ขอเกริ่นก่อนว่าจัดฟันที่อเมริกานะคะ แต่หมอเป็นคนไทย คิดว่าจัดฟันที่ประเทศไหนกฏคงไม่ต่างกันมาก

อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าจัดฟันมันสามารถผ่อนจ่ายได้ น้องสาวฟันแย่มากๆ สองปีก่อนเลยเซ็นสัญญาจัดฟันไป ตกลงจะผ่อนจ่ายแต่ละเดือนทั้งหมดเป็นเงินกว่า 4000 ดอลล่า (พอดีจำตัวเลขสุทธิไม่ได้) แค่นั้น หมอบอกว่าประมาณสามปี เราก็ได้ถามแล้วว่า ถ้าผ่อนหมดแล้วจะยังให้ทำต่อหรอ ผู้ช่วยหมอบอกว่า หลังจากผ่อนหมดก็เข้ามาทำตามปกติทุกเดือน ไม่ต้องเสียตังอีก และหมอเค้าทำต่อแน่นอนเพราะหมอมีจรรยาบรรณ

ต้นเดือนนี้เพิ่งได้รับจดหมายจากหมอบอกว่า เคสของน้องสาวเกินเวลา 24-30 เดือน ฉะนั้นต่อไปจะต้องเข้าไปพบหมอจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกเดือนละ 70 ดอล คือ ตอนที่ตกลงจะให้ทำฟันนั้น หมอไม่ได้บอกรายละเอียดเรื่องถ้าทำนานจะต้องเสียเงินเพิ่ม หมอบอกว่าเสียทั้งหมด 4000 กว่าๆ ตามตัวเลขที่ระบุในสัญญา ทำจนเสร็จ

หมอน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนไข้ต้องทำฟันนานขนาดไหน เพราะหมอมีประสบการณ์ คงเห็นคงทำมาแล้วไม่รู้กี่คน งั้นที่ทำอยู่นี่ก็เท่ากับทำธุรกิจแบบพูดไม่หมด ไม่บอกรายละเอียดลูกค้า กะจะรับลูกค้าไว้ก่อน
ฟันก็เข้าไปดัดทุกเดือน ไม่เคยเบี้ยวนัด ไม่ใช่ว่าจะเป็นความผิดเราที่ระยะเวลามันนาน
ถอนฟันคุด 4 ซี่ เอ๊กซเรย์ฟัน ก็ต้องถ่อไปหาหมออื่นทำ จ่ายเงินเอง เพราะที่นี่ดัดฟันได้อย่างเดียว
ตอนนั้นต่อราคาไปหมอก็ไม่ลดให้สักบาท สุดท้ายมาเชือดนิ่มๆแบบนี้เลย ส่วนตัวคิดว่าน้องยังคงต้องจัดฟันอีกอย่างต่ำ 1 ปี เท่ากับ 70*12=840 ดอลล่า บานเบอะ

เฮ้อ ไม่รู้จะทำยังไงดีอ่ะค่ะ งบมันบานปลาย คิดว่าต้องกลับไปหาสัญญาที่เซ็นไว้อ่านอีกรอบ เพื่อนๆคนอื่นเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้างไหมคะ แล้วจะแก้ไขยังไงดี

เราคิดว่ายังไงก็ต้องคุยกับหมอ แต่ก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายยังไงเค้าก็คงไม่ยอมหรอก เพราะตอนนี้น้องจัดฟันอยู่ หมอก็ได้เปรียบเห็นๆ อีกอย่างเราก็ไม่น่าจะใช่ลูกค้ารายแรกที่ต้องจ่ายเพิ่มแบบนี้