ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าทุกศาสนามีกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน และ พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน
พ.ต.อ. ชะลอ อุทกกภาชน์
รวบรวมจากหนังสือแว่นส่องจักรวาล เพื่อความเข้าใจที่ดีระหว่างศาสนา และเพื่อประดับความรู้ เพราะเป็นคำบรรยายที่พ.ต.อ.ชะลอ ได้บรรยายให้ซิสเตอร์แอนมารี (ฟังตามคำขอร้อง) อธิการโรงเรียนศรีเพชรบูรณ์วิทยา ซึ่งเป็นสาขาของโรงเรียนสังกัดศาสนาโรมันคาธอลิคที่ใหญ่ที่สุดและจากบทปาฐกถาให้ อิหม่ามและอิสลามมิกชนฟัง
ตามประวัติของศาสนาพราหมณ์ยุคดึกดำบรรพ์ได้กล่าวไว้ในศิลาจารึกในสำนักปุริสราชาโยคีในถ้ำเชิงเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นภาษากูโบ๊ส ได้กล่าวไว้เป็นหลักฐานมีข้อความตอนหนึ่งว่า “เมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว โยคีไตรภพได้นำศาสนาพราหมณ์ไปเผยแพร่ในประเทศอียิปต์ และมีพระเจ้าฟาร์โรเป็นสานุศิษย์ และเมื่อยุค ๔๐๐๐ ปี โยคีกบิลญาณได้นำศาสนาพราหมณ์ไปเผยแพร่ในตะวันออกกลางและมีนาบีมูซา หรือโมเสส เป็นสานุศิษย์ ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าเกิดในตะวันออกกลาง ๒ ยุค คือยุคอียิปต์โบราณยุค ๕๐๐๐ ปี และยุคศาสนาเฮบรูหรือยุคโมเสส ( พ.ต.อ. ชะลอ อุทกภาชน์ ธบ. , นบ. ท. ๒๕๒๗, “แว่นส่องจักรวาล”, กรุงเทพ:กรุงสยามการพิมพ์, หน้า ๒๖-๒๗.)
คัมภีร์ไบโตลาห์ของศาสนาพราหมณ์ยุคแรก และคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์ยุคต่อมาได้กล่าวไว้เป็นหลักฐานว่า ศาสตร์และวิทยาการต่างๆของมวลมนุษย์นั้นได้จารึกไว้บนพรหมโลก ครั้งแรกเมื่อพวกฤาษี พวกโยคี หรือผู้ปฏิบัติสมาธิบรรลุฌาณขั้นจตุตถฌาณ สามารถส่งกายทิพย์และวิญญาณของตนเองขึ้นพรหมโลกได้ ก็จะไปเรียนศาสตร์และวิทยาการต่างๆเหล่านี้ และนำลงมาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์
ในทัศนคติทางศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ได้จัดแบ่งพรหมสุทธาวาสออกเป็น ๙ ชั้น และเรียกประมุขของพรหมสุทธาวาสว่า “อัลลาห์ฮู้มาลินีฮู” แปลว่า ข้าพเจ้าขออัญเชิญพระผู้เป็นเจ้า ณ บัดนี้ คำว่า “อัลลาห์ฮู” นี้ วิวัฒนาการมาเป็น “ฮัลเลลูย่าห์” แปลว่าพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาเฮบรู ทั้งนี้หลักฐานในคัมภีร์ยุคศาสนาพราหมณ์ยุคดึกดำบรรพซึ่งจารึกไว้ในศิลาจารึกในสำนักโยคีปุริสราชา (หน้า ๕๐-๕๑)
คำว่า “ฮัลลาห์ฮู้” เป็นคำแทนพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์จึงวิวัฒนามาเป็นคำว่า “ฮัลเลลูย่าห์” ซึ่งแปลว่าพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาเฮบรูได้วิวัฒนาการมาเป็น “ยะโฮวา” ในศาสนาคริสต์และวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “ฮัลล่าห์ ในศาสนาอิสลาม นอกจากนาบีมูซาหรือโมเสสจะถ่ายทอดเอาปรัชญา และคำสอนในศาสนาพราหมณ์มาดัดแปลงเป็นคำสอนในศาสนาเฮบรูแล้ว ตามหลักฐานในศิลาจารึกในสำนักปุริสราชายังได้กล่าว่า นาบีมูซาได้ฝึกจิตทางฌาณสมาบัติกับกบิลญาณดาบส และบรรลุฌาณสมาบัติขั้นสูงสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้หลายอย่างหลายประการ ซึ่งข้อมูลต่างๆที่กล่าวในสศิลาจารึก ตรงกับประวิติศาสตร์ของศาสนาเฮบรูทุกประการ กล่าวคือโมเสสได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้กษัตริย์อียิปต์ดู ....................................... ............................................
โมเมเสสใช้อำนาจฌาณสมาบัติแหวกน้ำทะเลแดงเพื่อให้ชาวเฮบรูหนีชาวอียิปต์ได้สำเร็จ (หน้า ๕๒)
ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าเกิดขึ้นในอินเดียตอนเหนือแคว้นฮารัปปาและ-โมเฮนโจดาโรและอักขระภาษากูโบ๊สก็ขึ้นก่อนยุคนี้ ซึ่งนักโบราณคดีค้นพบ และนำคำสวดขอพรพรหมพระผู้เป็นเจ้ามาจารึกเป็นภาษาอารบิคไว้ในคัมภีน์โกรอ่านในศาสนาอิสลามก็ได้วิวัฒนาการมาจากภาษากูโบ๊ส ผม(พ.ต.อ. ชะลอ)ได้รับเชิญไปปาฐกถา “ศาสนาเปรียบเทียบ” ได้กล่าวสรุปว่า
****“ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าทุกศาสนามีกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน และพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน คือองค์พรหมพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์นั่นเอง และวิวัฒนาการมาเป็น “ฮาเลลูย่าห์”, “ยาฮะเว” “ยะโฮวา” และอัลล่าห์*****
อย่างไรนั้น ผม(พ.ต.อ. ชะลอ)ได้กล่าวแล้วข้างต้น และได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์แก่ตาของบรรดาศาสนิกชนที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งหลาย รวมทั้งอิหม่ามหลายสิบคนที่มานั่งฟังปาฐกถาที่ ผมกล่าวว่า “พระอัลล่าห์ในอิสลาม” คือ พรหมพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ โดยผม(พ.ต.อ. ชะลอ)จะสวดมนต์สรรเสริญพรหมพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์เป็นภาษากู้โบ๊ส ซึ่งได้ปรากฏเป็นภาษาอารบิคในคัมภีร์โกรอ่านเกือบทั้งเล่ม และมนต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้านั้นปัจจุบันอิสลามมิกชนถือว่าเป็นมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ยอมแปลออกเป็นภาษาต่างประเทส คงสงวนไว้เป็นภาษาอารบิคในคัมภีร์โกรอ่านเท่านั้น (๕๖-๕๗)
เมื่อผม(พ.ต.อ.ชะลอ) ปาฐกถาจบลงได้สวดมนต์สรรเสริญ พรหมพระผู้เป็นเจ้าเป็นภาษากูโบ๊สเป็นตอน ๆ ให้อิหม่าม และอิสลามิกชนที่มาฟังปาฐกถาหลายสิบคน ผมสวดมนต์จบเป็นตอน ๆ ใช้เวลาสวดประมาณ ๒๐ นาที อิหม่ามและอิสลามมิกชนแปลกใจกันใหญ่ พวกเขาสอบถามผมว่า ผมไปเรียนภาษาอารบิคมาจากไหนจึงสามารถสวดมนต์สรรเสริญพระอัลเลาะห์ในคัมภีร์โกรอ่านได้มากมายถึงเพียงนี้ เพราะคำที่สวดมนต์ที่สวดนั้น อิหม่ามบางคนยังเรียนไม่ถึง และผม(พ.ต.อ.ชะลอ)ได้อธิฐานดัง ๆ ให้อิสลามมิกชนฟังความว่า “หากพรหมพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาพราหมณ์เป็นพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกับพระอัลเลาะห์ หรือพระยะโฮวาแล้ว เมื่อผม(พ.ต.อ.ชะลอ) สวดมนต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าในคัมภีร์ศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ ขอให้เกิดปรากฏการณ์เป็นอักขระภาษากูโบ๊สในขันน้ำมนต์ ................................. ..........................................
พอผม(พ.ต.อ. ชลอ)จุดเทียนเสร็จก็อ่านมนต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้ามนต์บิ๊สมินลาห์แฮระมานะเนี๊ยสระฮิม อาละฮัม อูลินลาห์ แฮโรมานเนียสระฮิม อาโรมานแมมิรีเกียวมิดีน ดีสัยรอตนมุตตะกิมสัยรออัลลาห์ ฮีนาฮัมตามักกะโรเบียยะฮาไรเฮม ยัตยัตอาวะลีนอามีน ๓ จบ ปรากฏน้ำตาเทียนในขันน้ำมนต์ก็เกิดปรากฏการณ์เป็นอักขระ “อุ” ขึ้นเต็มขันทันที
ก่อนที่ผม(พ.ต.อ. ชลอ) จะทำน้ำมนต์ อิหม่ามเขาถามผมว่า ผมไปเรียนภาษาอารบิคมาจากไหน จึงสามารถสวดมนต์ภาษาอารบิคได้คล่องแคล่ว ผมตอบเขาว่า ผมไม่เคยเรียนภาษาอารบิคมาเลย แต่ผมเรียนภาษากูโบ๊สมาจากอาจารย์ฮาเร็บ อาจารย์โยคีของผมซึ่งสำเร็จวิชาโยคะมาจากสำนักปุริสราชาโยคีจากอินเดีย มนต์ที่ผมสวดสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นภาษกูโบ๊ส ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของภาษาอารบิค และศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ก็เป็นต้นกำเนิดศาสนาพระผู้เป็นเจ้าทุกศาสนาด้วยรวมทั้งศาสนาเฮบรู ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม แม้แต่ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าในยุคบาบิโลน ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าของอินเดียเผ่ามายา เผ่าอินคา หรือศาสนาพระผู้เป็นเจ้าของอารยันในลุ่มน้ำไทกริส ในตะวันออกกลาง ก็สืบเนื่องมาจากศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ทั้งสิ้น ปรัชญาและคำสอนส่วนสำคัญจึงมีข้อมูลคล้ายคลึงกันแทบทุกศาสนา พวกเราทำให้ศาสนิกชนในศาสนาต่างๆ เข้าใจดีแล้วสงครามระหว่างชาติระหว่างศาสนาต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น (หน้า๑๐๒-๑๐๔)
คำจากภาษากูโบ๊ส คำว่า อาลาวีน อามีน หรือ คำว่า อามีน นี้ได้วิวัฒนาการมาเป็นคำ “อาเมน” ในศาสนาคริศต์ และวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “อามีน ในศาสนาอิสลาม(หน้า๖๔)
คำจากภาษากูโบ๊ส คำว่า “เซตอน” แปลว่า มารร้ายหรือผีร้าย ได้วิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “ซาตาน” ในศาสนา คริศต์ และวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “เซตอน” ในศาสนาอิสลาม (หน้า๖๔-๖๕)
คำว่า "เทวทูต" ศาสนาพราหมณ์เรียก พระกาฬ ศาสนาคริสต์เรียก "เกเบรียล" ศาสนาอิสลามเรียกว่า "อิสราเอน" จีนเรียกว่า "น่ำซิ้งปั๊กเต้า" (หน้า ๑๐๖)
หนังสือ “แว่นส่องจักรวาล “นี้ มีอักขระภาษากูโบ๊ส และมีอักขระอีกหลายภาษาที่นำมาเปรียบเทียบ ให้เห็นถึงความคล้ายกัน มีที่หอสมุดแห่งชาติ ห้อง ๒๑๓ เล่มที่ ๑๓๓ซ.๑๖๒ว.
พ.ต.อ. ชลอ อุทกภาชน์ ท่านอยู่บ้านเลขที่ ๘๙๙ ซอยสิทธิเกษม ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม. โทร ๔๖๕ ๒๕๔๕
สวัสดี
จากคุณ : ธารณธรรม - [ 24 ส.ค. 49 20:03:03 ]
http://group.wunjun.com/#!/khunsamatha/topic/301872-8821
ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าทุกศาสนามีกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน
พ.ต.อ. ชะลอ อุทกกภาชน์
รวบรวมจากหนังสือแว่นส่องจักรวาล เพื่อความเข้าใจที่ดีระหว่างศาสนา และเพื่อประดับความรู้ เพราะเป็นคำบรรยายที่พ.ต.อ.ชะลอ ได้บรรยายให้ซิสเตอร์แอนมารี (ฟังตามคำขอร้อง) อธิการโรงเรียนศรีเพชรบูรณ์วิทยา ซึ่งเป็นสาขาของโรงเรียนสังกัดศาสนาโรมันคาธอลิคที่ใหญ่ที่สุดและจากบทปาฐกถาให้ อิหม่ามและอิสลามมิกชนฟัง
ตามประวัติของศาสนาพราหมณ์ยุคดึกดำบรรพ์ได้กล่าวไว้ในศิลาจารึกในสำนักปุริสราชาโยคีในถ้ำเชิงเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นภาษากูโบ๊ส ได้กล่าวไว้เป็นหลักฐานมีข้อความตอนหนึ่งว่า “เมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว โยคีไตรภพได้นำศาสนาพราหมณ์ไปเผยแพร่ในประเทศอียิปต์ และมีพระเจ้าฟาร์โรเป็นสานุศิษย์ และเมื่อยุค ๔๐๐๐ ปี โยคีกบิลญาณได้นำศาสนาพราหมณ์ไปเผยแพร่ในตะวันออกกลางและมีนาบีมูซา หรือโมเสส เป็นสานุศิษย์ ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าเกิดในตะวันออกกลาง ๒ ยุค คือยุคอียิปต์โบราณยุค ๕๐๐๐ ปี และยุคศาสนาเฮบรูหรือยุคโมเสส ( พ.ต.อ. ชะลอ อุทกภาชน์ ธบ. , นบ. ท. ๒๕๒๗, “แว่นส่องจักรวาล”, กรุงเทพ:กรุงสยามการพิมพ์, หน้า ๒๖-๒๗.)
คัมภีร์ไบโตลาห์ของศาสนาพราหมณ์ยุคแรก และคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์ยุคต่อมาได้กล่าวไว้เป็นหลักฐานว่า ศาสตร์และวิทยาการต่างๆของมวลมนุษย์นั้นได้จารึกไว้บนพรหมโลก ครั้งแรกเมื่อพวกฤาษี พวกโยคี หรือผู้ปฏิบัติสมาธิบรรลุฌาณขั้นจตุตถฌาณ สามารถส่งกายทิพย์และวิญญาณของตนเองขึ้นพรหมโลกได้ ก็จะไปเรียนศาสตร์และวิทยาการต่างๆเหล่านี้ และนำลงมาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์
ในทัศนคติทางศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ได้จัดแบ่งพรหมสุทธาวาสออกเป็น ๙ ชั้น และเรียกประมุขของพรหมสุทธาวาสว่า “อัลลาห์ฮู้มาลินีฮู” แปลว่า ข้าพเจ้าขออัญเชิญพระผู้เป็นเจ้า ณ บัดนี้ คำว่า “อัลลาห์ฮู” นี้ วิวัฒนาการมาเป็น “ฮัลเลลูย่าห์” แปลว่าพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาเฮบรู ทั้งนี้หลักฐานในคัมภีร์ยุคศาสนาพราหมณ์ยุคดึกดำบรรพซึ่งจารึกไว้ในศิลาจารึกในสำนักโยคีปุริสราชา (หน้า ๕๐-๕๑)
คำว่า “ฮัลลาห์ฮู้” เป็นคำแทนพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์จึงวิวัฒนามาเป็นคำว่า “ฮัลเลลูย่าห์” ซึ่งแปลว่าพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาเฮบรูได้วิวัฒนาการมาเป็น “ยะโฮวา” ในศาสนาคริสต์และวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “ฮัลล่าห์ ในศาสนาอิสลาม นอกจากนาบีมูซาหรือโมเสสจะถ่ายทอดเอาปรัชญา และคำสอนในศาสนาพราหมณ์มาดัดแปลงเป็นคำสอนในศาสนาเฮบรูแล้ว ตามหลักฐานในศิลาจารึกในสำนักปุริสราชายังได้กล่าว่า นาบีมูซาได้ฝึกจิตทางฌาณสมาบัติกับกบิลญาณดาบส และบรรลุฌาณสมาบัติขั้นสูงสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้หลายอย่างหลายประการ ซึ่งข้อมูลต่างๆที่กล่าวในสศิลาจารึก ตรงกับประวิติศาสตร์ของศาสนาเฮบรูทุกประการ กล่าวคือโมเสสได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้กษัตริย์อียิปต์ดู ....................................... ............................................
โมเมเสสใช้อำนาจฌาณสมาบัติแหวกน้ำทะเลแดงเพื่อให้ชาวเฮบรูหนีชาวอียิปต์ได้สำเร็จ (หน้า ๕๒)
ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าเกิดขึ้นในอินเดียตอนเหนือแคว้นฮารัปปาและ-โมเฮนโจดาโรและอักขระภาษากูโบ๊สก็ขึ้นก่อนยุคนี้ ซึ่งนักโบราณคดีค้นพบ และนำคำสวดขอพรพรหมพระผู้เป็นเจ้ามาจารึกเป็นภาษาอารบิคไว้ในคัมภีน์โกรอ่านในศาสนาอิสลามก็ได้วิวัฒนาการมาจากภาษากูโบ๊ส ผม(พ.ต.อ. ชะลอ)ได้รับเชิญไปปาฐกถา “ศาสนาเปรียบเทียบ” ได้กล่าวสรุปว่า
****“ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าทุกศาสนามีกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน และพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน คือองค์พรหมพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์นั่นเอง และวิวัฒนาการมาเป็น “ฮาเลลูย่าห์”, “ยาฮะเว” “ยะโฮวา” และอัลล่าห์*****
อย่างไรนั้น ผม(พ.ต.อ. ชะลอ)ได้กล่าวแล้วข้างต้น และได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์แก่ตาของบรรดาศาสนิกชนที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งหลาย รวมทั้งอิหม่ามหลายสิบคนที่มานั่งฟังปาฐกถาที่ ผมกล่าวว่า “พระอัลล่าห์ในอิสลาม” คือ พรหมพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ โดยผม(พ.ต.อ. ชะลอ)จะสวดมนต์สรรเสริญพรหมพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์เป็นภาษากู้โบ๊ส ซึ่งได้ปรากฏเป็นภาษาอารบิคในคัมภีร์โกรอ่านเกือบทั้งเล่ม และมนต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้านั้นปัจจุบันอิสลามมิกชนถือว่าเป็นมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ยอมแปลออกเป็นภาษาต่างประเทส คงสงวนไว้เป็นภาษาอารบิคในคัมภีร์โกรอ่านเท่านั้น (๕๖-๕๗)
เมื่อผม(พ.ต.อ.ชะลอ) ปาฐกถาจบลงได้สวดมนต์สรรเสริญ พรหมพระผู้เป็นเจ้าเป็นภาษากูโบ๊สเป็นตอน ๆ ให้อิหม่าม และอิสลามิกชนที่มาฟังปาฐกถาหลายสิบคน ผมสวดมนต์จบเป็นตอน ๆ ใช้เวลาสวดประมาณ ๒๐ นาที อิหม่ามและอิสลามมิกชนแปลกใจกันใหญ่ พวกเขาสอบถามผมว่า ผมไปเรียนภาษาอารบิคมาจากไหนจึงสามารถสวดมนต์สรรเสริญพระอัลเลาะห์ในคัมภีร์โกรอ่านได้มากมายถึงเพียงนี้ เพราะคำที่สวดมนต์ที่สวดนั้น อิหม่ามบางคนยังเรียนไม่ถึง และผม(พ.ต.อ.ชะลอ)ได้อธิฐานดัง ๆ ให้อิสลามมิกชนฟังความว่า “หากพรหมพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาพราหมณ์เป็นพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกับพระอัลเลาะห์ หรือพระยะโฮวาแล้ว เมื่อผม(พ.ต.อ.ชะลอ) สวดมนต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าในคัมภีร์ศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ ขอให้เกิดปรากฏการณ์เป็นอักขระภาษากูโบ๊สในขันน้ำมนต์ ................................. ..........................................
พอผม(พ.ต.อ. ชลอ)จุดเทียนเสร็จก็อ่านมนต์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้ามนต์บิ๊สมินลาห์แฮระมานะเนี๊ยสระฮิม อาละฮัม อูลินลาห์ แฮโรมานเนียสระฮิม อาโรมานแมมิรีเกียวมิดีน ดีสัยรอตนมุตตะกิมสัยรออัลลาห์ ฮีนาฮัมตามักกะโรเบียยะฮาไรเฮม ยัตยัตอาวะลีนอามีน ๓ จบ ปรากฏน้ำตาเทียนในขันน้ำมนต์ก็เกิดปรากฏการณ์เป็นอักขระ “อุ” ขึ้นเต็มขันทันที
ก่อนที่ผม(พ.ต.อ. ชลอ) จะทำน้ำมนต์ อิหม่ามเขาถามผมว่า ผมไปเรียนภาษาอารบิคมาจากไหน จึงสามารถสวดมนต์ภาษาอารบิคได้คล่องแคล่ว ผมตอบเขาว่า ผมไม่เคยเรียนภาษาอารบิคมาเลย แต่ผมเรียนภาษากูโบ๊สมาจากอาจารย์ฮาเร็บ อาจารย์โยคีของผมซึ่งสำเร็จวิชาโยคะมาจากสำนักปุริสราชาโยคีจากอินเดีย มนต์ที่ผมสวดสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นภาษกูโบ๊ส ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของภาษาอารบิค และศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ก็เป็นต้นกำเนิดศาสนาพระผู้เป็นเจ้าทุกศาสนาด้วยรวมทั้งศาสนาเฮบรู ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม แม้แต่ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าในยุคบาบิโลน ศาสนาพระผู้เป็นเจ้าของอินเดียเผ่ามายา เผ่าอินคา หรือศาสนาพระผู้เป็นเจ้าของอารยันในลุ่มน้ำไทกริส ในตะวันออกกลาง ก็สืบเนื่องมาจากศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ทั้งสิ้น ปรัชญาและคำสอนส่วนสำคัญจึงมีข้อมูลคล้ายคลึงกันแทบทุกศาสนา พวกเราทำให้ศาสนิกชนในศาสนาต่างๆ เข้าใจดีแล้วสงครามระหว่างชาติระหว่างศาสนาต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น (หน้า๑๐๒-๑๐๔)
คำจากภาษากูโบ๊ส คำว่า อาลาวีน อามีน หรือ คำว่า อามีน นี้ได้วิวัฒนาการมาเป็นคำ “อาเมน” ในศาสนาคริศต์ และวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “อามีน ในศาสนาอิสลาม(หน้า๖๔)
คำจากภาษากูโบ๊ส คำว่า “เซตอน” แปลว่า มารร้ายหรือผีร้าย ได้วิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “ซาตาน” ในศาสนา คริศต์ และวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า “เซตอน” ในศาสนาอิสลาม (หน้า๖๔-๖๕)
คำว่า "เทวทูต" ศาสนาพราหมณ์เรียก พระกาฬ ศาสนาคริสต์เรียก "เกเบรียล" ศาสนาอิสลามเรียกว่า "อิสราเอน" จีนเรียกว่า "น่ำซิ้งปั๊กเต้า" (หน้า ๑๐๖)
หนังสือ “แว่นส่องจักรวาล “นี้ มีอักขระภาษากูโบ๊ส และมีอักขระอีกหลายภาษาที่นำมาเปรียบเทียบ ให้เห็นถึงความคล้ายกัน มีที่หอสมุดแห่งชาติ ห้อง ๒๑๓ เล่มที่ ๑๓๓ซ.๑๖๒ว.
พ.ต.อ. ชลอ อุทกภาชน์ ท่านอยู่บ้านเลขที่ ๘๙๙ ซอยสิทธิเกษม ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม. โทร ๔๖๕ ๒๕๔๕
สวัสดี
จากคุณ : ธารณธรรม - [ 24 ส.ค. 49 20:03:03 ]
http://group.wunjun.com/#!/khunsamatha/topic/301872-8821