วันนี้อายขอมารีวิวหนัง 2 เรื่องควบค่ะ
เนื่องจากทั้ง 2 เรื่องนี้มีความใกล้เคียงกันโดยบังเอิญอย่างมาก
ทั้งมู้ดและโทน
แต่ละเรื่องจะมีจุดเด่นทางการเล่าเรื่องต่างกันไป
เป็นหนังที่อาจจะนอกกระแสและเป็นหนังสายรางวัลสักนิดหนึ่ง
ถือว่าเป็นทางเลือกแล้วกัน
แถมฝนยังตกเกือบทุกวันแบบนี้
ถือว่าเหมาะทีเดียว
ไปชมกันเลยค่ะ
The Woodsman and The Rain : ช่างไม้, สายฝน
เช้านั้นกรมอุตุฯบอกว่า ฟ้าจะสว่างสดใส
แต่กลายเป็นว่า ตกบ่ายฝนดันตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว
คัทซึฮิโกะเลยต้องหยุดมือ
แล้วเข้าไปนั่งกินเบนโตะที่ทำมาเองกับเพื่อนร่วมงานแทน
ฝนตกน่ะ เราออกไปตัดไม้ไม่ได้หรอกนะ
รถกองถ่ายหนังคันหนึ่งดันมาเสียในหมู่บ้าน
คัทซึรับพวกเขา 2 คนขึ้นรถและอาสาจะไปส่งยังจุดหมาย
ตาแว่น 1 คน เด็กหนุ่ม 1 คน ช่างไม้ 1 คน นั่งแออัดกันที่เบาะหน้า
แต่กลายเป็นว่าคัทซึต้องพาพวกเขาไปดูโลเคชั่นถ่ายทำแทน
คัทซึแนะนำไปหลายที่ แต่คนพวกนั้นดันบอกไปไม่เป็น
เขาเลยต้องพาไปตามประสา คนบ้านนอกใจดี
ตาคนใส่แว่นบอกว่า "ขอรบกวนเป็นครั้งสุดท้าย"
ให้นำทางทีมงานไปยังโลเคชั่นที่เลือกไว้
คัทซึไม่มีธุระรีบด่วนอะไร เลยยอมพาพวกเขาไป
หมอนั่นโกหก
เรื่องที่บอกว่า .. รบกวนเป็นครั้งสุดท้าย
เพราะ รู้ตัวอีกที เขาก็กลายเป็นตัวประกอบใน "หนังซอมบี้" ของพวกเขาไปเสียแล้ว
อ่า .. เขาได้เล่นหนัง .. ครั้งแรกในชีวิต และ .. แสดงเป็นซอมบี้
วันต่อมา
ตาหนวดมาชวนเขาไปดูการฉายหนังส่วนที่ถ่ายไปแล้ว
ทีมงานจะเปิดฉายดูในโรงแรม
คัทซึ ไม่ได้สนใจนัก
แต่รู้ตัวอีกที เขาก็นั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าทีมงานที่เตรียมเปิดฉายหนังเรียบร้อยแล้ว
คัทซึกลับไปแช่ออนเซนในหมู่บ้านพร้อมรอยยิ้ม
เขาได้เห็นตัวเองบนจอทีวีครั้งแรก แถมยังเป็นส่วนหนึ่งในหนังเสียด้วย
แล้ว ..
ไอ้หนุ่มคนนั้น คนที่มาพร้อมตาหนวด ก็เดินเข้ามา
คัทซึแปลกใจที่เขาไม่ได้พักที่โรงแรมของทีมงาน เพราะออนเซนที่นี่ไกลจากโรงแรมมาก
พวกเขาสนทนากันเล็กน่อย
คัทซึอาสาไปส่งเด็กหนุ้มที่สถานี เขาบอกว่าจะกลับโตเกียว
ระหว่างทาง คัทซึถามถึงหนังที่เขาได้เล่นเป็นซอมบี้
"มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร"
"ก็...ซอมบี้ไงครับ"
"ฉันหมายถึง เรื่องราวมันเป็นยังไง เนื้อเรื่องน่ะ"
"คุณสนใจจริงๆเหรอครับ"
"ฉันสนสิ นายเล่าเถอะน่า"
"ก็... เรื่องมันเกิดขึ้นในอนาคต ....... "
เด็กหนุ่มเล่าเรื่อง พร้อมกับถามคัทซึว่า "แน่ใจนะว่าอยากฟัง" อยู่เรื่อยๆ คัทซึก็ตอบเขาว่า
มันน่าสนใจมาก เป็นพลอตเรื่องที่น่าสนใจ
พอถึงสถานีรถไฟ เด็กหนุ่มยื่นบทหนังให้เขา แล้วจากไป
คัทซึรับมันมา
เขาอ่านมันในรถ จนกระทั่งถึงตอนจบ .. คัทซึหยิบทิชชูขึ้นมาซับน้ำตาตัวเอง
ขณะเดียวกับที่ เด็กหนุ่มกำลังคู้ตัวอยู่ที่ชานชาลาสถานี
"ผมขอโทษ ผมเสียใจ" เขาพึมพำซ้ำๆอยู่เช่นนั้น
พร้อมกับ ตาหนวดที่คอยยืนบ่นเขาอยู่
ชายอีกคนที่มาด้วยกัน พยายามห้ามปรามตาหนวดไม่ให้บ่นเด็กหนุ่มไปมากกว่านี้
"ให้เวลาผู้กำกับเขาหน่อยเถอะ"
..
.
.
เด็กหนุ่มท่าทางหวาดกลัว และั ไม่มั่นใจ คนนั้น คือ "ผู้กำกับ" นั่นเอง ...
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
บางคนก็บอกว่า นี่เป็นหนังญี่ปุ่นที่ดีที่สุดของปี 2011
มันออกจะญี่ปุ่นไปสีกหน่อย .. อันที่จริงมันก็ญี่ปุ่นมากๆเลยล่ะ
บรรยากาศหนังสุดเงียบเชียบ บทสนทนาชวนมึนงง ตัวละครและพลอตเรื่องไม่มีที่มาที่ไป
กว่าจะได้รู้ความกัน ก็ปาเข้าไปกลางเรื่องแล้ว ว่า พวกเขามาทำอะไร มาทำไม ใครเป็นใึคร
แต่นี่ก็เป็นหนังญี่ปุ่นที่น่ารักมากๆเรื่องหนึ่ง
เป็นความสัมพันธ์แบบผู้ชายๆ เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีแบบผู้ชายๆ เป็นเรื่องของชีวิตแบบผู้ชายๆ
คัทซึเป็นช่างไม้ที่เป็นพ่อหม้าย เลี้ยงลูกชายวัยรุ่นเพียงคนเดียว เขาทำหน้าที่เป็นพ่อและแม่ให้กับลูกชาย
เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นๆนัก จนกระทั่งกองถ่ายหนังเข้ามาในหมู่บ้าน
และการที่เขาได้รู้จักกับ โคอิจิ ผู้กำกับหนุ่มที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ในบางแง่มุมของชีวิตเด็กหนุ่มอายุ 25
ได้สอนให้ผู้ใหญ่อายุ 60 แบบเขาได้พยายามมองโลกอีกครั้ง จากที่ไม่ได้สนใจมันเลย
โคอิจิ ไม่ชอบหนังของตัวเอง เขาไม่มั่นใจ และ เกลียดมัน เกลียดบทหนังที่ตัวเองเขียน เกลียดหนังที่ตัวเองกำกับ เขาไม่มีความมั่นใจในการทำงานนี้เลย บางครั้งมันทำให้เขาอยากอ้วก
จนกระทั่ง .. จนกระทั่ง คัทซึบอกว่ามันน่าสนใจ คัทซึบอกว่าเขาร้องไห้ตอนอ่านบท
โคอิจิกลับมาพยายามอีกครั้ง
หลังจากฝนตกหนัก คือ ฟ้าอันสว่างสดใส
นั่นคือเรื่องราวของทั้งคู่ ...
มันไม่เชิงว่าเป็นหนัง Feel Good อะไรนัก แม้จะค่อนข้างอืดอาดในการเล่าเรื่อง
แต่พลอตเรื่องค่อนข้างมีไดนามิค มีจุดพลิกผัน เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งเรื่องเลยทีเดียว
มีมุกขำๆแทรกอยู่ตลอดเวลา มีความน่ารักตามวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น
สิ่งที่ชอบมากคือ บทของ โคอิจิที่เป็นผู้กำกับ
ที่แม้จะรักงานของตัวเองแค่ไหน แต่เค้าไม่มีความมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเลย
เขาหวาดกลัวความผิดพลาด และความเป็นมือใหม่ของตัวเอง
เราได้เห็นพัฒนาการการกำกับหนังที่ดีขึ้น
พร้อมๆกับความมั่นใจที่มากขึ้น หลังจากโคอิจิได้พบ คัทซึ
ประโยคเดียวของ โคอิจิ ทำให้ชีวิตของคัทซึเปลี่ยนไป
ขณะที่ประโยคเดียวของ คัทซึ ก็ทำให้ชีวิตของ โคอิจิ เปลี่ยนไปเช่นกัน
การผ่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันโดยบังเอิญ
ได้เปลี่ยนแปลงพวกเขาไปตลอดกาล
โดยที่พวกเขาแทบไม่รู้ตัว
นั่นคือ
เรื่องราวของ "มิตรภาพ" นั่นเอง
[รีวิวหนังนอกกระแส] The Woodsman and The Rain + Prince Avalanche = ป่าคือการค้นพบ
เนื่องจากทั้ง 2 เรื่องนี้มีความใกล้เคียงกันโดยบังเอิญอย่างมาก
ทั้งมู้ดและโทน
แต่ละเรื่องจะมีจุดเด่นทางการเล่าเรื่องต่างกันไป
เป็นหนังที่อาจจะนอกกระแสและเป็นหนังสายรางวัลสักนิดหนึ่ง
ถือว่าเป็นทางเลือกแล้วกัน
แถมฝนยังตกเกือบทุกวันแบบนี้
ถือว่าเหมาะทีเดียว
ไปชมกันเลยค่ะ
The Woodsman and The Rain : ช่างไม้, สายฝน
เช้านั้นกรมอุตุฯบอกว่า ฟ้าจะสว่างสดใส
แต่กลายเป็นว่า ตกบ่ายฝนดันตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว
คัทซึฮิโกะเลยต้องหยุดมือ
แล้วเข้าไปนั่งกินเบนโตะที่ทำมาเองกับเพื่อนร่วมงานแทน
ฝนตกน่ะ เราออกไปตัดไม้ไม่ได้หรอกนะ
รถกองถ่ายหนังคันหนึ่งดันมาเสียในหมู่บ้าน
คัทซึรับพวกเขา 2 คนขึ้นรถและอาสาจะไปส่งยังจุดหมาย
ตาแว่น 1 คน เด็กหนุ่ม 1 คน ช่างไม้ 1 คน นั่งแออัดกันที่เบาะหน้า
แต่กลายเป็นว่าคัทซึต้องพาพวกเขาไปดูโลเคชั่นถ่ายทำแทน
คัทซึแนะนำไปหลายที่ แต่คนพวกนั้นดันบอกไปไม่เป็น
เขาเลยต้องพาไปตามประสา คนบ้านนอกใจดี
ตาคนใส่แว่นบอกว่า "ขอรบกวนเป็นครั้งสุดท้าย"
ให้นำทางทีมงานไปยังโลเคชั่นที่เลือกไว้
คัทซึไม่มีธุระรีบด่วนอะไร เลยยอมพาพวกเขาไป
หมอนั่นโกหก
เรื่องที่บอกว่า .. รบกวนเป็นครั้งสุดท้าย
เพราะ รู้ตัวอีกที เขาก็กลายเป็นตัวประกอบใน "หนังซอมบี้" ของพวกเขาไปเสียแล้ว
อ่า .. เขาได้เล่นหนัง .. ครั้งแรกในชีวิต และ .. แสดงเป็นซอมบี้
วันต่อมา
ตาหนวดมาชวนเขาไปดูการฉายหนังส่วนที่ถ่ายไปแล้ว
ทีมงานจะเปิดฉายดูในโรงแรม
คัทซึ ไม่ได้สนใจนัก
แต่รู้ตัวอีกที เขาก็นั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าทีมงานที่เตรียมเปิดฉายหนังเรียบร้อยแล้ว
คัทซึกลับไปแช่ออนเซนในหมู่บ้านพร้อมรอยยิ้ม
เขาได้เห็นตัวเองบนจอทีวีครั้งแรก แถมยังเป็นส่วนหนึ่งในหนังเสียด้วย
แล้ว ..
ไอ้หนุ่มคนนั้น คนที่มาพร้อมตาหนวด ก็เดินเข้ามา
คัทซึแปลกใจที่เขาไม่ได้พักที่โรงแรมของทีมงาน เพราะออนเซนที่นี่ไกลจากโรงแรมมาก
พวกเขาสนทนากันเล็กน่อย
คัทซึอาสาไปส่งเด็กหนุ้มที่สถานี เขาบอกว่าจะกลับโตเกียว
ระหว่างทาง คัทซึถามถึงหนังที่เขาได้เล่นเป็นซอมบี้
"มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร"
"ก็...ซอมบี้ไงครับ"
"ฉันหมายถึง เรื่องราวมันเป็นยังไง เนื้อเรื่องน่ะ"
"คุณสนใจจริงๆเหรอครับ"
"ฉันสนสิ นายเล่าเถอะน่า"
"ก็... เรื่องมันเกิดขึ้นในอนาคต ....... "
เด็กหนุ่มเล่าเรื่อง พร้อมกับถามคัทซึว่า "แน่ใจนะว่าอยากฟัง" อยู่เรื่อยๆ คัทซึก็ตอบเขาว่า
มันน่าสนใจมาก เป็นพลอตเรื่องที่น่าสนใจ
พอถึงสถานีรถไฟ เด็กหนุ่มยื่นบทหนังให้เขา แล้วจากไป
คัทซึรับมันมา
เขาอ่านมันในรถ จนกระทั่งถึงตอนจบ .. คัทซึหยิบทิชชูขึ้นมาซับน้ำตาตัวเอง
ขณะเดียวกับที่ เด็กหนุ่มกำลังคู้ตัวอยู่ที่ชานชาลาสถานี
"ผมขอโทษ ผมเสียใจ" เขาพึมพำซ้ำๆอยู่เช่นนั้น
พร้อมกับ ตาหนวดที่คอยยืนบ่นเขาอยู่
ชายอีกคนที่มาด้วยกัน พยายามห้ามปรามตาหนวดไม่ให้บ่นเด็กหนุ่มไปมากกว่านี้
"ให้เวลาผู้กำกับเขาหน่อยเถอะ"
..
.
.
เด็กหนุ่มท่าทางหวาดกลัว และั ไม่มั่นใจ คนนั้น คือ "ผู้กำกับ" นั่นเอง ...
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
||||||||||||||||||||||||
บางคนก็บอกว่า นี่เป็นหนังญี่ปุ่นที่ดีที่สุดของปี 2011
มันออกจะญี่ปุ่นไปสีกหน่อย .. อันที่จริงมันก็ญี่ปุ่นมากๆเลยล่ะ
บรรยากาศหนังสุดเงียบเชียบ บทสนทนาชวนมึนงง ตัวละครและพลอตเรื่องไม่มีที่มาที่ไป
กว่าจะได้รู้ความกัน ก็ปาเข้าไปกลางเรื่องแล้ว ว่า พวกเขามาทำอะไร มาทำไม ใครเป็นใึคร
แต่นี่ก็เป็นหนังญี่ปุ่นที่น่ารักมากๆเรื่องหนึ่ง
เป็นความสัมพันธ์แบบผู้ชายๆ เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีแบบผู้ชายๆ เป็นเรื่องของชีวิตแบบผู้ชายๆ
คัทซึเป็นช่างไม้ที่เป็นพ่อหม้าย เลี้ยงลูกชายวัยรุ่นเพียงคนเดียว เขาทำหน้าที่เป็นพ่อและแม่ให้กับลูกชาย
เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นๆนัก จนกระทั่งกองถ่ายหนังเข้ามาในหมู่บ้าน
และการที่เขาได้รู้จักกับ โคอิจิ ผู้กำกับหนุ่มที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ในบางแง่มุมของชีวิตเด็กหนุ่มอายุ 25
ได้สอนให้ผู้ใหญ่อายุ 60 แบบเขาได้พยายามมองโลกอีกครั้ง จากที่ไม่ได้สนใจมันเลย
โคอิจิ ไม่ชอบหนังของตัวเอง เขาไม่มั่นใจ และ เกลียดมัน เกลียดบทหนังที่ตัวเองเขียน เกลียดหนังที่ตัวเองกำกับ เขาไม่มีความมั่นใจในการทำงานนี้เลย บางครั้งมันทำให้เขาอยากอ้วก
จนกระทั่ง .. จนกระทั่ง คัทซึบอกว่ามันน่าสนใจ คัทซึบอกว่าเขาร้องไห้ตอนอ่านบท
โคอิจิกลับมาพยายามอีกครั้ง
หลังจากฝนตกหนัก คือ ฟ้าอันสว่างสดใส
นั่นคือเรื่องราวของทั้งคู่ ...
มันไม่เชิงว่าเป็นหนัง Feel Good อะไรนัก แม้จะค่อนข้างอืดอาดในการเล่าเรื่อง
แต่พลอตเรื่องค่อนข้างมีไดนามิค มีจุดพลิกผัน เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งเรื่องเลยทีเดียว
มีมุกขำๆแทรกอยู่ตลอดเวลา มีความน่ารักตามวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น
สิ่งที่ชอบมากคือ บทของ โคอิจิที่เป็นผู้กำกับ
ที่แม้จะรักงานของตัวเองแค่ไหน แต่เค้าไม่มีความมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเลย
เขาหวาดกลัวความผิดพลาด และความเป็นมือใหม่ของตัวเอง
เราได้เห็นพัฒนาการการกำกับหนังที่ดีขึ้น
พร้อมๆกับความมั่นใจที่มากขึ้น หลังจากโคอิจิได้พบ คัทซึ
ประโยคเดียวของ โคอิจิ ทำให้ชีวิตของคัทซึเปลี่ยนไป
ขณะที่ประโยคเดียวของ คัทซึ ก็ทำให้ชีวิตของ โคอิจิ เปลี่ยนไปเช่นกัน
การผ่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันโดยบังเอิญ
ได้เปลี่ยนแปลงพวกเขาไปตลอดกาล
โดยที่พวกเขาแทบไม่รู้ตัว
นั่นคือ
เรื่องราวของ "มิตรภาพ" นั่นเอง