ใครพอรู้เรื่องเกี่ยวกับอาการคันช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น หลังมีเพศสัมพันธุ์ ตอนนี้ทรมานมากค่ะ

หลังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้วมีอาการตกขาว คันในช่องคลอดมากค่ะ เป็นมาประมาณเดือนกว่าๆแล้วค่ะ คัน มีกลิ่น หลังมีอะไรกันก็มีตกขาวสีเหลืองๆไหลออกมาประมาณ สัปดาห์นึงอ่ะค่ะ แต่พอหลังจากตกขาวสีเหลืองหมด มันก็มีตกขาวที่เป้นสีขาวอะค่ะ แต่เป็นน้ำเหลวๆสีขาวนะค่ะ กลิ่นแรงมากค่ะ เคยเอานิ้วล้วงเข้าไปในช่องคลอดแล้วมันมีลิ่มๆ สีขาวออกมาอ่ะค่ะ เมื่อสองวันก่อนหนูไปซื้อยามาค่ะ เภสัชเขาให้ยาสอดแบบหนึ่งเม็ดแล้วก็ยาฆ่าเชื้อมาค่ะ ใช้ไปสองวันก็มีประจำเดือนมาอ่ะค่ะ คืนแรกที่ทานยาแล้วก็สอดรู้สึกว่าหายคันอ่ะค่ะ แต่พอเมื่อวันกันวันนี้เป้นประจำเดือน มันคันมากเหมือนเดิมค่ะ หนูควรซื้อยาอะไรมาใช้ดีค่ะหรือต้องทำยังไง มันทรมานมากค่ะ แล้วก็ยาฆ่าเชื้อเภสัชบอกให้ทานจนหมดอ่ะค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ใช้ยาให้ครบก่อนครับ ถ้ายังไม่หายให้ไปพบ สูตินรีแพทย์
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
กลิ่นที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นี่ มาจากผู้ชายนะครับ
สาเหตุก็คือเวลามีอะไรกันแล้ว ผู้ชายไม่ดูแลความสะอาดของตัวเองให้ดี
ทำให้มีสิ่งสกปรกตกค้างเข้าไปในบริเวณช่องคลอดของผู้หญิง
หลายคนบอกว่าถ้าอย่างนั้นจริง ผู้ชายก็น่าจะเน่ากว่า และก็ขำผู้หญิงกันต่อไป
แต่อย่าลืมว่าอวัยวะส่วนนั้นของผู้ชายมันอยู่ข้างนอก
ล้างดี ๆ เชื้อโรคแบคทีเรียก็หมดได้
แต่ของผู้หญิงนี่มันลึกไปเป็นซอกเข้าไปนะครับ
จะให้ควักให้ล้วงอย่างไรก็ไม่สามารถสะอาดได้เท่า
จะให้ผ่าออกมาไว้ข้างนอกเอาน้ำฉีดอัดก็ทำไม่ได้
ดังนั้นหากมีแบคทีเรียที่ผู้ชายเอาเข้าไปตกค้างนี่ มันก็ทำให้เกิดการหมักหมมและเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นมา  และสุดท้ายผู้ชายมามานั่งขำ นั่งล้อนี่ ทั้งที่ลืมไปว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ

แมนมากครับ

นอกจากนั้น บางคนเอาเชื้อเอชพีวีไปหย่อนใส่ผู้หญิงเค้าอีก
ทำให้ผู้หญิงเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกอีก งานเข้าทังนั้นครับ
งานวิจัยมากมายพบว่าเชื้อเอชพีวีนี่มันอยู่ตรงบริเวณปลายของอวัยวะเพศชายนะครับ แต่ดีหน่อยที่ผู้ชายดันอยู่ข้างนอก เลยทำให้ล้างออกง่าย
แต่พอเอาไปไว้ข้างในผู้หญิงที่มันทำความสะอาดลำบาก พอเกิดระคายเคืองมาก ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ จนทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกครับ

ดังนั้น หากไม่อยากให้แฟน หรือคนที่เรารัก มีความผิดปกติหรือโรคร้ายเกิดขึ้นนี่
ต้องดูแลสุขอนามัยของผู้ชายเราให้ดีก่อนครับ
ธรรมชาติผู้หญิงเค้าก็สร้างกลไกไม่ให้มีอะไรมันเข้าไปได้อยู่แล้วครับ
จะเกิดเรื่องก็เพราะผู้ชายอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ เอาอะไรใส่เข้าไปในนั้น
และหากสิ่งที่ใส่เข้าไปไม่รักษาความสะอาด หรือดูแลสุขอนามัยให้ดีพอ
สุดท้ายก็จะเป็นปัญหาที่ผู้ชายมาทำงง ทำไมมีกลิ่นและก็มาแซว มาล้อสาวๆนั่นแหละ

อย่างที่หลาย ๆ คนรู้กัน คือผู้ชายทุกคนจะมีหนังหุ้มบริเวณปลายของอวัยวะเพศ
ซึ่งบางคนที่โชคดีหน่อย หนังไม่ยาวมาก ดังนั้นเวลาโตขึ้นหนังก็จะร่นไปด้านล่างได้
แต่ก็มีผู้ชายอีกจำนวนมากเช่นกัน ที่หนังหุ้มปลายยังยาวอยู่ ทำให้มันคลุมบริเวณหัวของตัวอวัยวะ
ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดปัญหาได้
เพราะเวลาเราเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง หลังทำธุระเสร็จก็จะมีคราบหรือหยดของฉี่มาค้างไว้
และยิ่งประกอบกับเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทั้งเหงื่อ ทั้งขี้ไคลมาหมัก ๆ คลุกเคล้า ๆรวมกันจนเข้าที่
ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ
ซึ่งคนที่ขลิบจะช่วยเรื่องนี้ได้เยอะครับ

เมืองไทยเมืองร้อน ใส่เสื้อแขนยาวทำอะไรก็ลำบาก จะล้างมือ จะหยิบของก็ไม่สะดวก จะถกแขนเสื้อไปข้อศอก ซักพักแขนเสื้อก็ตกลงมาอีก และพอแขนเสื้อเปียกน้ำ มันก็ชื้น เหนอะหนะครับ  ดังนั้นหาเสื้อแขนสั้นมาใส่ดีกว่า จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นครับ

ที่บอกว่าตอนหลับรูดขึ้นได้ลงได้ แสดงว่ายังมีหนังมาคลุมอยู่ตลอด
ช่วงระหว่างวันเราไม่ได้คอยถกไว้ตลอด ต้องระวังเรื่องการหมักหมมครับ
สังเกตุว่าระหว่างวันตรงส่วนหัวนี่จะชื้น ๆ หน่อย เป็นทั้งเหงื่อและปัสสาวะที่ค้าง
ตรงนี้แหละเป็นแหล่งอาหารที่อุมสมบูรณ์ของเชื้อโรคครับ

หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ

ลองเข้าไปชมดูนะครับ ที่

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=4

เดี๋ยวนี้มีเพจด้วยนะ www.facebook.com/sarikamenhealth ฝากไปกดไลค์กันด้วยนะครับ


ส่วนใครมีข้อแนะนำไงก็ฝากไว้ได้นะครับ
ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูดหรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่