เห็นกระทู้เกี่ยวกับสวนยาง เยอะ เลยขอร่วมแสดงความคิดเห็นบ้าง
เอาเป็นว่าตั้งแต่รุ่นตา ไปได้ที่ดินจากการจัดสรรของนิคมสร้างตนเอง มาปลูกยาง จากเดิมอยู่อีกจังหวัดมีแต่ที่นา
สมัยแรกยังปลูกยางจากการเพราะเมล็ด หรือได้ข่าวว่าสวนไหน น้ำยางเยอะก็ไปเอากล้าจากโคนต้นมาชำมาปลูก
พอมารุ่นผมมาโค่นปลูกใหม่เพราะหมดอายุ ตอนปี 35-38 ต้องทยอยโค่น/ปลูก กังวลเกี่ยวกับรายได้ และ ดูแล
ไม่ทัน(ช่วงนั้นลังเลระหว่างปลูก ลองกอง กับทุเรียน เพราะราคาดี)
สุดท้ายเลือกปลูกยางเหมือนเดิมเพราะ เหตุผลว่า
”ดูแลง่าย”กว่า ช่วงก่อนหน้านั้นราคายาง ไม่เกิน 18 บาท/กก ขี้ยาง 9 บาท/กก(มีเพียงปีเดียวราคา 21 บาท/กก) ดีใจสุดๆ
ถึงเวลาเปิดหน้ายางใหม่ ได้ปีกว่า มีนายกฯ ท่านหนึ่งพูดออกทีวีว่า “จะทำให้ราคายางไม่ต่ำกว่า 1 USD “ยังคิดเลย
เป็นไปได้เหรอ ผลปรากฏว่า”เกิน 1 USD”ด้วยซ้ำ นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีมานี่เอง
สำหรับตอนนี้ก็นำผลจากราคายางนี่แหละมาขยายผล โดยซื้อของ “ตามความจำเป็น” เป็นหลัก “ตามความต้องการ”เป็นรอง
ค่อยๆต่อยอด ทุเรียน, ลองกอง, มังคุด, เงาะ, สะตอ ปลูกบ้าง ตามชายสวนให้พอกินแบบไม่ต้องซื้อ
คนที่ช่วยกรีดยางที่บ้าน
1.เป็นคนพื้นที่ บ้านใกล้เรือนเคียงซึ่งมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่มีต่างชาติเลย(ขนาดคนพื้นที่ยังมียางไม่พอกรีด)
2.ครอบครัวหนึ่งมีรายได้สัปดาห์ละ 2-3 พันบาท ก็อยู่ได้ พ่อ/แม่/ลูก
3.ที่นี่ส่วนมากจะขายเป็นขี้ยาง กรีดวันละ 2-3 ชม. 3-4 วันเก็บครั้ง เวลาที่เหลือจากกรีดยางไปทำอย่างอื่นได้
4.สัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อค้าโช่เล่(วิ่งตามสวน)รับขี้ยางที่โลละ 29 บาท หากไปส่งเองที่ร้านใหญ่ๆ ยัง 30 กว่าบาท
ก็พออยู่ได้ คนที่กรีดก็ยังพออยู่ได้คุ้ม เพราะทำงานแค่วันละ 2-3 ชม.เอง
ต้นทุนตอนเริ่มเปิดหน้ายาง
1.ถ้วยพลาสติก
2.สปริงสำหรับวางถ้วย
3.รางน้ำยางสำหรับตอกเข้าเปลือกยางให้ไหลลงถ้วย
แบ่ง 50/50 มีเงือนไขว่า
- คนกรีดต้องถางหญ้าในสวน
- คนกรีดต้องใส่ปุ๋ย
- เจ้าของต้องซื้อปุ๋ยให้
ต้นทุนเจ้าของสวน เมื่อ 7-25 ปี
1.ปุ๋ย
2.คอยดูคนกรีดไม่ให้เกเร
3.รับตังค์
ต้นทุนคนกรีด
1.มีดกรีดยาง
2.หินลับมีด
3.แรงสำหรับกรีดยาง/ถางหญ้า
หมายเหตุ.ราคายางที่บ่นๆอยู่ตอนนี้ ป้ายแดงไม่พอใน 3 จังหวัดใต้ เริ่มวิ่งแต่กรอบป้ายตั้งแต่ 3 ปี ก่อนแล้ว
สวนยาง 3 จังหวัดใต้ตอนล่าง
เอาเป็นว่าตั้งแต่รุ่นตา ไปได้ที่ดินจากการจัดสรรของนิคมสร้างตนเอง มาปลูกยาง จากเดิมอยู่อีกจังหวัดมีแต่ที่นา
สมัยแรกยังปลูกยางจากการเพราะเมล็ด หรือได้ข่าวว่าสวนไหน น้ำยางเยอะก็ไปเอากล้าจากโคนต้นมาชำมาปลูก
พอมารุ่นผมมาโค่นปลูกใหม่เพราะหมดอายุ ตอนปี 35-38 ต้องทยอยโค่น/ปลูก กังวลเกี่ยวกับรายได้ และ ดูแล
ไม่ทัน(ช่วงนั้นลังเลระหว่างปลูก ลองกอง กับทุเรียน เพราะราคาดี)
สุดท้ายเลือกปลูกยางเหมือนเดิมเพราะ เหตุผลว่า
”ดูแลง่าย”กว่า ช่วงก่อนหน้านั้นราคายาง ไม่เกิน 18 บาท/กก ขี้ยาง 9 บาท/กก(มีเพียงปีเดียวราคา 21 บาท/กก) ดีใจสุดๆ
ถึงเวลาเปิดหน้ายางใหม่ ได้ปีกว่า มีนายกฯ ท่านหนึ่งพูดออกทีวีว่า “จะทำให้ราคายางไม่ต่ำกว่า 1 USD “ยังคิดเลย
เป็นไปได้เหรอ ผลปรากฏว่า”เกิน 1 USD”ด้วยซ้ำ นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีมานี่เอง
สำหรับตอนนี้ก็นำผลจากราคายางนี่แหละมาขยายผล โดยซื้อของ “ตามความจำเป็น” เป็นหลัก “ตามความต้องการ”เป็นรอง
ค่อยๆต่อยอด ทุเรียน, ลองกอง, มังคุด, เงาะ, สะตอ ปลูกบ้าง ตามชายสวนให้พอกินแบบไม่ต้องซื้อ
คนที่ช่วยกรีดยางที่บ้าน
1.เป็นคนพื้นที่ บ้านใกล้เรือนเคียงซึ่งมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่มีต่างชาติเลย(ขนาดคนพื้นที่ยังมียางไม่พอกรีด)
2.ครอบครัวหนึ่งมีรายได้สัปดาห์ละ 2-3 พันบาท ก็อยู่ได้ พ่อ/แม่/ลูก
3.ที่นี่ส่วนมากจะขายเป็นขี้ยาง กรีดวันละ 2-3 ชม. 3-4 วันเก็บครั้ง เวลาที่เหลือจากกรีดยางไปทำอย่างอื่นได้
4.สัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อค้าโช่เล่(วิ่งตามสวน)รับขี้ยางที่โลละ 29 บาท หากไปส่งเองที่ร้านใหญ่ๆ ยัง 30 กว่าบาท
ก็พออยู่ได้ คนที่กรีดก็ยังพออยู่ได้คุ้ม เพราะทำงานแค่วันละ 2-3 ชม.เอง
ต้นทุนตอนเริ่มเปิดหน้ายาง
1.ถ้วยพลาสติก
2.สปริงสำหรับวางถ้วย
3.รางน้ำยางสำหรับตอกเข้าเปลือกยางให้ไหลลงถ้วย
แบ่ง 50/50 มีเงือนไขว่า
- คนกรีดต้องถางหญ้าในสวน
- คนกรีดต้องใส่ปุ๋ย
- เจ้าของต้องซื้อปุ๋ยให้
ต้นทุนเจ้าของสวน เมื่อ 7-25 ปี
1.ปุ๋ย
2.คอยดูคนกรีดไม่ให้เกเร
3.รับตังค์
ต้นทุนคนกรีด
1.มีดกรีดยาง
2.หินลับมีด
3.แรงสำหรับกรีดยาง/ถางหญ้า
หมายเหตุ.ราคายางที่บ่นๆอยู่ตอนนี้ ป้ายแดงไม่พอใน 3 จังหวัดใต้ เริ่มวิ่งแต่กรอบป้ายตั้งแต่ 3 ปี ก่อนแล้ว