่ 90 - 100 รอบต่อนาที หมายความว่า ใน 1 นาทีผมสามารถหมุนขาจานได้ 90 - 100 รอบ
Cadence at Speed หรือ จำนวนรอบขาที่ความเร็วนั้นๆ เช่น ความเร็ว 20 km/h ที่รอบขา 80 ครั้งต่อนาที เป็นต้น
เอาล่ะ จั๋วไว้เท่านี้ก่อน เดี่ยวมาต่อ rep หน้า ครับ
ปั่นด้วยรอบขา เบิร์นพลังงานมากกว่าจริงหรือ ?
ไอ่การปั่นเล่น ปั่นสบายเนี่ย... มันก็ไม่มีขอเสียอะไรหรอก เพียงแต่ว่า ปัญหาตามหลังคือ พอปั่นเล่น ปั่นสบายแล้วมันหิว .. พอมันหิว มันก็ต้องกิน
กลายเป็นว่า ปั่นไป ปั่นมา .... อั้ยยะ .. น้ำหนักมาจากไหนวะเนี่ยย !!!
แรกๆ ก้ปลอบใจตัวเองครับว่า ... มวลกล้ามเนื้อมันหนักกว่าไขมัน .. แต่ !!! สามเดือนผ่านไป ไหงไขมันมันเยอะกว่าเดิมฟระ ! 555 ...
ใครเป็นแบบนี้บ้าง ยกมือขึ้นนนน ... \ 0 / \ 0 / \ 0 /
ฮิ้ววว ...
\ 0 / \ 0 / \ 0 /
ครั้งที่แล้วผมเคยตั้งกระทู้เรื่อง "การพัฒนาการปั่นด้วยการเพิ่มรอบขา" ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย .. ยังไงๆ ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ
ครั้งนี้จะขอมายกตัวอย่างเพิ่มเติมให้ เรื่อง "การเบิร์นหรือเผาพลาญพลังงาน โดยการปั่นจักรยานด้วยรอบขา" สักหน่อย
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับ 2 ส่วนหลักๆ ที่มีหน้าทีขับเคลื่อนจักรยานให้พุ่งไปข้างหน้ากัน (ยกเว้นการไสลงดอยนะ)
1) อัตราการทดเกียร์ของจักยาน เอาให้เห็นภาพง่ายๆ ระบบขับเคลื่อนของจักรยานมี 2 อันที่เกี่ยวข้องกับอัตราการทดเกียร์ ก็คือ
- Chain-rings หรือ เฟืองหน้า หรือ จานหน้า เสือหมอบ มักจะมี 2 จาน ส่วนเสือภูเขา มักจะมี 3 จาน
- Cogs หรือ เฟืองหลัง ทั้งเสือหมอบ และภูเขา มักก็จะเริ่มต้นที่ 8 เฟือง ไปจบที่ 11 เฟือง เช่นกัน
รวมๆ แล้ว เวลาพูดถึงอัตราทดเกียร์สำหรับ
เสือหมอบ เช่น เกียร์คันนี้ 2x10 จานหน้า 50/34 หลัง 11/25 ก็หมายความว่า จานหน้ามี 2 ใบที่ขนาด 50 และ 34 ฟัน ส่วนเฟืองหลังก็ 10 เฟือง ไล่ไปตั้งแต่ 11 ถึง 25 ฟัน หรือ 12 - 28 ฟัน หรือ อื่นๆ
เสือภูเขา ก็เช่นกัน 3x9 จานหน้า 3 ใบ เฟืองหลังมี 9 เฟือง รวมทั้งหมดก็ 27 speeds เป็นต้น
2) Cadence : รอบขา ให้เข้าใจตรงกัน รอบขาก็คือการหมุนขาจานจนครบ 1 รอบ ดังนั้น รอบขาต่อนาที ก็หมายถึง จำนวนการหมุนของขาต่อนาทีเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ผมมีรอบขาเวลาปั่นจักรยานอยู่ที่ 90 - 100 รอบต่อนาที หมายความว่า ใน 1 นาทีผมสามารถหมุนขาจานได้ 90 - 100 รอบ
Cadence at Speed หรือ จำนวนรอบขาที่ความเร็วนั้นๆ เช่น ความเร็ว 20 km/h ที่รอบขา 80 ครั้งต่อนาที เป็นต้น
เอาล่ะ จั๋วไว้เท่านี้ก่อน เดี่ยวมาต่อ rep หน้า ครับ