สิ่งที่อยู่ใน Spoil คือรายละเอียดที่มีอยู่ในเกม
เปิดฉากสืบหาตัวคนร้าย
เริ่มต้นด้วยการถกเถียงเรื่องอาวุธที่ถูกนำมาใช้ในการฆาตกรรมเช่นเคย
จากการตรวจสอบบาดแผลบนตัวศพทำให้คิริกิริยืนยันได้ว่าอาวุธสังหารนั้นคือตุ้มยกน้ำหนักเปื้อนเลือดในห้องนั่นเอง
เมื่อรู้อาวุธที่ใช้ก่อเหตุแล้ว จู่ ๆ โทกามิก็พูดขึ้นมาทันทีว่าคนร้ายของคดีนี้ก็คือฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง เจโนไซเดอร์ โช
หลักฐานก็คือบันทึกอยู่ในแฟ้มบันทึกคดีในห้องสมุด

โดยสภาพของเหตุฆาตกรรมที่ เจโนไซเดอร์ โช เป็นผู้ลงมือนั้นจะมีข้อความเลือดถูกเขียนทิ้งเอาไว้

นอกจากนี้ร่างของผู้ตายนั้นจะถูกตรึงกางเขนไว้อีกด้วย

และเนื่องจากการตรึงกางเขนนั้นไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน ดังนั้นผู้ที่รู้รายละเอียดเหล่านี้มีเพียงตัวฆาตกรเองเท่านั้น
เมื่อพูดจบโทกามิก็แฉความลับเรื่องบุคลิกที่สองของสาวแว่นที่มีชื่อว่า เจโนไซเดอร์ โช ออกมาทันที
แถมโทกามิยังพูดอีกว่าความลับที่สาวแว่นเป็นฆาตกรต่อเนื่องนั้นยังเป็นแรงจูงใจให้ก่อคดีฆาตกรรมได้อย่างดี (ถ้าไม่มีการฆ่ากรรมเกิดขึ้นภายใน 24 ชม ทุก ๆ คนจะถูกโมโนคุมะแฉความลับให้ทั้งโลกรู้)
แต่ เจโนไซเดอร์ โช กลับปฏิเสธข้อกล่าวหาทันทีโดยใช้ความแตกต่างในรายละเอียดของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับคดีก่อน ๆ ที่เธอเคยก่อไว้ 3 ข้อเข้ามาสนับสนุน ได้แก่
1 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะใช้กรรไกรพิเศษที่เธอทำขึ้นมาเองเป็นอาวุธสังหารเสมอ แต่ในครั้งนี้อาวุธสังหารคือตุ้มยกน้ำหนัก
2 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะตรึงกางเขนเหยื่อโดยการปักกรรไกรพิเศษลงบนร่างของเหยื่อ แต่ในครั้งนี้เหยื่อถูกตรึงด้วยสายไฟ
3 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้ชายที่หล่อนถูกใจเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นโทกามิก็ยังคงคัดค้านเหตุผลของเธอด้วยข้อความที่ว่า "การฆ่าเพื่อเอาตัวรอด" นั้นแตกต่างจากการฆ่าเพื่อสนองตันหา
ซึ่งในจุดนี้อนิเมะตัดคำพูดโต้แย้งของสาวแว่นออกไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เจโนไซเดอร์ โช ตอกกลับไปว่าถ้าจะฆ่าเพื่อเอาตัวรอดจริง ๆ เธอก็คงจะไม่ทิ้งตัวอักษรเลือดกับตรึงกางเขนเหยื่อเพื่อให้เป็นหลักฐานมามัดตัวเธอเองในภายหลังหรอก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในเกมยามาดะจะพูดเห็นด้วยกับโทกามิแล้วบอกว่าที่รายละเอียดมันแตกต่างกันออกไปก็เพราะว่าสาวแว่นไม่มีเครื่องมือต่างหาก และในตอนนี้เองสาวแว่นจึงพูดออกมาว่า "งั้นรึ?" ก่อนที่จะควักกรรไกรออกมาโชว์แล้วถามกลับไปว่า "ได้เห็นแบบนี้แล้วยังจะคิดอีกหรือว่าฉันจะเลือกใช้ตุ้มยกน้ำหนักเพื่อก่อเหตุฆาตกรรม"
เมื่อหมดข้อสงสัยกันเรื่อง เจโนไซเดอร์ โช กันแล้ว นาเอกิเลยพุ่งเป้าไปที่โทกามิแทน
เนื่องจากโทกามิเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องจึงสามารถก่อเหตุฆาตกรรมเลียนแบบและโยนความผิดให้เจโนไซเดอร์ตัวจริงได้ไม่ยาก
สำหรับในเกม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลักฐานอย่างแรกที่ทำให้โทกามิเป็นผู้ต้องสงสัยก็คือเขาเรียกนาเอกิไปสำรวจที่ห้องแต่งตัวหญิงก่อนตั้งแต่แรกราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าผู้ตายเป็นผู้หญิง
นอกจากนี้สิ่งที่ถูกนำมาใช้ในการตรึงกางเขนก็คือสายไฟของปลั๊กเชื่อมที่อยู่ในห้องสมุดที่โทกามิไปขลุกตัวอยู่บ่อย ๆ
แต่คำพูดที่เหมือนจะเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโทกามิที่ว่า "ฉันฆ่าฟุจิซากิในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิง" นั้นทำให้นาเอกิฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้และขอยืดการถกเถียงออกไปก่อนทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ นั้นปักใจเชื่อไปแล้วว่าโทกามิเป็นคนร้าย
นาเอกิเปิดประเด็นขึ้นมาว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นอาจจะไม่ใช่ห้องเปลี่ยนชุดหญิงก็ได้
หลักฐานก็คือโปสเตอร์ที่อยู่ผิดที่ผิดทาง ซึ่งโดยทั่วไปโปสเตอร์ของวงนักร้องชายสมควรที่จะอยู่ในห้องของผู้หญิง ส่วนโปสเตอร์ของนางแบบนั้นก็สมควรที่จะอยู่ในห้องของผู้ชาย
นอกจากนี้พรมของห้องเปลี่ยนชุดชายยังมีร่องรอยของกาแฟเสริมโปรตีนที่ซากุระทำหกไว้อยู่ด้วย
ซึ่งก็หมายความว่าสถานที่เกิดเหตุที่แท้จริงนั้นควรจะเป็นห้องเปลี่ยนชุดของผู้ชาย และหลังจากที่ก่อเหตุฆาตกรรมเสร็จแล้วคนร้ายจึงจัดฉากให้ดูเหมือนกับว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องเปลี่ยนชุดหญิงแทน
ซึ่งข้อมูลนี้นำไปสู่ข้อสงสัยใหม่ที่ว่าฟุจิซากิซึ่งเป็นผู้หญิงนั้นเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดชายได้อย่างไร
อนิเมะตัดรายละเอียดส่วนนี้ออกไปเยอะพอสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในตอนแรกมีคนเสนอความคิดเห็นออกมาว่าฟุจิซากิอาจจะใช้บัตรของเลออนที่ถูกเก็บเอาไว้เพื่อเปิดประตูห้องเปลี่ยนชุดชาย (ศพไม่ใช่คน ดังนั้นการใช้บัตรของศพจึงไม่ผิดเงื่อนไขที่ว่าห้ามนำบัตรของคนอื่นมาใช้)
แต่สมมติฐานนี้ก็ตกไปเนื่องจากบัตรของเลออนนั้นดูเหมือนว่าจะเสียไปแล้ว

หรือว่าสุดยอดโปรแกรมเมอร์นั้นจะสามารถแฮ็คข้อมูลของบัตรนักเรียนได้?!
แต่โมโนคุมะก็เป็นผู้ปฎิเสธสมมติฐานนี้ด้วยตนเอง
เมื่อไม่สามารถถกหาวิธีที่ฟุจิซากิใช้ในการเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดชายได้ทุก ๆ คนจึงคิดว่าสมมติฐานของนาเอกิผิดและเตรียมพร้อมโหวตว่าโทกามิเป็นคนร้าย
แต่แล้วคิริกิริก็พูดแทรกขึ้นมาโดยบอกว่าเห็นด้วยกับสมมติฐานของนาเอกิเพราะว่าที่จริงแล้วฟุจิซากิเป็นผู้ชาย
คำตอบก็คือที่จริงแล้วฟุจิซากิเป็นผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเลยที่เธอจะสามารถเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดชายได้ และหลังจากก่อเหตุฆ่ากรรมแล้วคนร้ายก็สามารถใช้บัตรของสองสาวที่เหลืออยู่เพื่อการจัดฉากให้สถานที่ฆาตกรรมใหม่ได้
และเมื่อเห็นปฏิกิริยาของโทกามิที่มีต่อการสืบสวนนาเอกิจึงเริ่มคิดว่าโทกามิไม่น่าจะเป็นคนร้าย
(ในอนิเมะมีแค่สีหน้าตกใจ แต่ในเกมนาเอกิจะรู้สึกเหมือนกับว่าโทกามินั้นกำลังสนุกไปกับการสืบคดีซะมากกว่า มีทั้งการพยายามทิ้งร่องรอยเพื่อให้สืบไปถึงตัวเองได้ รวมไปถึงคำพูดต่าง ๆ เช่น "โฮ่ น่าสนใจดีนี่", "อย่างนี้นี่เอง", "ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องนี้ซักที", ฯลฯ แถมตอนที่ถูกไล่ต้อนยังไม่แสดงสีหน้าหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย)
เมื่อเป็นเช่นนั้นโทกามิเลยยิ้มและบอกว่าถูกต้องแล้ว เขาไม่ใช่คนร้าย เป็นแค่คนที่พบศพคนแรกแล้วไปเพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานที่เกิดเหตุแค่นั้น ถ้าหากว่าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าโหวตผิดคนโหวตก็ต้องตายไปกับเขาด้วย
ดังนั้นทุกคนจึงมาเริ่มถกกันต่อเพื่อไขปริศนาที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมด
เนื่องจากการฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องเปลี่ยนชุดชายโดยที่บัตรของเลออนไม่สามารถใช้งานได้จึงสามารถจำกัดวงของผู้ต้องสงสัยลงมาได้ว่าเป็นเพศชาย
เซเลสเล่าเหตุการณ์ที่เธอเจอกับผู้ตายในคืนวันเกิดเหตุว่า "ผู้ตายแบกกระเป๋าใส่ชุดวอร์มไปออกกำลังกาย"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นอกจากนี้ผู้ตายยังดูรีบร้อนแล้วพูดเหมือนกับว่านัดใครเอาไว้อยู่ ซึ่งทั้ง ๆ ที่ผู้ตายปฏิเสธที่จะไปออกกำลังกายร่วมกับสองสาวนักกีฬามาโดยตลอดเพราะกลัวว่าความลับเรื่องเพศจะแตก แต่กลับยอมบอกความลับนั้นกับคนที่เขานัดเจอด้วยจึงคาดเดาได้ว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนที่ผู้ตายไว้วางใจมาก
แต่เนื่องจากไม่พบกระเป๋าดังกล่าวในสถานที่เกิดเหตุคิริกิริจึงสรุปว่ากระเป๋าใบนั้นจะต้องมีเบาะแสสำคัญถึงขนาดที่คนร้ายจำเป็นจะต้องทำลายทิ้งอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้เองคิริกิริจึงเริ่มชวนทุก ๆ คนถกกันเกี่ยวกับกระเป๋าใบนั้น
ผลสุดท้ายก็สามารถจับผิดคำพูดของโอวาดะที่กล่าวถึงสีชุดวอร์มของผู้ตายได้ เนื่องจากเซเลสเป็นคนเดียวที่เห็นสีชุดวอร์มของผู้ตายเข้าโดยบังเอิญ คนอื่น ๆ จึงไม่มีทางรู้สีของชุดดังกล่าวได้เลยเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นคนร้ายที่เป็นคนทำลายหลักฐาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โอวาดะแก้ตัวว่าเขาบังเอิญไปเห็นเข้าพอดีเหมือนกับที่เซเลสเห็นแต่คำให้การของเซเลสในตอนแรกได้พูดเอาไว้ด้วยว่า "ผู้ตายรีบยัดแขนเสื้อเข้าไปในกระเป๋าทันทีก่อนจะวิ่งออกไป" ดังนั้นคำแก้ตัวจึงฟังไม่ขึ้น
โอวาดะยิ่งพูดก็ยิ่งกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง จนเซเลสพูดกับคิริกิริว่า "ที่เธอพยายามพูดจากดดันคนร้ายนั้นก็เพื่อจะให้คนร้ายพลั้งปากออกมาเองสินะ?"
ซึ่งคิริกิริก็ตอบว่าใช่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่อันที่จริงเธอก็สงสัยโอวาดะอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
เหตุผลก็คือนิสัยการเรียกชื่อของโอวาดะ ก่อนเกิดเหตุโอวาดะจะเรียกชื่อฟุจิซากิโดยใช้สรรพนามของเด็กผู้หญิงมาโดยตลอด แต่หลังจากเกิดเหตุกลับใช้สรรพนามของเด็กผู้ชายซึ่งก็หมายความว่าโอวาดะนั้นรู้เพศที่แท้จริงของฟุจิซากิตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเฉลยแล้ว
ส่วนคำพูดเด็ดที่ถูกตัดทิ้งไปในตอนนี้คือคำพูดของคิริกิริ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยามาดะ: รายละเอียดเล็กน้อยขนาดนี้ยังไม่เล็ดลอดสายตาของเธอไปอีกเรอะ!
เจโนไซเดอร์: นี่หล่อนเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย?! แม่มดรึ?! น่ากลั๊วน่ากลัว
คิริกิริ: ไม่หรอก... คนที่น่ากลัวจริง ๆ น่ะ...
คิริกิริ: คือคนที่สามารถฆ่าเพื่อนได้ลงคอต่างหาก
นอกจากนี้ยามาดะยังไปเจอบัตรนักเรียนเสียที่ถูกทิ้งไว้อยู่ในห้องซาวน่าอีกด้วย ซึ่งเป็นบัตรของผู้ตายที่คนร้ายต้องการจะทำลายทิ้ง
และคนที่รู้วิธีการทำลายบัตรรูปแบบนี้ได้มีเพียงคนที่พลาดไปทำบัตรของตัวเองเสียด้วยวิธีการเดียวกันมาแล้วเท่านั้น

ซึ่งก็คือโอวาดะที่ใส่ชุดนักเรียนเข้าไปในห้องซาวน่า
(และเนื่องจากบัตรนักเรียนของโอวาดะเสีย เขาจึงเอาบัตรของเลออนไปใช้แทน ดังนั้นบัตรเสียที่คิริกิริเจอจริง ๆ แล้วเป็นบัตรของโอวาดะ)
ใช่ไหมล่ะ? โอวาดะ มอนโดะคุง
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่ถูกตัดออกไปอีก เช่น
เหตุผลที่โอวาดะทำลายบัตรของฟุจิซากิทิ้งรวมทั้งย้ายร่างของเธอไปที่ห้องเปลี่ยนชุดหญิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพื่อเป็นการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ตายที่ว่า"จะไม่เปิดเผยความลับที่ว่าเธอเป็นผู้ชายออกไปให้ใครรู้"เอาไว้จนถึงที่สุด
เหตุผลที่โทกามิจัดฉากสถานที่พบศพใหม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพื่อเพิ่มสีสันให้กับคดีเพราะเขารู้ตัวคนร้ายตั้งแต่ที่เห็นคนร้ายเดินลับ ๆ ล่อ ๆ ออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว รวมไปถึงวิเคราะห์คนที่อาจจะเป็นอันตรายกับตัวเขาเมื่อถึงเวลาที่ตัวเขาจะเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมด้วยตัวเองอีกด้วย
[Spoil] Danganronpa – The Animation ตอนที่ 5 เฉพาะในส่วนของ Classroom Trials + รายละเอียดที่ถูกตัดออกจากในเกมคร่าว ๆ
เปิดฉากสืบหาตัวคนร้าย
เริ่มต้นด้วยการถกเถียงเรื่องอาวุธที่ถูกนำมาใช้ในการฆาตกรรมเช่นเคย
จากการตรวจสอบบาดแผลบนตัวศพทำให้คิริกิริยืนยันได้ว่าอาวุธสังหารนั้นคือตุ้มยกน้ำหนักเปื้อนเลือดในห้องนั่นเอง
เมื่อรู้อาวุธที่ใช้ก่อเหตุแล้ว จู่ ๆ โทกามิก็พูดขึ้นมาทันทีว่าคนร้ายของคดีนี้ก็คือฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง เจโนไซเดอร์ โช
หลักฐานก็คือบันทึกอยู่ในแฟ้มบันทึกคดีในห้องสมุด
โดยสภาพของเหตุฆาตกรรมที่ เจโนไซเดอร์ โช เป็นผู้ลงมือนั้นจะมีข้อความเลือดถูกเขียนทิ้งเอาไว้
นอกจากนี้ร่างของผู้ตายนั้นจะถูกตรึงกางเขนไว้อีกด้วย
และเนื่องจากการตรึงกางเขนนั้นไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน ดังนั้นผู้ที่รู้รายละเอียดเหล่านี้มีเพียงตัวฆาตกรเองเท่านั้น
เมื่อพูดจบโทกามิก็แฉความลับเรื่องบุคลิกที่สองของสาวแว่นที่มีชื่อว่า เจโนไซเดอร์ โช ออกมาทันที
แถมโทกามิยังพูดอีกว่าความลับที่สาวแว่นเป็นฆาตกรต่อเนื่องนั้นยังเป็นแรงจูงใจให้ก่อคดีฆาตกรรมได้อย่างดี (ถ้าไม่มีการฆ่ากรรมเกิดขึ้นภายใน 24 ชม ทุก ๆ คนจะถูกโมโนคุมะแฉความลับให้ทั้งโลกรู้)
แต่ เจโนไซเดอร์ โช กลับปฏิเสธข้อกล่าวหาทันทีโดยใช้ความแตกต่างในรายละเอียดของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับคดีก่อน ๆ ที่เธอเคยก่อไว้ 3 ข้อเข้ามาสนับสนุน ได้แก่
1 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะใช้กรรไกรพิเศษที่เธอทำขึ้นมาเองเป็นอาวุธสังหารเสมอ แต่ในครั้งนี้อาวุธสังหารคือตุ้มยกน้ำหนัก
2 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะตรึงกางเขนเหยื่อโดยการปักกรรไกรพิเศษลงบนร่างของเหยื่อ แต่ในครั้งนี้เหยื่อถูกตรึงด้วยสายไฟ
3 เจโนไซเดอร์ โช นั้นจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้ชายที่หล่อนถูกใจเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นโทกามิก็ยังคงคัดค้านเหตุผลของเธอด้วยข้อความที่ว่า "การฆ่าเพื่อเอาตัวรอด" นั้นแตกต่างจากการฆ่าเพื่อสนองตันหา
ซึ่งในจุดนี้อนิเมะตัดคำพูดโต้แย้งของสาวแว่นออกไป[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อหมดข้อสงสัยกันเรื่อง เจโนไซเดอร์ โช กันแล้ว นาเอกิเลยพุ่งเป้าไปที่โทกามิแทน
เนื่องจากโทกามิเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องจึงสามารถก่อเหตุฆาตกรรมเลียนแบบและโยนความผิดให้เจโนไซเดอร์ตัวจริงได้ไม่ยาก
สำหรับในเกม[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นอกจากนี้สิ่งที่ถูกนำมาใช้ในการตรึงกางเขนก็คือสายไฟของปลั๊กเชื่อมที่อยู่ในห้องสมุดที่โทกามิไปขลุกตัวอยู่บ่อย ๆ
แต่คำพูดที่เหมือนจะเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาของโทกามิที่ว่า "ฉันฆ่าฟุจิซากิในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิง" นั้นทำให้นาเอกิฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้และขอยืดการถกเถียงออกไปก่อนทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ นั้นปักใจเชื่อไปแล้วว่าโทกามิเป็นคนร้าย
นาเอกิเปิดประเด็นขึ้นมาว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นอาจจะไม่ใช่ห้องเปลี่ยนชุดหญิงก็ได้
หลักฐานก็คือโปสเตอร์ที่อยู่ผิดที่ผิดทาง ซึ่งโดยทั่วไปโปสเตอร์ของวงนักร้องชายสมควรที่จะอยู่ในห้องของผู้หญิง ส่วนโปสเตอร์ของนางแบบนั้นก็สมควรที่จะอยู่ในห้องของผู้ชาย
นอกจากนี้พรมของห้องเปลี่ยนชุดชายยังมีร่องรอยของกาแฟเสริมโปรตีนที่ซากุระทำหกไว้อยู่ด้วย
ซึ่งก็หมายความว่าสถานที่เกิดเหตุที่แท้จริงนั้นควรจะเป็นห้องเปลี่ยนชุดของผู้ชาย และหลังจากที่ก่อเหตุฆาตกรรมเสร็จแล้วคนร้ายจึงจัดฉากให้ดูเหมือนกับว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องเปลี่ยนชุดหญิงแทน
ซึ่งข้อมูลนี้นำไปสู่ข้อสงสัยใหม่ที่ว่าฟุจิซากิซึ่งเป็นผู้หญิงนั้นเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดชายได้อย่างไร
อนิเมะตัดรายละเอียดส่วนนี้ออกไปเยอะพอสมควร[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำตอบก็คือที่จริงแล้วฟุจิซากิเป็นผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเลยที่เธอจะสามารถเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดชายได้ และหลังจากก่อเหตุฆ่ากรรมแล้วคนร้ายก็สามารถใช้บัตรของสองสาวที่เหลืออยู่เพื่อการจัดฉากให้สถานที่ฆาตกรรมใหม่ได้
และเมื่อเห็นปฏิกิริยาของโทกามิที่มีต่อการสืบสวนนาเอกิจึงเริ่มคิดว่าโทกามิไม่น่าจะเป็นคนร้าย
(ในอนิเมะมีแค่สีหน้าตกใจ แต่ในเกมนาเอกิจะรู้สึกเหมือนกับว่าโทกามินั้นกำลังสนุกไปกับการสืบคดีซะมากกว่า มีทั้งการพยายามทิ้งร่องรอยเพื่อให้สืบไปถึงตัวเองได้ รวมไปถึงคำพูดต่าง ๆ เช่น "โฮ่ น่าสนใจดีนี่", "อย่างนี้นี่เอง", "ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องนี้ซักที", ฯลฯ แถมตอนที่ถูกไล่ต้อนยังไม่แสดงสีหน้าหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย)
เมื่อเป็นเช่นนั้นโทกามิเลยยิ้มและบอกว่าถูกต้องแล้ว เขาไม่ใช่คนร้าย เป็นแค่คนที่พบศพคนแรกแล้วไปเพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานที่เกิดเหตุแค่นั้น ถ้าหากว่าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าโหวตผิดคนโหวตก็ต้องตายไปกับเขาด้วย
ดังนั้นทุกคนจึงมาเริ่มถกกันต่อเพื่อไขปริศนาที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมด
เนื่องจากการฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องเปลี่ยนชุดชายโดยที่บัตรของเลออนไม่สามารถใช้งานได้จึงสามารถจำกัดวงของผู้ต้องสงสัยลงมาได้ว่าเป็นเพศชาย
เซเลสเล่าเหตุการณ์ที่เธอเจอกับผู้ตายในคืนวันเกิดเหตุว่า "ผู้ตายแบกกระเป๋าใส่ชุดวอร์มไปออกกำลังกาย"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่เนื่องจากไม่พบกระเป๋าดังกล่าวในสถานที่เกิดเหตุคิริกิริจึงสรุปว่ากระเป๋าใบนั้นจะต้องมีเบาะแสสำคัญถึงขนาดที่คนร้ายจำเป็นจะต้องทำลายทิ้งอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้เองคิริกิริจึงเริ่มชวนทุก ๆ คนถกกันเกี่ยวกับกระเป๋าใบนั้น
ผลสุดท้ายก็สามารถจับผิดคำพูดของโอวาดะที่กล่าวถึงสีชุดวอร์มของผู้ตายได้ เนื่องจากเซเลสเป็นคนเดียวที่เห็นสีชุดวอร์มของผู้ตายเข้าโดยบังเอิญ คนอื่น ๆ จึงไม่มีทางรู้สีของชุดดังกล่าวได้เลยเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นคนร้ายที่เป็นคนทำลายหลักฐาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โอวาดะยิ่งพูดก็ยิ่งกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง จนเซเลสพูดกับคิริกิริว่า "ที่เธอพยายามพูดจากดดันคนร้ายนั้นก็เพื่อจะให้คนร้ายพลั้งปากออกมาเองสินะ?"
ซึ่งคิริกิริก็ตอบว่าใช่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนคำพูดเด็ดที่ถูกตัดทิ้งไปในตอนนี้คือคำพูดของคิริกิริ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นอกจากนี้ยามาดะยังไปเจอบัตรนักเรียนเสียที่ถูกทิ้งไว้อยู่ในห้องซาวน่าอีกด้วย ซึ่งเป็นบัตรของผู้ตายที่คนร้ายต้องการจะทำลายทิ้ง
และคนที่รู้วิธีการทำลายบัตรรูปแบบนี้ได้มีเพียงคนที่พลาดไปทำบัตรของตัวเองเสียด้วยวิธีการเดียวกันมาแล้วเท่านั้น
ซึ่งก็คือโอวาดะที่ใส่ชุดนักเรียนเข้าไปในห้องซาวน่า
(และเนื่องจากบัตรนักเรียนของโอวาดะเสีย เขาจึงเอาบัตรของเลออนไปใช้แทน ดังนั้นบัตรเสียที่คิริกิริเจอจริง ๆ แล้วเป็นบัตรของโอวาดะ)
ใช่ไหมล่ะ? โอวาดะ มอนโดะคุง
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่ถูกตัดออกไปอีก เช่น
เหตุผลที่โอวาดะทำลายบัตรของฟุจิซากิทิ้งรวมทั้งย้ายร่างของเธอไปที่ห้องเปลี่ยนชุดหญิง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหตุผลที่โทกามิจัดฉากสถานที่พบศพใหม่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้