[Spoil] Danganronpa – The Animation ตอนที่ 5 เฉพาะในส่วนของ Classroom Trials + รายละเอียดที่ถูกตัดออกจากในเกมคร่าว ๆ

สิ่งที่อยู่ใน Spoil คือรายละเอียดที่มีอยู่ในเกม

เปิดฉากสืบหาตัวคนร้าย


เริ่มต้นด้วยการถกเถียงเรื่องอาวุธที่ถูกนำมาใช้ในการฆาตกรรมเช่นเคย
จากการตรวจสอบบาดแผลบนตัวศพทำให้คิริกิริยืนยันได้ว่าอาวุธสังหารนั้นคือตุ้มยกน้ำหนักเปื้อนเลือดในห้องนั่นเอง


เมื่อรู้อาวุธที่ใช้ก่อเหตุแล้ว จู่ ๆ โทกามิก็พูดขึ้นมาทันทีว่าคนร้ายของคดีนี้ก็คือฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง เจโนไซเดอร์ โช
หลักฐานก็คือบันทึกอยู่ในแฟ้มบันทึกคดีในห้องสมุด

โดยสภาพของเหตุฆาตกรรมที่ เจโนไซเดอร์ โช เป็นผู้ลงมือนั้นจะมีข้อความเลือดถูกเขียนทิ้งเอาไว้

นอกจากนี้ร่างของผู้ตายนั้นจะถูกตรึงกางเขนไว้อีกด้วย

และเนื่องจากการตรึงกางเขนนั้นไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน ดังนั้นผู้ที่รู้รายละเอียดเหล่านี้มีเพียงตัวฆาตกรเองเท่านั้น

เมื่อพูดจบโทกามิก็แฉความลับเรื่องบุคลิกที่สองของสาวแว่นที่มีชื่อว่า เจโนไซเดอร์ โช ออกมาทันที


แถมโทกามิยังพูดอีกว่าความลับที่สาวแว่นเป็นฆาตกรต่อเนื่องนั้นยังเป็นแรงจูงใจให้ก่อคดีฆาตกรรมได้อย่างดี (ถ้าไม่มีการฆ่ากรรมเกิดขึ้นภายใน 24 ชม ทุก ๆ คนจะถูกโมโนคุมะแฉความลับให้ทั้งโลกรู้)

แต่ เจโนไซเดอร์ โช กลับปฏิเสธข้อกล่าวหาทันทีโดยใช้ความแตกต่างในรายละเอียดของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับคดีก่อน ๆ ที่เธอเคยก่อไว้ 3 ข้อเข้ามาสนับสนุน ได้แก่

1 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะใช้กรรไกรพิเศษที่เธอทำขึ้นมาเองเป็นอาวุธสังหารเสมอ แต่ในครั้งนี้อาวุธสังหารคือตุ้มยกน้ำหนัก


2 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะตรึงกางเขนเหยื่อโดยการปักกรรไกรพิเศษลงบนร่างของเหยื่อ แต่ในครั้งนี้เหยื่อถูกตรึงด้วยสายไฟ


3 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้ชายที่หล่อนถูกใจเท่านั้น

ถึงอย่างนั้นโทกามิก็ยังคงคัดค้านเหตุผลของเธอด้วยข้อความที่ว่า "การฆ่าเพื่อเอาตัวรอด" นั้นแตกต่างจากการฆ่าเพื่อสนองตันหา
ซึ่งในจุดนี้อนิเมะตัดคำพูดโต้แย้งของสาวแว่นออกไป[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


เมื่อหมดข้อสงสัยกันเรื่อง เจโนไซเดอร์ โช กันแล้ว นาเอกิเลยพุ่งเป้าไปที่โทกามิแทน
เนื่องจากโทกามิเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องจึงสามารถก่อเหตุฆาตกรรมเลียนแบบและโยนความผิดให้เจโนไซเดอร์ตัวจริงได้ไม่ยาก

สำหรับในเกม[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นอกจากนี้สิ่งที่ถูกนำมาใช้ในการตรึงกางเขนก็คือสายไฟของปลั๊กเชื่อมที่อยู่ในห้องสมุดที่โทกามิไปขลุกตัวอยู่บ่อย ๆ


แต่คำพูดที่เหมือนจะเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโทกามิที่ว่า "ฉันฆ่าฟุจิซากิในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิง" นั้นทำให้นาเอกิฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้และขอยืดการถกเถียงออกไปก่อนทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ นั้นปักใจเชื่อไปแล้วว่าโทกามิเป็นคนร้าย

นาเอกิเปิดประเด็นขึ้นมาว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นอาจจะไม่ใช่ห้องเปลี่ยนชุดหญิงก็ได้
หลักฐานก็คือโปสเตอร์ที่อยู่ผิดที่ผิดทาง ซึ่งโดยทั่วไปโปสเตอร์ของวงนักร้องชายสมควรที่จะอยู่ในห้องของผู้หญิง ส่วนโปสเตอร์ของนางแบบนั้นก็สมควรที่จะอยู่ในห้องของผู้ชาย


นอกจากนี้พรมของห้องเปลี่ยนชุดชายยังมีร่องรอยของกาแฟเสริมโปรตีนที่ซากุระทำหกไว้อยู่ด้วย


ซึ่งก็หมายความว่าสถานที่เกิดเหตุที่แท้จริงนั้นควรจะเป็นห้องเปลี่ยนชุดของผู้ชาย และหลังจากที่ก่อเหตุฆาตกรรมเสร็จแล้วคนร้ายจึงจัดฉากให้ดูเหมือนกับว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องเปลี่ยนชุดหญิงแทน

ซึ่งข้อมูลนี้นำไปสู่ข้อสงสัยใหม่ที่ว่าฟุจิซากิซึ่งเป็นผู้หญิงนั้นเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดชายได้อย่างไร

อนิเมะตัดรายละเอียดส่วนนี้ออกไปเยอะพอสมควร[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คำตอบก็คือที่จริงแล้วฟุจิซากิเป็นผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเลยที่เธอจะสามารถเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดชายได้ และหลังจากก่อเหตุฆ่ากรรมแล้วคนร้ายก็สามารถใช้บัตรของสองสาวที่เหลืออยู่เพื่อการจัดฉากให้สถานที่ฆาตกรรมใหม่ได้

และเมื่อเห็นปฏิกิริยาของโทกามิที่มีต่อการสืบสวนนาเอกิจึงเริ่มคิดว่าโทกามิไม่น่าจะเป็นคนร้าย
(ในอนิเมะมีแค่สีหน้าตกใจ แต่ในเกมนาเอกิจะรู้สึกเหมือนกับว่าโทกามินั้นกำลังสนุกไปกับการสืบคดีซะมากกว่า มีทั้งการพยายามทิ้งร่องรอยเพื่อให้สืบไปถึงตัวเองได้ รวมไปถึงคำพูดต่าง ๆ เช่น "โฮ่ น่าสนใจดีนี่", "อย่างนี้นี่เอง", "ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องนี้ซักที", ฯลฯ แถมตอนที่ถูกไล่ต้อนยังไม่แสดงสีหน้าหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย)

เมื่อเป็นเช่นนั้นโทกามิเลยยิ้มและบอกว่าถูกต้องแล้ว เขาไม่ใช่คนร้าย เป็นแค่คนที่พบศพคนแรกแล้วไปเพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานที่เกิดเหตุแค่นั้น ถ้าหากว่าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าโหวตผิดคนโหวตก็ต้องตายไปกับเขาด้วย

ดังนั้นทุกคนจึงมาเริ่มถกกันต่อเพื่อไขปริศนาที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมด
เนื่องจากการฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องเปลี่ยนชุดชายโดยที่บัตรของเลออนไม่สามารถใช้งานได้จึงสามารถจำกัดวงของผู้ต้องสงสัยลงมาได้ว่าเป็นเพศชาย


เซเลสเล่าเหตุการณ์ที่เธอเจอกับผู้ตายในคืนวันเกิดเหตุว่า "ผู้ตายแบกกระเป๋าใส่ชุดวอร์มไปออกกำลังกาย"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่เนื่องจากไม่พบกระเป๋าดังกล่าวในสถานที่เกิดเหตุคิริกิริจึงสรุปว่ากระเป๋าใบนั้นจะต้องมีเบาะแสสำคัญถึงขนาดที่คนร้ายจำเป็นจะต้องทำลายทิ้งอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้เองคิริกิริจึงเริ่มชวนทุก ๆ คนถกกันเกี่ยวกับกระเป๋าใบนั้น

ผลสุดท้ายก็สามารถจับผิดคำพูดของโอวาดะที่กล่าวถึงสีชุดวอร์มของผู้ตายได้ เนื่องจากเซเลสเป็นคนเดียวที่เห็นสีชุดวอร์มของผู้ตายเข้าโดยบังเอิญ คนอื่น ๆ จึงไม่มีทางรู้สีของชุดดังกล่าวได้เลยเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นคนร้ายที่เป็นคนทำลายหลักฐาน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

โอวาดะยิ่งพูดก็ยิ่งกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง จนเซเลสพูดกับคิริกิริว่า "ที่เธอพยายามพูดจากดดันคนร้ายนั้นก็เพื่อจะให้คนร้ายพลั้งปากออกมาเองสินะ?"
ซึ่งคิริกิริก็ตอบว่าใช่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ส่วนคำพูดเด็ดที่ถูกตัดทิ้งไปในตอนนี้คือคำพูดของคิริกิริ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นอกจากนี้ยามาดะยังไปเจอบัตรนักเรียนเสียที่ถูกทิ้งไว้อยู่ในห้องซาวน่าอีกด้วย ซึ่งเป็นบัตรของผู้ตายที่คนร้ายต้องการจะทำลายทิ้ง
และคนที่รู้วิธีการทำลายบัตรรูปแบบนี้ได้มีเพียงคนที่พลาดไปทำบัตรของตัวเองเสียด้วยวิธีการเดียวกันมาแล้วเท่านั้น

ซึ่งก็คือโอวาดะที่ใส่ชุดนักเรียนเข้าไปในห้องซาวน่า
(และเนื่องจากบัตรนักเรียนของโอวาดะเสีย เขาจึงเอาบัตรของเลออนไปใช้แทน ดังนั้นบัตรเสียที่คิริกิริเจอจริง ๆ แล้วเป็นบัตรของโอวาดะ)

ใช่ไหมล่ะ? โอวาดะ มอนโดะคุง


นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่ถูกตัดออกไปอีก เช่น
เหตุผลที่โอวาดะทำลายบัตรของฟุจิซากิทิ้งรวมทั้งย้ายร่างของเธอไปที่ห้องเปลี่ยนชุดหญิง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เหตุผลที่โทกามิจัดฉากสถานที่พบศพใหม่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่