สิ่งที่อยู่ใน Spoil คือรายละเอียดที่มีอยู่ในเกม
(คดีนี้ตัดกระสุนหลักฐานไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหลักฐานที่เอาไว้ใช้จับโกหกคนอื่นเพราะในอนิเมะแต่ละคนไม่ค่อยดริฟเหมือนในเกม)
เปิดฉากสืบหาตัวคนร้าย
เริ่มมาอาซาฮินะจะประกาศเลยว่าคนร้ายจะต้องเป็นหนึ่งในสามคนที่ซากุระเรียกไปคุยด้วยก่อนตาย ได้แก่ โทกามิ ฟุคาวะ และ ฮากาคุเระ
แต่ทั้งสามคนต่างก็ปฏิเสธโดยบอกว่าถึงจะถูกเชิญไปแต่ก็ไม่ได้ไปตามนัด
ในอนิเมะฟุคาวะจะแฉเรื่องราวออกมาเลย
แต่ในเกมเราจะต้องจับผิดและไล่ต้อนผู้ต้องสงสัยเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คำพูดปฏิเสธของฮากาคุเระจะถูกหักล้างไปเพราะในตอนหาหลักฐานฮากาคุเระทำกระดาษห่อลูกอมตกซึ่งเป็นลูกอมที่อาซาฮินะให้ซากุระไปก่อนเกิดคดี
อาซาฮินะยังพูดเสริมอีกว่าเธอเข้าไปเอาลูกอมออกมาเก็บไว้กินคนเดียวตั้งแต่แรกจนทำให้ฮากาคุเระยอมรับว่าเขาได้มันมาจากซากุระ
ถึงจะเป็นเช่นนั้นฮากาคุเระก็ยังแถว่าได้มันมาก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมตั้งนานแล้ว
แต่คำพูดก็ถูกหักล้างเนื่องจากครั้งสุดท้ายที่ฮากาคุเระเจอกับซากุระก่อนเกิดเหตุคือในห้องพยาบาลซึ่งในตอนนั้นอาซาฮินะยังไม่ได้ให้ลูกอมกับซากุระ
ในที่สุดฮากาคุเระก็ยอมรับว่าได้ไปพบกับซากุระที่สถานที่เกิดเหตุจริง ๆ แต่ถึงจะไปพบแต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ก่อเหตุฆาตกรรม โดยใช้ dying message ที่ถูกพบในที่เกิดเหตุเป็นข้ออ้าง ซึ่งเป็นอักษรเลือดเขียนเป็นชื่อของฟุคาวะที่ถูกซ่อนอยู่ในนิตยสารกลับหัว
แต่คิริกิริก็ขัดขึ้นมาโดยถามว่าฮากาคุเระรู้ได้อย่างไรว่ามีหลักฐานชิ้นนี้อยู่ เพราะหลังจากที่พวกเขาพบศพ อาซาฮินะก็ห้ามไม่ให้ผู้ต้องสงสัยทั้งสามคนมายุ่งกับสถานที่เกิดเหตุทันที ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ฮากาคุเระจะมีโอกาสได้เห็นอักษรเลือดที่ถูกเขียนไว้ในนิตยาสารซึ่งถูกเก็บอยู่ในชั้นวางหนังสือ
จนสุดท้ายฮากาคุเระก็ยังไม่ยอมแพ้แล้วแถต่อไปว่ายังไงซะ dying message ของซากุระก็ยังบ่งบอกว่าคนร้ายคือฟุคาวะอยู่ดี
แต่ก็โดนแย้งกลับไปว่าแท้ที่จริงแล้วซากุระไม่ใช่คนที่เขียน dying message นั้นเนื่องจากไม่มีนิ้วมือไหนของซากุระที่มีคราบเลือดเปื้อนอยู่เลย
เมื่อจนมุมจนแถต่อไม่ได้ฮากาคุเระจึงยอมรับว่าตัวเองเป็นคนฆ่าซากุระแล้วยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
โดยเมื่อไปพบกับซากุระตามคำเชิญแล้ว ซากุระเห็นฮากาคุเระนั่งหน้าเครียดเลยยกลูกอมให้ฮากาคุเระ
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งรอคนอื่น ๆ แต่ไม่มีใครมา แล้วจู่ ๆ ซากุระก็พึมพำออกมาว่า "ในที่สุดทุก ๆ อย่างก็จะจบลงซักที"
ฮากาคุเระคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกฆ่าเลยใช้ขวดโมโนคุมะฟาดหัวซากุระจนล้มลง
พอตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งฆ่าคนไปก็เลยกลัวแล้วสร้าง dying message ปลอมทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุก่อนที่ตัวเองจะหนีไป
เมื่อเล่าจบอาซาฮินะก็พูดขึ้นมาว่าไหน ๆ คนร้ายก็สารภาพแล้วก็มาเริ่มโหวตกันเลยดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ถูกคิริกิริขัดเอาไว้โดยบอกว่ายังมีบางเรื่องที่ยังไม่กระจ่าง เนื่องจากฮากาคุเระเล่าว่าทิ้งนิตยสารไว้บนโต๊ะ ดังนั้นการที่เธอพบนิตยสารถูกเก็บอยู่ในชั้นวางหนังสือก็แสดงว่าพอฮากาคุเระหนีออกจากสถานที่เกิดเหตุไปแล้วยังมีคนอื่นที่เข้าไปยุ่งกับสถานที่เกิดเหตุหลังจากนั้นอีก
คิริกิริจึงเริ่มสันนิษฐานต่อไปว่าถ้าจะมีคนเอาหลักฐานปลอมไปซ่อน คน ๆ นั้นก็น่าจะเป็นคนที่เห็นว่าหลักฐานชิ้นนั้นเป็นผลร้ายกับตัวเอง ซึ่งก็คือฟุคาวะ ผู้ที่ถูกเขียนชื่อลงไปนั่นเอง
แต่เนื่องจากคิริกิริสำรวจพบร่องรอยการถูกฟาดด้วยขวดโมโนคุมะเข้าที่ศรีษะสองครั้ง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการถูกฟาดครั้งแรกนั้นไม่ใช่สาเหตุการตายที่แท้จริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฟุคาวะถามคิริกิริว่าแค่ได้เห็นแผลบนศพทำไมถึงรู้ว่าซากุระถูกฟาดด้วยขวดโมโนคุมะทั้งสองครั้ง
คิริกิริจึงตอบว่าขวดโมโนคุมะที่เหลืออยู่ในสถานที่เกิดเหตุนั้นมีแค่ 4 ขวดทั้งที่สมควรจะมีถึง 6 ขวด
เนื่องจากโมโนคุมะในขวดแต่ละขวดนั้นถือตัวหมากรุกอยู่ ซึ่งถ้าสังเกตดูดี ๆ แล้วจะเห็นได้ว่านอกจากม้าที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุแล้วยังมีควีนหายไปอีกหนึ่งตัว
ฟุคาวะพูดเบี่ยงว่าอาจจะมีใครเอาไปเก็บไว้ก็ได้
แต่คิริกิริยังคงยืนยันว่าขวดถูกใช้เป็นอาวุธเนื่องจากเธอคาดการณ์เรื่องนี้ออกตั้งแต่แรกแล้วจึงเก็บเศษแก้วทั้งหมดในที่เกิดเหตุไปชั่งน้ำหนักเทียบกับขวดอื่น ๆ ผลปรากฏว่าเศษแก้วทั้งหมดในที่เกิดเหตุนั้นหนักกว่าขวดอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด จึงสรุปได้ว่ามีขวดโมโนคุมะแตกอยู่ตรงนั้นมากกว่าหนึ่งขวด
คิริกิริจึงพุ่งเป้าไปที่ฟุคาวะ โดยมีฮากาคุเระสนับสนุนอีกว่าที่เขากล้าเข้าไปเจอกับซากุระเป็นเพราะเขาเห็นฟุคาวะเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุตั้งแต่ก่อนที่ซากุระจะเข้าไปเสียอีก แต่พอเดินตามเข้าไปกลับกลายเป็นว่ามีแค่เขากับซากุระแค่สองคน (ฮากาคุเระโดนโทกามิ(รวมถึงคนที่กำลังเล่นเกม)ด่าทันทีว่าเรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมเอ็งเพิ่งจะมาพูดฟระ!)
นอกจากนี้ยังมีรอยมือที่ฝาตู้ล็อคเกอร์ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงว่ามีคนเคยเข้าไปแอบอยู่ข้างในตู้แล้วทาบมือเอาไว้อยู่อีกด้วย
ฟุคาวะพยายามจะเบี่ยงประเด็น แต่พอโทกามิสั่งว่าเลิกแถให้เสียเวลาซะที ฟุคาวะเลยยอมรับแต่โดยดี
หลังจากนั้นฟุคาวะจึงยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เริ่มจากฟุคาวะกลัวว่าถ้าไม่ยอมไปตามนัดแล้วจะถูกซากุระทำร้าย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็ยังไม่อยากไปเผชิญหน้ากับซากุระตรง ๆ อยู่ดี เธอก็เลยไปที่ห้องก่อนเวลานัดแล้วเข้าไปแอบอยู่ในล็อคเกอร์
เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ฮากาคุเระทำ โดยหลังจากที่ฮากาคุเระออกจากห้องไปเธอจึงตัดสินใจรีบเอานิตยสารที่มี dying message ปลอมไปซ่อน แต่ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ทันสังเกตว่าเธอวางมันกลับหัว
และตอนนั้นเองซากุระอาบเลือดก็โผล่มาข้างหลังเธอส่งผลให้เธอสลบไป
อยู่ดี ๆ เจโนไซเดอร์ก็ตื่นมาเจอกับซากุระอาบเลือดเลยตกใจหยิบขวดอีกใบฟาดใส่หัวซากุระ (เธอคิดว่าทำแค่นั้นคงจะไม่ถึงตาย) แต่พอเห็นซากุระล้มลงเธอจึงทำลายหลักฐานก่อนที่จะหนีไป
เมื่อเล่าจบอาซาฮินะก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่ารู้ตัวคนร้ายแล้วก็มาโหวตกันเลยเถอะ
แต่ครั้งนี้โทกามิเป็นฝ่ายขัดขึ้นมาโดยบอกว่าคดีมันยังไม่จบ เนื่องจากสถานที่ ๆ ฟุคาวะโจมตีซากุระคือหน้าชั้นวางหนังสือ โดยใช้คำพูดของคนลงมือและรอยเลือดในสถานที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานสนับสนุน
นอกจากนั้นฟุคาวะเองก็ไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายศพของซากุระได้ ดังนั้นการที่ศพของซากุระมานั่งอยู่บนเก้าอี้จึงเป็นปริศนาที่ยังต้องแก้ให้ออก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คิริกิริยังเสริมต่อไปอีกว่ายังมีปริศนาห้องปิดตายที่ยังไม่ได้แก้อยู่อีกด้วย
อาซาฮินะจะเสนอสมมติฐานว่าหลังจากที่ก่อเหตุฟุคาวะก็แค่ล็อคห้องแล้วกลับเข้าไปซ่อนในล็อคเกอร์อีกครั้งเพื่อรอออกมาในจังหวะชุลมุน
แต่จะถูกแย้งกลับโดยบอกว่าในตอนที่พวกนาเอกิพังประตูห้องเข้าไปนั้นประตูล็อคเกอร์ถูกเปิดทิ้งไว้อยู่
โทกามิจึงเริ่มเปลี่ยนประเด็นมาพูดถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงโดยบอกว่าสาเหตุที่ซากุระตายเป็นเพราะเธอดื่มยาพิษ ไม่ใช่ถูกตีที่ศรีษะ
หลักฐานสนับสนุนก็คือร่องรอยของการกระอักเลือดซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้จากการถูกฟาดหัว
โทกามิเริ่มกล่าวสมมติฐานต่อไปโดยกล่าวถึงขวดยาพิษที่มีโปรตีนอยู่ข้างในซึ่งเขาพบมันตั้งอยู่ในตู้ A ภายในห้องเคมี
ซึ่งก็หมายความว่ายาพิษที่ควรจะอยู่ในขวดนั้นถูกนำไปสลับไว้ในขวดโปรตีนแทน
แล้วคนร้ายก็นำยาพิษในคราบโปรตีนไปให้ซากุระกินจนเสียชีวิต
ด้วยหลักฐานที่เป็นรอยเท้าในสถานที่เกิดเหตุ โทกามิจึงประกาศขอดูรองเท้าของทุกคน
แต่ยังไม่ทันไรอาซาฮินะก็ยอมรับสารภาพทันทีว่าตัวเองเป็นคนฆ่าซากุระ
(ถึงจะไม่สารภาพแต่โทกามิก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วเพราะคนที่ใส่รองเท้าสนีคเกอร์นั้นมีแค่นาเอกิกับอาซาฮินะเท่านั้น ซึ่งโทกามิของตรวจสอบรองเท้านาเอกิตั้งแต่ก่อนเข้าศาลแล้ว)
โทกามิยังบอกต่อไปว่าอาซาฮินะทำตัวมีพิรุธเนื่องจากในครั้งนี้เธอพยายามเร่งให้คนอื่นรีบโหวตมาโดยตลอด แถมยังพูดต่อไปว่าอาซาฮินะใช้ประโยชน์จากคำว่าเพื่อนเพื่อทำให้ซากุระดื่มยาพิษไปโดยไม่ทันระวังตัว นอกจากนี้ยังทำให้คนอื่น ๆ ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนร้ายที่ลงมือฆ่าเพื่อนสนิทของตัวเองได้อีกด้วย
อาซาฮินะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามที่นาเอกิขอ
เริ่มจากตอนที่เธอไปเจอซากุระที่เลือดอาบ ซากุระขอให้อาซาฮินะช่วยไปเอาโปรตีนมาให้เธอ (ในเกมซากุระจะพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าโปรตีนเป็นยาวิเศษ) และเมื่ออาซาฮินะไปถึงห้องเคมีเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้...(โทกามิจะพูดเสริมให้ว่า"โอกาสก่อเหตุฆาตกรรมสินะ")
หลังจากที่เอายาพิษไปให้ซากุระ ซากุระก็ดื่มมันจนหมดแล้วก็เสียชีวิตในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถึงจุดนี้คิริกิริก็แย้งขึ้นมาทันทีว่าเธอยอมรับข้อสรุปนี้ไม่ได้
โทกามิจึงพูดข่มกลับไปประมาณว่า ยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ไม่ได้งั้นรึ? ทุก ๆ คนต่างก็เห็นแต่ได้กันทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นหรอกนะ เหมือนกับที่อาซาฮินะฆ่าซากุระเพื่อตัวเองนั่นแหละ
แต่คิริกิริกลับบอกว่าที่เธอรับไม่ได้ก็เพราะว่ายังมีปริศนาที่ยังไขไม่ออกอยู่ ซึ่งก็คือวิธีการสร้างห้องปิดตาย
แต่แล้วนาเอกิ(ในเกมเป็นคิริกิริ)ก็ถามอาซาฮินะว่าสร้างห้องปิดตายขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งอาซาฮินะให้คำตอบไม่ได้
โทกามิบอกว่าแค่รู้ว่าอาซาฮินะเป็นคนสลับขวดโปรตีนกับยาพิษก็สามารถระบุได้แล้วว่าคนร้ายคือเธอ
แต่นาเอกิก็แย้งขึ้นมาว่ารอยเท้าที่อยู่ในห้องเคมีนั้นมันชัดเจนเกินไปจนน่าสงสัยเหมือนกับว่าอาซาฮินะจงใจทิ้งเอาไว้ให้โดนสงสัยเลยทีเดียว
แต่อาซาฮินะกลับบอกว่าเธอไม่ทันรู้ตัวจริง ๆ ว่าตัวเองทิ้งรอยเท้าเอาไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จุดนี้เองทำให้คิริกิริเริ่มสงสัยและขอให้อาซาฮินะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำเมื่อไปถึงห้องเคมี
อาซาฮินะจะเล่าว่าเธอเดินไปที่ตู้ C เพื่อไปเอายาพิษ แล้วเผลอทำขวดยาตก
หลังจากนั้นก็ตรงไปที่ตู้ A เพื่อสลับขวดยาพิษกับโปรตีน
แล้วก็เอายาพิษออกจากห้องไปโดยเผลอทิ้งโปรตีนในขวดยาพิษไว้ที่ตู้ A
นาเอกิจะแย้งขึ้นมาทันทีว่าอาซาฮินะโกหกเนื่องจากรอยเท้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั้นเป็นรอยเท้าที่มุ่งตรงไปที่ตู้ A ทันที ไม่มีร่องรอยการเดินจากตู้ C ไป A เลย และเนื่องจากอาซาฮินะบอกเองว่าไม่รู้ตัวว่าตัวเองทิ้งรอยเท้าเอาไว้จึงไม่น่าจะจงใจเดินอ้อมหลบผงพวกนั้นได้
นอกจากนั้นคิริกิริยังนำเสนอหลักฐานใหม่ซึ่งก็คือเศษกระจกที่อยู่ในขวดยาพิษ
ซึ่งเป็นเศษกระจกแบบเดียวกับประตูห้องที่นาเอกิทุบแตก
ซึ่งก็หมายความว่าคำให้การของอาซาฮินะที่บอกว่านำยาพิษมาจากตู้ C นั้นไม่เป็นความจริงเพราะขวดยาพิษนั้นอยู่ในสถานที่เกิดเหตุตอนที่นาเอกิทุบกระจกห้องเข้าไป แล้วหลังจากนั้นก็มีใครซักคนนำขวดยาพิษกลับไปตั้งไว้ในตู้ A ในห้องเคมีอีกครั้ง
หลังจากนั้นในเกมคิริกิริจะถามทุก ๆ คนว่ามีใครเผลอไปเตะขวดโปรตีนในสถานที่เกิดเหตุเข้าหรือไม่ และเมื่อไม่มีใครบังเอิญไปเตะโดนเธอจึงสรุปทันทีว่าโปรตีนนั้นถูกนำมาวางในภายหลัง เนื่องจากมีเศษกระจกประตูบางส่วนที่อยู่ใต้ขวดโปรตีน
[Spoil] Danganronpa – The Animation ตอนที่ 9 เฉพาะในส่วนของ Classroom Trials + รายละเอียดที่ถูกตัดออกจากในเกมคร่าว ๆ
(คดีนี้ตัดกระสุนหลักฐานไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหลักฐานที่เอาไว้ใช้จับโกหกคนอื่นเพราะในอนิเมะแต่ละคนไม่ค่อยดริฟเหมือนในเกม)
เปิดฉากสืบหาตัวคนร้าย
เริ่มมาอาซาฮินะจะประกาศเลยว่าคนร้ายจะต้องเป็นหนึ่งในสามคนที่ซากุระเรียกไปคุยด้วยก่อนตาย ได้แก่ โทกามิ ฟุคาวะ และ ฮากาคุเระ
แต่ทั้งสามคนต่างก็ปฏิเสธโดยบอกว่าถึงจะถูกเชิญไปแต่ก็ไม่ได้ไปตามนัด
ในอนิเมะฟุคาวะจะแฉเรื่องราวออกมาเลย
แต่ในเกมเราจะต้องจับผิดและไล่ต้อนผู้ต้องสงสัยเอง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อจนมุมจนแถต่อไม่ได้ฮากาคุเระจึงยอมรับว่าตัวเองเป็นคนฆ่าซากุระแล้วยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
โดยเมื่อไปพบกับซากุระตามคำเชิญแล้ว ซากุระเห็นฮากาคุเระนั่งหน้าเครียดเลยยกลูกอมให้ฮากาคุเระ
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งรอคนอื่น ๆ แต่ไม่มีใครมา แล้วจู่ ๆ ซากุระก็พึมพำออกมาว่า "ในที่สุดทุก ๆ อย่างก็จะจบลงซักที"
ฮากาคุเระคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกฆ่าเลยใช้ขวดโมโนคุมะฟาดหัวซากุระจนล้มลง
พอตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งฆ่าคนไปก็เลยกลัวแล้วสร้าง dying message ปลอมทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุก่อนที่ตัวเองจะหนีไป
เมื่อเล่าจบอาซาฮินะก็พูดขึ้นมาว่าไหน ๆ คนร้ายก็สารภาพแล้วก็มาเริ่มโหวตกันเลยดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่เนื่องจากคิริกิริสำรวจพบร่องรอยการถูกฟาดด้วยขวดโมโนคุมะเข้าที่ศรีษะสองครั้ง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการถูกฟาดครั้งแรกนั้นไม่ใช่สาเหตุการตายที่แท้จริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นฟุคาวะจึงยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เริ่มจากฟุคาวะกลัวว่าถ้าไม่ยอมไปตามนัดแล้วจะถูกซากุระทำร้าย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็ยังไม่อยากไปเผชิญหน้ากับซากุระตรง ๆ อยู่ดี เธอก็เลยไปที่ห้องก่อนเวลานัดแล้วเข้าไปแอบอยู่ในล็อคเกอร์
เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ฮากาคุเระทำ โดยหลังจากที่ฮากาคุเระออกจากห้องไปเธอจึงตัดสินใจรีบเอานิตยสารที่มี dying message ปลอมไปซ่อน แต่ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ทันสังเกตว่าเธอวางมันกลับหัว
และตอนนั้นเองซากุระอาบเลือดก็โผล่มาข้างหลังเธอส่งผลให้เธอสลบไป
อยู่ดี ๆ เจโนไซเดอร์ก็ตื่นมาเจอกับซากุระอาบเลือดเลยตกใจหยิบขวดอีกใบฟาดใส่หัวซากุระ (เธอคิดว่าทำแค่นั้นคงจะไม่ถึงตาย) แต่พอเห็นซากุระล้มลงเธอจึงทำลายหลักฐานก่อนที่จะหนีไป
เมื่อเล่าจบอาซาฮินะก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่ารู้ตัวคนร้ายแล้วก็มาโหวตกันเลยเถอะ
แต่ครั้งนี้โทกามิเป็นฝ่ายขัดขึ้นมาโดยบอกว่าคดีมันยังไม่จบ เนื่องจากสถานที่ ๆ ฟุคาวะโจมตีซากุระคือหน้าชั้นวางหนังสือ โดยใช้คำพูดของคนลงมือและรอยเลือดในสถานที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานสนับสนุน
นอกจากนั้นฟุคาวะเองก็ไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายศพของซากุระได้ ดังนั้นการที่ศพของซากุระมานั่งอยู่บนเก้าอี้จึงเป็นปริศนาที่ยังต้องแก้ให้ออก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โทกามิจึงเริ่มเปลี่ยนประเด็นมาพูดถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงโดยบอกว่าสาเหตุที่ซากุระตายเป็นเพราะเธอดื่มยาพิษ ไม่ใช่ถูกตีที่ศรีษะ
หลักฐานสนับสนุนก็คือร่องรอยของการกระอักเลือดซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้จากการถูกฟาดหัว
โทกามิเริ่มกล่าวสมมติฐานต่อไปโดยกล่าวถึงขวดยาพิษที่มีโปรตีนอยู่ข้างในซึ่งเขาพบมันตั้งอยู่ในตู้ A ภายในห้องเคมี
ซึ่งก็หมายความว่ายาพิษที่ควรจะอยู่ในขวดนั้นถูกนำไปสลับไว้ในขวดโปรตีนแทน
แล้วคนร้ายก็นำยาพิษในคราบโปรตีนไปให้ซากุระกินจนเสียชีวิต
ด้วยหลักฐานที่เป็นรอยเท้าในสถานที่เกิดเหตุ โทกามิจึงประกาศขอดูรองเท้าของทุกคน
แต่ยังไม่ทันไรอาซาฮินะก็ยอมรับสารภาพทันทีว่าตัวเองเป็นคนฆ่าซากุระ
(ถึงจะไม่สารภาพแต่โทกามิก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วเพราะคนที่ใส่รองเท้าสนีคเกอร์นั้นมีแค่นาเอกิกับอาซาฮินะเท่านั้น ซึ่งโทกามิของตรวจสอบรองเท้านาเอกิตั้งแต่ก่อนเข้าศาลแล้ว)
โทกามิยังบอกต่อไปว่าอาซาฮินะทำตัวมีพิรุธเนื่องจากในครั้งนี้เธอพยายามเร่งให้คนอื่นรีบโหวตมาโดยตลอด แถมยังพูดต่อไปว่าอาซาฮินะใช้ประโยชน์จากคำว่าเพื่อนเพื่อทำให้ซากุระดื่มยาพิษไปโดยไม่ทันระวังตัว นอกจากนี้ยังทำให้คนอื่น ๆ ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนร้ายที่ลงมือฆ่าเพื่อนสนิทของตัวเองได้อีกด้วย
อาซาฮินะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามที่นาเอกิขอ
เริ่มจากตอนที่เธอไปเจอซากุระที่เลือดอาบ ซากุระขอให้อาซาฮินะช่วยไปเอาโปรตีนมาให้เธอ (ในเกมซากุระจะพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าโปรตีนเป็นยาวิเศษ) และเมื่ออาซาฮินะไปถึงห้องเคมีเธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้...(โทกามิจะพูดเสริมให้ว่า"โอกาสก่อเหตุฆาตกรรมสินะ")
หลังจากที่เอายาพิษไปให้ซากุระ ซากุระก็ดื่มมันจนหมดแล้วก็เสียชีวิตในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่แล้วนาเอกิ(ในเกมเป็นคิริกิริ)ก็ถามอาซาฮินะว่าสร้างห้องปิดตายขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งอาซาฮินะให้คำตอบไม่ได้
โทกามิบอกว่าแค่รู้ว่าอาซาฮินะเป็นคนสลับขวดโปรตีนกับยาพิษก็สามารถระบุได้แล้วว่าคนร้ายคือเธอ
แต่นาเอกิก็แย้งขึ้นมาว่ารอยเท้าที่อยู่ในห้องเคมีนั้นมันชัดเจนเกินไปจนน่าสงสัยเหมือนกับว่าอาซาฮินะจงใจทิ้งเอาไว้ให้โดนสงสัยเลยทีเดียว
แต่อาซาฮินะกลับบอกว่าเธอไม่ทันรู้ตัวจริง ๆ ว่าตัวเองทิ้งรอยเท้าเอาไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นอกจากนั้นคิริกิริยังนำเสนอหลักฐานใหม่ซึ่งก็คือเศษกระจกที่อยู่ในขวดยาพิษ
ซึ่งเป็นเศษกระจกแบบเดียวกับประตูห้องที่นาเอกิทุบแตก
ซึ่งก็หมายความว่าคำให้การของอาซาฮินะที่บอกว่านำยาพิษมาจากตู้ C นั้นไม่เป็นความจริงเพราะขวดยาพิษนั้นอยู่ในสถานที่เกิดเหตุตอนที่นาเอกิทุบกระจกห้องเข้าไป แล้วหลังจากนั้นก็มีใครซักคนนำขวดยาพิษกลับไปตั้งไว้ในตู้ A ในห้องเคมีอีกครั้ง
หลังจากนั้นในเกมคิริกิริจะถามทุก ๆ คนว่ามีใครเผลอไปเตะขวดโปรตีนในสถานที่เกิดเหตุเข้าหรือไม่ และเมื่อไม่มีใครบังเอิญไปเตะโดนเธอจึงสรุปทันทีว่าโปรตีนนั้นถูกนำมาวางในภายหลัง เนื่องจากมีเศษกระจกประตูบางส่วนที่อยู่ใต้ขวดโปรตีน