<Spoil> ยอดนักปรุงโซมะ (Shokugeki no Souma) 36 -รสราคะคาราอาเกะ(2)-

กระทู้สนทนา


-หน้าเปิดสี

-เปิดตอนมาพวกโซมะก็เข้าไปสำรวจร้านในสถานีแล้วก็บอกว่าเป็นที่ที่ดีจริงๆเพราะร้านรวงต่างๆครบครัน แถมถ้าเป็นแบบนี้ย่านการค้าของพวกเราไม่มีทางสู้ได้เลยสักนิด ซึ่งมายูมิก็ต้องมาตัดมุขว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะนะยูกิฮิระคุง

-ส่วนทางด้านนิคุมิเองก็คิดออกมาว่า มันก็จริงที่โซมะขอให้เธอมาช่วยแล้วก็ใช่ว่าจะมีแต่ตัวเธอคนเดียวอาจจะมีคนอื่นมาด้วยก็ได้อยู่แล้ว แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่พอใจขนาดนี้นะ ซึ่งนิคุมิก็แสดงออกมาจนแม้แต่โซมะยังถามเลยว่าการที่ขอให้เธอมาช่วยเนี่ยทำให้เธอลำบากรึเปล่า ด้านมายูมิที่กำลังนึกถึงเรื่องที่อากิเพื่อนของเธอพูดให้ฟังว่า ให้ใช้โอกาสนั้นรุกสร้างความสัมพันธ์กับโซมะเลย ก็ทำให้เธอรู้สึกกดดันจนทำอะไรไม่ถูก

-แถมมายูมิยังรู้สึกว่านิคุมิ ทั้งสวยแล้วก็เซ็กซี่ในระดับดาราเลย(เล่นเอาผู้ชายรอบๆหันมามองหมด) นี้น่ะเหรอระดับของนักเรียนม.ปลาย(ซึ่งเธอก็ลืมไปว่าเธอก็อยู่ม.ปลายเหมือนกัน) นิคุมิเห็นมายูมิจ้องแบบนี้เลยไม่พอใจเข้าไปหาเรื่องจนทำให้เธอกลัวตัวสั่น ทำให้โซมะต้องรีบมาแยกคู่นี้ทันที ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินมาถึงเป้าหมาย "ร้านคาราอาเกะ โมสุยะ"



-ที่หน้าร้านนั้น มีผู้จัดการร้าน "นาคาโมสุ คินุ" ยืนต้อนรับลูกค้าอยู่ นิคุมิพอรู้ว่าเป็นร้านโมสุยะก็ถึงกับตกใจ ทำให้โซมะถามซักประวัติทันที ซึ่งนิคุมิก็บอกว่าร้านคาราเอเกะโมสุยะเป็นร้านชื่อดังในย่านคันไซ ส่วนผู้จัดการร้านคนนี้ก็คือ นาคาโมสุ คินุเจ้าของร้านโมสุยะที่มีถิ่นกำเนิดจากเกียวโตและแพร่กระจายความนิยมไปทั่วย่านคันไซได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังเป็นร้านแรกที่ชนะเลิศการแข่งขันคาราอาเกะทั่วประเทศสามปีซ้อนอีกด้วย ซึ่งใครๆเดากันว่าปีนี้ร้านโมสุยะก็ต้องเอาชนะได้อีกแน่ๆ

(ย่านคันไซเป็นภูมิภาคหนึ่งของญี่ปุ่น อยู่ถัดจากโตเกียวเมืองหลวงไปทางตะวันตก จังหวัดที่ดังๆของย่านคันไซที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีก็คือ เกียวโต โอซาก้า นาระ เป็นต้น)

-ซึ่งโซมะก็สังเกตว่ามีพวกแม่บ้านเข้ามาซื้อกันเยอะแยะเลยแฮะ มายูมิเลยเสริมเข้าไปให้ว่า ถ้าเป็นตอนดึกละก็มีเยอะกว่านี้อีก อาจจะเพราะดีไซน์ของกล่องที่ทำออกมาถูกใจผู้หญิง แถมได้ยินมาว่ามีคนถึงกับนั่งรถไฟมาซื้อกันเลย ซึ่งโซมะก็สรุปว่าเป็นร้านที่นอกจากจะมีชื่อเสียงแล้ว พนักงานยังสวยอีกด้วยนะเนี่ย ว่าแล้วเขาก็เห็นคนคุ้นๆในแถวของลูกค้าที่มาซื้อของที่ร้านโมสุยะ โซมะเลยเข้าไปทักซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น ยูยะเจ้าของร้านขายข้าวกล่องประธานของย่านการค้านั้นเอง ซึ่งโซมะก็ถามเขาว่ามาทำอะไร ซึ่งเขาก็ตอบว่าเขามาช่วยโซมะด้วยอีกแรงไง ทำให้โซมะถามต่อว่าแล้วทำไมต้องแต่งตัวแบบนั้นด้วยละ ยูยะก็บอกว่านี้เป็นถิ่นของศัตรู ต้องปลอมตัวเข้าไว้ไม่ให้คนอื่นจับได้



-นอกจากนั้นยูยะบอกให้โซมะระวังตัวให้ดีด้วย แต่ไม่ทันไรก็เจอคินุเจอตัวเขาจนได้ แถมคุณเธอยังทำหน้าเหี้ยมบอกว่าถ้าประธานแห่งย่านการค้าอยากจะมาซื้อคาราเอเกะก็มาแบบปกติก็ได้ ว่าแล้วก็หันมาคุยกับพวกโซมะ แล้วถามว่าพวกเธอก็มาจากย่านการค้าสินะ งั้นลองเอาสินค้าเราไปชิมดูไหม ซึ่งโซมะก็บอกว่าดีเลย เพราะพวกเขาจะได้ไม่ต้องรอ พอชิมแล้วโซมะกับนิคุมิก็ถึงกับตะลึงกันทันที



-นิคุมิชมว่าภายใต้แป้งหุ้มที่กรอบมีเนื้อไก่ที่นุ่มแน่นเต็มรสอยู่ภายใน ยิ่งเคี้ยวความอร่อยยิ่งแผ่กระจายออกไป ราวกับเป็นลูกศรธนูที่พุ่งนำเอาความอร่อยจู่โจมเข้ามาแบบไม่มีหยุดจริงๆ ซึ่งมายูมิเองก็บอกว่าอร่อย แล้วสงสัยว่าทำยังไงถึงได้อร่อยขนาดนี้ คินุเลยสาธยายไปว่า พวกเธอใช้ไก่โอมิที่เลี้ยงโดยธรรมชาติแล้วให้ทานแต่สมุนไพรมาใช้ทำเนื้อไก่คาราเอเกะ ส่วนซอสที่ทานกับคาราเอเกะก็เป็นซอสที่ใช้พื้นมาจากโชยุ โดยผสมเนื้อแอปเปิลกับเครื่องปรุงรสแต่งกลิ่นที่จะเพิ่มพูนรสชาติให้เนื้อไก่ลงไปด้วย ที่สำคัญ ในตอนที่ทอดเนื้อไก่นั้นต้องปล่อยให้มันโดนอากาศในตอนที่ทอดไปด้วยจนกว่าเนื้อไก่จะกรอบ (น่าจะหมายถึง ทอดแบบน้ำมันไม่ท่วม ให้เนื้อคาราเอเกะลอยอยู่ด้านบน ไม่ได้จุ่มลงไปแบบดีปฟลาย)

(ไก่โอมิหรือ 近江の地鶏 เป็นของดีของจังหวัดชิงะ(ซึ่งอยู่ในภูมิภาคคันไซ) ไก่จะเลี้ยงแบบธรรมชาติไม่ให้มีความเครียดและปลอดจากสารหรือยากระตุ้นต่างๆ บางครั้งก็ให้กินสมุนไพรเพื่อบำรุง+เพิ่มคุณภาพเนื้ออีกด้วย เนื้อไก่โอมิจะมีแคลรอลี่ค่อนข้างต่ำ(ไม่ค่อยมีมัน)แต่เนื้อแน่น)

-คินุยังโวต่อไปว่า มีคนชมคาราเอเกะของร้านเธอว่าเป็นคาราเอเกะที่อร่อยที่สุดบนโลกด้วยนะ ซึ่งโซมะได้ยินแบบนั้นเลยถามไปว่า เอาเรื่องนี้มาบอกพวกเขาแบบนี้จะดีเหรอ เพราะว่าพวกเขาคิดจะหาทางสู้กับร้านโมสึยะของเธออยู่นะ ซึ่งคินุเองก็ยกมือปัดก่อนจะเอ่ยไปว่า เด็กๆอย่างพวกนายบอกไปก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว นั้นทำให้โซมะถึงกับฉุนขึ้นมาทันที ว่าแล้วคินุก็หันไปบ่นกับยูยะต่อว่า ตัวเขาเป็นถึงประธานของย่านการค้าแต่ดันมาหวังพึ่งเด็กกับผู้หญิงเนี่ยนะ? ทำอะไรไม่สมกับความรับผิดชอบตัวเองเอาซะเลย เป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้สุดๆ ซึ่งพอพูดถึงใช้ไม่ได้นิคุมิก็ดันนึกถึงรุ่นพี่คานิจิที่ชมรมข้าวราดขึ้นมาซะงั้น



-ว่าแล้วโซมะเลยตัดสินใจเดินเข้ามาปลอบยูยะ พร้อมกับคุยกลับไปว่า ดูเหมือนคินุดูจะมั่นใจจัง แต่ถ้าแบบนั้น หากพวกเขา(โซมะ)สามารถทำคาราเอเกะที่เยี่ยมกว่าร้านโมสึยะได้ ร้านโมสึยะก็ต้องชื่อเสียแน่ๆเลยสินะ พอพูดออกไปแบบนี้ก็เหมือนไปจุดชนวนตัวคินุเข้า เจ้าตัวเลยเดินมาหาเรื่องโซมะพร้อมเปลี่ยนไปทำหน้ายักษ์มาร ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า โซมะนี้ปากดีจังนะ อย่ามาโชว์ออฟต่อหน้าเธอจะดีกว่า

-ก่อนจะเอ่ยทับออกไปว่าเด็กๆอย่างพวกโซมะจะไปทำอะไรได้อีก พร้อมหันไปขู่มายูมิ ซึ่งสักพักเจ้าตัวก็กลับไปทำหน้าตาเหมือนเดิมก่อนจะเอ่ยออกมาว่า ย่านการค้าที่ไม่รู้จักรับมือกับยุคสมัยหรือพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ก็ย่อมต้องหายไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว และเธอก็หวังว่าพวกโซมะจะมาอุดหนุนร้านโมสึยะในอนาคต

-กลับมาที่บ้านของโซมะ มายูมิยังคงกลัวคินุอยู่(ตัวสั่นๆ) เธอรู้สึกแปลกใจมากที่นิคุมิกับโซมะยังเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังคิดจะลองทำตามสูตรของทางนั้นอีก โซมะเริ่มจากการหั่นเนื้อไก่แบบลวกๆ(ไม่สนขนาดชิ้น)และเลยทำซอสสำหรับการหมักจากแอปเปิลขูด หอมใหญ่แล้วก็ขิง จากนั้นจึงนำเนื้อไก่ที่หั่นแล้วลงมาหมักในซอสนี้



-โซมะบอกว่านี้เป็นการทดลองทำเพราะงั้นเขาจะเอามาทอดเลยก็แล้วกัน แต่คิดว่าสูตรที่ทางร้านโมสุยะทำน่าจะหมักอย่างน้อยๆไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง...ซึ่งพอได้ยินแบบนั้นมายูมิก็ตกใจออกมาแล้วบอกว่านั้นนานมากๆเลยนะ ซึ่งขั้นตอนต่อมาโซมะก็เอาเนื้อไก่ที่หมักแล้วไปคลุกผสมกับแป้งมันฝรั่ง ก่อนจะบอกว่าเคล็ดลับทำให้ทอดออกมาแล้วกรอบก็คือการร่อนแป้งออกให้เยอะๆ ซึ่งมายูมิพอได้ยินแบบนั้นก็รู้ว่า ตัวเองเข้าใจผิดมาตลอด เพราะเธอคิดว่าถ้ามีแป้งติดเยอะๆมันจะกรอบมากกว่า ว่าแล้วพอน้ำมันได้ที่โซมะก็เอาคาราเอเกะลงไปทอด ซึ่งจานทดลองทำจานที่หนึ่งก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมชิมแล้ว

(เชื่อว่ามีคนเข้าใจผิดแบบมายูมิอยู่เยอะเหมือนกัน ซึ่งปกติแล้วการร่อนแป้งออกเยอะๆจะทำให้ของที่ลงไปทอดนั้นกรอบกว่าแบบที่มีแป้งคลุกเยอะๆ (ไอ้ตรงนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่คุ้นๆว่าที่เคยไปอ่านพวกเวปเทคนิคทำอาหารของฝรั่ง เขาอธิบายว่ามันเป็นเรื่องของโมเลกุลในแป้ง ถ้าเกิดมันจับตัวกันเยอะๆเวลาโดนความร้อนมันจะเหนียวแล้วก็ยึดเกาะกันทำให้สัมผัสกรอบนั้นหายไป แต่อันนี้ไม่ชัวร์จริงๆใครพอมีความรู้เรื่องเคมีแย้ง+แก้ได้ตามสบายเลยเน่อ) แต่ถ้าอยากให้กรอบสะใจละก็ ลองเอาแป้งไปผสมน้ำเย็นจัดๆดูแล้วค่อยนำของที่จะชุบมาคลุกเพราะแป้งจะแตกตัวแล้วทำให้กรอบขึ้น (บางที่เองก็ใช้วิธีร่อนแป้งออกเยอะๆแล้วเอาของที่จะทอดไปจุ่มในน้ำ+น้ำแข็งชั่วครู่ เพื่อให้แป้งแตกตัว ก่อนจะสะบัดน้ำออกแล้วนำลงไปทอด)



-ซึ่งมายูมิก็ลองชิมดู แล้วก็พบว่ามันอร่อยมากๆ แต่โซมะยังไม่ดีใจ พร้อมกับบอกว่าถ้าเทียบกับของร้านโมสุยะแล้ว ความรู้สึกตอนกัดแตกต่างกันลิบลับเลย

-ว่าแล้วโซมะก็ลองนึกๆดู คาราเอเกะของร้านโมสุยะหมักในซอสคุณภาพสูงที่ใช้ส่วนผสมพิเศษต่างๆและอาจจะรวมถึงพวกเครื่องเทศชั้นดีในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้รสชาติออกมาอร่อย แต่ไอ้ซอสที่ว่านั้นก็ต้องผ่านการลองผิดลองถูกคิดค้นกันมาหลายปีเหมือนกันถึงจะได้ส่วนผสมที่ลงตัว มายูมิก็ถึงกับอึ้งเพราะการจะสู้กับซอสหมักชั้นเลิศแบบนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ในตอนนั้นเองนิคุมิก็ได้เข้ามาเสนอว่าไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นคาราเอเกะก็ได้นิ ถ้าใช้เนื้อหมูหรือวัวละก็อาจจะพอสู้ได้อยู่ แต่โซมะก็ค้านว่า ถ้าไม่สู้ด้วยของที่เหมือนกันล่ะก็ คงยากที่จะชิงลูกค้าคืนมาได้ แต่นิคุมิก็เสนอให้ลองใช้เนื้อวัวA5ดู ถ้าเป็นวัตถุดิบชั้นดีขนาดนั้นน่าจะดึงความสนใจของคนอื่นๆได้แน่ๆ แต่โซมะก็บอกต่อว่าไอ้ของพวกนั้นมันราคาแพงมากไม่ใช่หรือไง? แต่นิคุมิบอกว่าเธอมีวิธี เพราะเห็นแก่โซมะ เครือของเธอจะเสนอขายเนื้อชั้นดีให้โซมะด้วยราคาที่พิเศษที่สุด

-ว่าแล้วเธอก็ขอคำนวณราคาก่อน ทำให้โซมะเริ่มมีความหวังและคิดว่านิคุมิพึ่งได้จริงๆ ถ้าได้ราคา ร้อยกรัมต่ำกว่าหนึ่งพันเยนล่ะก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว.....แต่ทว่า...ราคาที่ออกมาจริงๆนั้นดันเป็น สามพันห้าร้อยเยนต่อร้อยกรัม ซึ่งนั้นทำให้โซมะรีบบอกปัดนิคุมิปฏิเสธไปทันควัน นิคุมิเห็นแบบนั้นเลยบอกว่าโซมะไม่ต้องเกรงใจเธอเพราะซื้อได้ในราคาถูกหรอก แต่โซมะก็ค้านไปว่าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นสักหน่อย (นี้สินะความต่างระหว่างคนรวยกับคนจน) ว่าแล้วโซมะก็หันมาถามมายูมิว่าเธอมีไอเดียอะไรไหม ซึ่งเธอก็คิดสักครู่ก่อนจะตอบว่า"ทำให้สมกับเป็นย่านการค้าสิ" พอพูดจบก็ลนลานขอโทษโซมะพร้อมกับบอกว่าคำแนะนำของเธอมันดูไม่เป็นรูปธรรมเอาซะเลย

-หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านไป โซมะบอกว่าลองเปลี่ยนทั้งเครื่องเทศกับแป้งที่หุ้มแล้วก็ยังไม่มีจานไหนเข้าท่าเลยสักนิด ว่าแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กม.ต้นที่กำลังเดินกลับบ้านอยู่หน้าร้านพอดี นิคุมิถามว่ามีเด็กนักเรียนเยอะแยะจังทั้งๆที่เป็นวันหยุด ซึ่งโซมะก็บอกว่าที่ตรงนี้มีเด็กนักเรียนเดินผ่านเยอะแถมมีทั้งเด็กม.ปลายแล้วก็มหาลัยด้วย ก่อนที่ตัวเองจะนึกอะไรสักอย่างออกมาได้

-โซมะคิดแผนการออกในทันที พร้อมกับบอกว่าตัวเองนี้โง่ชะมัดเลย เพราะว่าพวกเขาไม่เห็นจำเป็นต้องไปสู้ในถิ่นของศัตรูเลยสักนิด นิคุมิได้ยินแบบนั้นเลยบอกว่าโซมะคิดจะใช้เนื้อA5แล้วสินะ แต่โซมะบอกปัดไปพร้อมกับเอ่ยว่าตัวเองจะทำคาราอาเกะทำเอานิคุมิหน้าเจื๋อนไปเลย



-นิคุมิถามโซมะว่า โซมะบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปสู้ในถิ่นของศัตรูไม่ใช่เหรอ ซึ่งโซมะก็บอกว่าใช่ แต่พวกเราควรจะทำอาหารแบบที่พิเศษในถิ่นของเรา(ย่านการค้า)ออกมาแทน อาหารที่ทางเราสามารถทำได้แต่ทางนั้นไม่สามารถทำได้ วิธีกินคาราเอเกะให้อร่อย พวกเราจะสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาแล้วประกาศสงครามกับร้านโมสุยะซะ!

จบตอน




ขออภัยที่ตอนนี้มาช้า(มาก)ครับ (ตารางเวลาชีวิตเปลี่ยนนิดหน่อย+ขี้เกียจ) ตอนที่นั่งทำสปอยตอนนี้อยู่ Textสปอยตอนหน้าก็มาแล้วและคาดว่าScan Engเองก็น่าจะมาพรุ่งนี้เลยด้วย

ผมค่อนข้างชอบเรื่องของบทคาราเอเกะตอนนี้แฮะ เพราะมันขยายขอบเขตจากการทำอาหารไปเป็น"ร้านอาหาร" การทำให้ลูกค้ามาสนใจ ทำอาหารแบบไหนถึงจะดึงดูดคนได้ ๆลๆ ผมคิดว่าประเด็นพวกนี้ถ้าเป็นเรื่องแนวๆทำอาหารของแท้ละก็อาจจะแทบไม่มีโผล่มาให้เห็นเลยก็เป็นได้

สำหรับตอนหน้า นอกจากหน้าสีอีกรอบแล้ว เรื่องนี้ยังได้หน้าปกอีกครั้งด้วยครับ!(นับตั้งแต่ที่ได้หน้าปกในตอนแรกแค่ครั้งเดียว)

ป.ล แล้วก็ขอบคุณท่าน neozero ด้วย ที่ช่วยสปอยโซมะตอนพิเศษของ Jump Liveให้ครับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่