ขออธิบายก่อนนะคะ ว่าตอนที่เกิดเรื่อง เราไม่ได้อยู่กับน้อง คือน้องอยู่กับแม่ที่บ้าน เราอยู่ที่หอค่ะ
ตอนแรกคือวันพฤหัสที่ผ่านมา ตอนบ่ายๆแม่เราโทรมาบอก ให้หาเบอร์โรงพยาบาลสัตว์ที่นึง แม่บอกว่าแมวที่บ้านขาหัก พาไปคลินิกใกล้บ้านเค้าแนะนำโรงพยาบาลที่นี่ให้ เพราะใกล้บ้านเรา
พอแม่พาไปปุ๊บ แม่ก็โทรมาบอกว่า หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าให้น้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อน เพราะขาหัก รอผ่าตัดวันอาทิตย์ ต้องรอให้น้องปรับสภาพร่างกายก่อนจะผ่าตัด จะทำให้น้องไม่ค่อยเจ็บมาก แต่ตอนที่พาไปแม่บอกเราว่าท้องน้องช้ำมาก เพราะน่าจะโดนรถชนเข้าอย่างแรง
แต่พอวันศุกร์ ตอนเช้าๆเค้าโทรมาบอกแม่เราว่ากลัวไส้น้องเลื่อน เลย x-ray ดู แต่ก็ไม่เป็น พอค่ำๆเราเรียนเสร็จ เรากับแม่ไปแวะเยี่ยมน้อง แต่เค้ากลับบอกอีกอย่างว่า ที่ต้องให้น้องรอผ่าตัดวันอาทิตย์ เพราะต้องรอหมอเข้ามาวันอาทิตย์ แต่เรากับแม่ก็ไม่ได้เอะใจค่ะ ว่าต้องรีบย้ายน้องอะไร เพราะตอนนั้นก็ประมาณ 2 ทุ่มแล้วค่ะ
พอตกวันเสาร์ตอนสายๆ ทางโรงพยาบาลที่นั่นได้โทรมาบอกแม่ว่า "สงสัย" ว่ากระเพาะปัสสาวะน้องจะแตก ให้รีบมาพาไปโรงพยาบาลสัตว์เล็กในเชียงใหม่ด่วน เลยรีบไปรับน้องที่โรงพยาบาลที่เอาไปไว้ตอนแรก รีบพาน้องเข้าโรงพยาบาลสัตว์เล็ก
ตอนที่เราไปถึงโรงพยาบาลที่เราพาน้องไปหาครั้งแรก เค้าบอกว่าน้องไม่ฉี่มาหลายวัน เค้าให้ยาอะไรซักอย่างมัน มันควรจะฉี่ แต่ก็ไม่ฉี่ เลยอัดแก๊สเข้าไป ทำให้เห็นว่ากะเพาะปัสสาวะน้องแตก
พอเราพาน้องไปถึงโรงพยาบาลสัตว์เล็กหมอเค้าก็ฉีดสีเข้าไป แล้ว x-ray เพื่อที่จะได้เห็นให้ชัดว่ากะเพาะปัสสาวะน้องแตกรึป่าว ผล x-ray ออกมาว่ากะเพาะปัสสาวะน้องไม่ได้แตกค่ะ แต่เป็นท่อปัสสาวะที่แตก (ยิ่งหนักกว่าเดิม T___T) แต่วันนี้ก็ต้องให้น้องพักที่โรงพยาบาลสัตว์เล็กก่อน เพื่อที่จะผ่าตัดวันอาทิตย์สาย
พอวันอาทิตย์ คุณหมอผ่าตัดที่รับผิดชอบน้องแฮร์รี่ได้โทรมาบอกว่า ค่าเลือดของน้อง อยู่ที่ 168 เกินจากปกติเยอะมาก เพราะปกติต้องอยู่ที่แค่ 50 และโอกาสรอดของน้องมีน้อยมาก โดยการผ่าตัดของน้อง จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง พอผ่านไป 4 ชั่วโมง คุณหมอเจ้าของไข้น้องก็โทรมาแจ้งว่าน้องปลอดภัยดี โดยหมอได้ผ่าตัดย้ายท่อปัสสาวะของน้องมาไว้ที่กลางหน้าท้อง เพราะท่อเก่าแตก และขาดแบบที่ไม่สามารถจะต่อได้ เราก็เลยรีบออกจากบ้านไปหาน้องที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก โดยจากบ้านเราไปที่นั่น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
พอเราไปถึง เราก็ได้รีบข่าวร้ายว่าน้องจากเราไปแล้ว เพราะน้องช็อกค่ะ น้องไปก่อนที่เราจะไปถึงแค่ไม่ถึงนาที T________T
น้องคงทนไม่ไหว และทรมานมาก
ที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้เราแค่อยากจะเตือนทุกคนที่เลี้ยงสัตว์ ว่าเวลาน้องเป็นอะไร เราอยากให้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่เลยดีกว่าค่ะ ไม่ควรจะพาไปที่โรงพยาบาลเล็กๆ ที่ไม่ได้มีสัตวแพทย์อยู่ประจำ เพราะโรงพยาบาลบางที่ เค้าไม่ได้มีจรรยาบรรพอที่จะบอกความจริงกับเรา ว่าเค้ารักษาไม่ได้ บางที่เค้าก็อยากได้เงินเรา แค่เพียงเงินเล็กๆน้อยๆ ไม่กี่พันบาทก็ยังจะเอาจากเรา แลกกับชีวิตของแมวทั้งชีวิตเค้าก็ไม่สนใจหรอกค่ะ
ถ้าเค้าบอกเราว่าเค้ารักษาแมวเราไม่ได้ เราก็จะได้รีบพาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่เลย น้องอาจจะมีโอกาสรอดมากกว่านี้ (นี่ในความคิดเรานะคะ) แต่เราก็ขอโทษตัวเราเองด้วย เราเองก็ไม่ทันนึกว่าเราควรจะรีบพาน้องไปโรงพยาบาลใหญ่เลย เพราะเราก็เชื่อหมอที่เค้าประจำอยู่ที่โรงพยาบาลที่คุณแม่พาไปตั้งแต่แรก ว่าต้องให้เวลาน้องปรับตัว ถึงจะผ่าตัดได้
แต่ยังไงก็ดี ตอนนี้น้องแฮร์รี่ได้ไปสบายแล้วค่ะ น้องไม่เจ็บปวด และทรมานแล้ว เพราะถ้าน้องยังมีชีวิตอยู่ น้องคงอยู่แบบทรมาน เพราะท่อฉี่น้องจะต้องอยู่ที่หน้าท้อง และจะทำให้มีฉี่ซึมออกมาตลอดเวลา
ขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ เราหวังว่าเรื่องที่เราเล่ามา จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่เลี้ยงสัตว์ไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^
ขออนุญาตเล่าเรื่องการรักษาน้องแมวของเรา เพื่อเป็นอุทาหรกับคนที่เลี้ยงสัตว์ทุกคนนะคะ
ตอนแรกคือวันพฤหัสที่ผ่านมา ตอนบ่ายๆแม่เราโทรมาบอก ให้หาเบอร์โรงพยาบาลสัตว์ที่นึง แม่บอกว่าแมวที่บ้านขาหัก พาไปคลินิกใกล้บ้านเค้าแนะนำโรงพยาบาลที่นี่ให้ เพราะใกล้บ้านเรา
พอแม่พาไปปุ๊บ แม่ก็โทรมาบอกว่า หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าให้น้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อน เพราะขาหัก รอผ่าตัดวันอาทิตย์ ต้องรอให้น้องปรับสภาพร่างกายก่อนจะผ่าตัด จะทำให้น้องไม่ค่อยเจ็บมาก แต่ตอนที่พาไปแม่บอกเราว่าท้องน้องช้ำมาก เพราะน่าจะโดนรถชนเข้าอย่างแรง
แต่พอวันศุกร์ ตอนเช้าๆเค้าโทรมาบอกแม่เราว่ากลัวไส้น้องเลื่อน เลย x-ray ดู แต่ก็ไม่เป็น พอค่ำๆเราเรียนเสร็จ เรากับแม่ไปแวะเยี่ยมน้อง แต่เค้ากลับบอกอีกอย่างว่า ที่ต้องให้น้องรอผ่าตัดวันอาทิตย์ เพราะต้องรอหมอเข้ามาวันอาทิตย์ แต่เรากับแม่ก็ไม่ได้เอะใจค่ะ ว่าต้องรีบย้ายน้องอะไร เพราะตอนนั้นก็ประมาณ 2 ทุ่มแล้วค่ะ
พอตกวันเสาร์ตอนสายๆ ทางโรงพยาบาลที่นั่นได้โทรมาบอกแม่ว่า "สงสัย" ว่ากระเพาะปัสสาวะน้องจะแตก ให้รีบมาพาไปโรงพยาบาลสัตว์เล็กในเชียงใหม่ด่วน เลยรีบไปรับน้องที่โรงพยาบาลที่เอาไปไว้ตอนแรก รีบพาน้องเข้าโรงพยาบาลสัตว์เล็ก
ตอนที่เราไปถึงโรงพยาบาลที่เราพาน้องไปหาครั้งแรก เค้าบอกว่าน้องไม่ฉี่มาหลายวัน เค้าให้ยาอะไรซักอย่างมัน มันควรจะฉี่ แต่ก็ไม่ฉี่ เลยอัดแก๊สเข้าไป ทำให้เห็นว่ากะเพาะปัสสาวะน้องแตก
พอเราพาน้องไปถึงโรงพยาบาลสัตว์เล็กหมอเค้าก็ฉีดสีเข้าไป แล้ว x-ray เพื่อที่จะได้เห็นให้ชัดว่ากะเพาะปัสสาวะน้องแตกรึป่าว ผล x-ray ออกมาว่ากะเพาะปัสสาวะน้องไม่ได้แตกค่ะ แต่เป็นท่อปัสสาวะที่แตก (ยิ่งหนักกว่าเดิม T___T) แต่วันนี้ก็ต้องให้น้องพักที่โรงพยาบาลสัตว์เล็กก่อน เพื่อที่จะผ่าตัดวันอาทิตย์สาย
พอวันอาทิตย์ คุณหมอผ่าตัดที่รับผิดชอบน้องแฮร์รี่ได้โทรมาบอกว่า ค่าเลือดของน้อง อยู่ที่ 168 เกินจากปกติเยอะมาก เพราะปกติต้องอยู่ที่แค่ 50 และโอกาสรอดของน้องมีน้อยมาก โดยการผ่าตัดของน้อง จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง พอผ่านไป 4 ชั่วโมง คุณหมอเจ้าของไข้น้องก็โทรมาแจ้งว่าน้องปลอดภัยดี โดยหมอได้ผ่าตัดย้ายท่อปัสสาวะของน้องมาไว้ที่กลางหน้าท้อง เพราะท่อเก่าแตก และขาดแบบที่ไม่สามารถจะต่อได้ เราก็เลยรีบออกจากบ้านไปหาน้องที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก โดยจากบ้านเราไปที่นั่น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
พอเราไปถึง เราก็ได้รีบข่าวร้ายว่าน้องจากเราไปแล้ว เพราะน้องช็อกค่ะ น้องไปก่อนที่เราจะไปถึงแค่ไม่ถึงนาที T________T
น้องคงทนไม่ไหว และทรมานมาก
ที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้เราแค่อยากจะเตือนทุกคนที่เลี้ยงสัตว์ ว่าเวลาน้องเป็นอะไร เราอยากให้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่เลยดีกว่าค่ะ ไม่ควรจะพาไปที่โรงพยาบาลเล็กๆ ที่ไม่ได้มีสัตวแพทย์อยู่ประจำ เพราะโรงพยาบาลบางที่ เค้าไม่ได้มีจรรยาบรรพอที่จะบอกความจริงกับเรา ว่าเค้ารักษาไม่ได้ บางที่เค้าก็อยากได้เงินเรา แค่เพียงเงินเล็กๆน้อยๆ ไม่กี่พันบาทก็ยังจะเอาจากเรา แลกกับชีวิตของแมวทั้งชีวิตเค้าก็ไม่สนใจหรอกค่ะ
ถ้าเค้าบอกเราว่าเค้ารักษาแมวเราไม่ได้ เราก็จะได้รีบพาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่เลย น้องอาจจะมีโอกาสรอดมากกว่านี้ (นี่ในความคิดเรานะคะ) แต่เราก็ขอโทษตัวเราเองด้วย เราเองก็ไม่ทันนึกว่าเราควรจะรีบพาน้องไปโรงพยาบาลใหญ่เลย เพราะเราก็เชื่อหมอที่เค้าประจำอยู่ที่โรงพยาบาลที่คุณแม่พาไปตั้งแต่แรก ว่าต้องให้เวลาน้องปรับตัว ถึงจะผ่าตัดได้
แต่ยังไงก็ดี ตอนนี้น้องแฮร์รี่ได้ไปสบายแล้วค่ะ น้องไม่เจ็บปวด และทรมานแล้ว เพราะถ้าน้องยังมีชีวิตอยู่ น้องคงอยู่แบบทรมาน เพราะท่อฉี่น้องจะต้องอยู่ที่หน้าท้อง และจะทำให้มีฉี่ซึมออกมาตลอดเวลา
ขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ เราหวังว่าเรื่องที่เราเล่ามา จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่เลี้ยงสัตว์ไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^