ผมเพ่นพ่านอยู่ในพันทิป เข้าออกหลายห้อง อ่านนู่นนี่นั่นมากมาย ไม่ได้สิงสถิตย์อยู่ในห้องใดห้องหนึ่งเป็นการถาวรหรอกนะครับ
เพราะผมก็แค่ คนธรรมดาคนหนึ่ง (ที่เอ่ยมา เหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรหรอกนะครับ แค่พูดให้ดูดี )
ทุก ๆ วันศุกร์หลังจากเสร็จฝึกงานเสร็จ ช่วงเย็น ๆ ว่างมาก ไม่มีอะไรทำ ผมจึงเลือกทำงาน Part-time แจกหนังสือพิมพ์
ของสำนักพิมพ์ชื่อดัง เป็นหนังสือพิมพ์แนว ๆ เล่มนึง ที่นิยมแจกตามจุดสำคัญ ๆ ในกรุงเทพ และแจกตามสถานีรถไฟฟ้า BTS
ไม่แน่ ชาวพันทิปบางท่าน อาจจะได้รับแจกหนังสือพิมพ์จากมือของผมไปบ้างแล้วก็ได้
บางคนที่รับหนังสือพิมพ์จากผมไปแล้ว ดูมีความสุข กล่าวขอบคุณด้วยความยินดี ผมยิ้ม...และขอบคุณเช่นกัน
บางคนเดินมาอย่างเร่งรีบ แต่ก็ยังไม่วายยื่นมือมารับหนังสือพิมพ์จากผม ผมก็ยังยิ้ม...เข้าใจชีวิตเร่งรีบ แข่งกับเวลา
บางคนเดินมาพร้อมกับข้าวของที่พะรุงพะรังเต็มทั้งสองมือ เอ่ยปากขอหนังสือพิมพ์จากผมฉบับนึง ผมก็ยื่นใส่กระเป๋าให้ด้วยความยินดี
บางคนเดินมาพร้อมคุยโทรศัพท์ ส่งภาษามือมาให้ เป็นอันเข้าใจว่า ขอ 1 ฉบับ ผมก็ยื่นให้ พร้อมได้รับรอยยิ้มกลับมา ผมยิ้มขอบคุณเช่นกัน
และอีกหลาย ๆ คน หลากหลายรูปแบบที่เดินผ่านมาและผ่านไป ล้วนมีรอยยิ้ม และเสียงขอบคุณ
จนมาบางครั้ง ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงครู่เดียว ของการเดินผ่านมาและเดินผ่านไป ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นั้น มันกลับทำให้ผม
อึดอัดใจ บางครั้งอยากจะตะโกนสวนกลับไปเหมือนกัน
"ไม่ชอบรับของแจกค่ะ" //แล้วก็เดินผ่านผมขึ้นบันไดเลื่อนไป
(ทำหน้ายี้ ประมาณว่าขยะแขยง) //ตกลงขยะแขยงคนแจก (ซึ่งคือตัวผมเอง) หรือขยะแขยงหนังสือพิมพ์ ??
"ชั้ลมีทำได้ดีกว่างานแจกหนังสือพิมพ์ที่ BTS ละกันย่ะ" //เม้าท์มอยโทรศัพท์กับเพื่อน เดินผ่านผม ประโยคทิ้งท้ายเหมือนจะกระทบผมแฮะ ??
"เอามือปัดหนังสือพิมพ์อย่างแรง" //เห็นคุณจะรับไว้ เลยยื่นให้ ทำไมคุณเปลี่ยนใจเร็วจัง ??
(มองจิกด้วยหางตา ประมาณว่า "ก็ไม่รู้สินะ" ) //ยืมคำพูดพี่โน๊ต อุดม มาใช้เปรียบเทียบ เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
เหตุการณืเหล่านั้น บางช่วงเวลา มันทำให้ผมรู้สึกถึงความแตกต่างของระดับชนชั้น ขึ้นมาทันที
ผมดูต่ำต้อยลงไปทันตา เปรียบเทียบดูนะครับ ... เด็กแจกหนังสือพิมพ์ กับ ผู้คนที่แต่งตัวดี ๆ เดินผ่านไปมา ...
"ค่าของคน ไม่ได้วัดกันที่มาตรฐานของเงินตรา แต่ทว่า ผมว่ามันวัดกันที่จิตใจของเรามากกว่า"
ผมจะคิดแบบนี้อยู่เสมอ เวลาที่ผมรู้สึกต้อยต่ำ หรือ น้อยใจกับคำสบประมาทของคนที่ผ่านมาและก็ผ่านไป
ผมไม่โกรธหรือเกลียดเขาเหล่านั้นหรอกครับ เรามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของเราเอง ผมเคารพในสิทธิของทุกๆคน
แต่อยากจะใช้พื้นที่ ณ.ที่นี้ เป็นสื่อกลางในการบ่งบอกความในใจของผม เท่านั้นเองครับ
ผมมีวามสุขที่คอยยืนแบกหนังสือพิมพ์ ยื่นแจกให้กับผู้ที่ต้องการจะรับมันไว้
ผมมีความสุขที่ได้พูดเชิญชวนให้ท่านสนใจ "รับหนังสือ....มั้ยคร๊าบบ"
ผมมีความสุขที่ได้ยินคำกล่าว "ขอบคุณ" ที่ออกมาจากผู้ที่เดินผ่านมาและผ่านไป โดยที่ไม่ได้เห็นหน้าก็ตาม
ผมมีความสุข ในสิ่งที่ผมทำ ก็เพียงพอแล้ว
หากถามว่าผมทำงานอะไร ผมฝึกงานครับ วิศวกรไฟฟ้า
หากถามว่าผมมาจากไหน ผมมาจากบ้านนอกครับ บ้านนอกจริง ๆ
หากถามว่าผมทำไมเลือกที่จะมาทำงานที่นี่ ขอตอบแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับว่า
"ผมหลงกรุงเทพ" !!
หลงกรุงเทพ ไม่ได้หมายถึง ลุ่มหลง มัวเมา แต่อย่างใดนะครับ
ผมชอบเมืองกรุง ตรงที่มันมีเสน่ห์ของตัวมันเอง เราได้เห็นอะไรที่หลากหลาย ทั้งการดำเนินชีวิต อาชีพ วัฒนธรรม
ทกอย่างดูตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะให้เราเรียนรู้อยู่ตอดเวลา
ผมเลยเลือกที่จะมาทำงานที่กรุงเทพ อย่างมิต้องสงสัย
สุดท้ายครับ
ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า คนอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่เหมือนผม เค้าจะทำหน้าที่นั้นด้วยความสุข ด้วยความเต็มใจหรือไม่
แต่อย่างน้อย สิ่งที่ทำให้เขาเหล่านั้น รวมถึงตัวผมมีความสุข ก็คือรอยยิ้มครับ ไม่ว่าทุกคน ต่างได้รับรอยยิ้ม
ล้วนมีความสุขได้ทั้งนั้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่าน จากใจเด็กแจกหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง หากเจอผมยืนแจกอยู่ ก็ทักทายกันได้นะครับ !!
ปล.ผมแจกหนังสือพิมพ์ทุกวันศุกร์ สถานี BTS ...
ปล2. ผมตัวใหญ่ !!
ขอบคุณครับ
[ความในใจ] จากคนยืนแจกหนังสือพิมพ์ประจำวันศุกร์
เพราะผมก็แค่ คนธรรมดาคนหนึ่ง (ที่เอ่ยมา เหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรหรอกนะครับ แค่พูดให้ดูดี )
ทุก ๆ วันศุกร์หลังจากเสร็จฝึกงานเสร็จ ช่วงเย็น ๆ ว่างมาก ไม่มีอะไรทำ ผมจึงเลือกทำงาน Part-time แจกหนังสือพิมพ์
ของสำนักพิมพ์ชื่อดัง เป็นหนังสือพิมพ์แนว ๆ เล่มนึง ที่นิยมแจกตามจุดสำคัญ ๆ ในกรุงเทพ และแจกตามสถานีรถไฟฟ้า BTS
ไม่แน่ ชาวพันทิปบางท่าน อาจจะได้รับแจกหนังสือพิมพ์จากมือของผมไปบ้างแล้วก็ได้
บางคนที่รับหนังสือพิมพ์จากผมไปแล้ว ดูมีความสุข กล่าวขอบคุณด้วยความยินดี ผมยิ้ม...และขอบคุณเช่นกัน
บางคนเดินมาอย่างเร่งรีบ แต่ก็ยังไม่วายยื่นมือมารับหนังสือพิมพ์จากผม ผมก็ยังยิ้ม...เข้าใจชีวิตเร่งรีบ แข่งกับเวลา
บางคนเดินมาพร้อมกับข้าวของที่พะรุงพะรังเต็มทั้งสองมือ เอ่ยปากขอหนังสือพิมพ์จากผมฉบับนึง ผมก็ยื่นใส่กระเป๋าให้ด้วยความยินดี
บางคนเดินมาพร้อมคุยโทรศัพท์ ส่งภาษามือมาให้ เป็นอันเข้าใจว่า ขอ 1 ฉบับ ผมก็ยื่นให้ พร้อมได้รับรอยยิ้มกลับมา ผมยิ้มขอบคุณเช่นกัน
และอีกหลาย ๆ คน หลากหลายรูปแบบที่เดินผ่านมาและผ่านไป ล้วนมีรอยยิ้ม และเสียงขอบคุณ
จนมาบางครั้ง ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงครู่เดียว ของการเดินผ่านมาและเดินผ่านไป ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นั้น มันกลับทำให้ผม
อึดอัดใจ บางครั้งอยากจะตะโกนสวนกลับไปเหมือนกัน
"ไม่ชอบรับของแจกค่ะ" //แล้วก็เดินผ่านผมขึ้นบันไดเลื่อนไป
(ทำหน้ายี้ ประมาณว่าขยะแขยง) //ตกลงขยะแขยงคนแจก (ซึ่งคือตัวผมเอง) หรือขยะแขยงหนังสือพิมพ์ ??
"ชั้ลมีทำได้ดีกว่างานแจกหนังสือพิมพ์ที่ BTS ละกันย่ะ" //เม้าท์มอยโทรศัพท์กับเพื่อน เดินผ่านผม ประโยคทิ้งท้ายเหมือนจะกระทบผมแฮะ ??
"เอามือปัดหนังสือพิมพ์อย่างแรง" //เห็นคุณจะรับไว้ เลยยื่นให้ ทำไมคุณเปลี่ยนใจเร็วจัง ??
(มองจิกด้วยหางตา ประมาณว่า "ก็ไม่รู้สินะ" ) //ยืมคำพูดพี่โน๊ต อุดม มาใช้เปรียบเทียบ เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
เหตุการณืเหล่านั้น บางช่วงเวลา มันทำให้ผมรู้สึกถึงความแตกต่างของระดับชนชั้น ขึ้นมาทันที
ผมดูต่ำต้อยลงไปทันตา เปรียบเทียบดูนะครับ ... เด็กแจกหนังสือพิมพ์ กับ ผู้คนที่แต่งตัวดี ๆ เดินผ่านไปมา ...
"ค่าของคน ไม่ได้วัดกันที่มาตรฐานของเงินตรา แต่ทว่า ผมว่ามันวัดกันที่จิตใจของเรามากกว่า"
ผมจะคิดแบบนี้อยู่เสมอ เวลาที่ผมรู้สึกต้อยต่ำ หรือ น้อยใจกับคำสบประมาทของคนที่ผ่านมาและก็ผ่านไป
ผมไม่โกรธหรือเกลียดเขาเหล่านั้นหรอกครับ เรามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของเราเอง ผมเคารพในสิทธิของทุกๆคน
แต่อยากจะใช้พื้นที่ ณ.ที่นี้ เป็นสื่อกลางในการบ่งบอกความในใจของผม เท่านั้นเองครับ
ผมมีวามสุขที่คอยยืนแบกหนังสือพิมพ์ ยื่นแจกให้กับผู้ที่ต้องการจะรับมันไว้
ผมมีความสุขที่ได้พูดเชิญชวนให้ท่านสนใจ "รับหนังสือ....มั้ยคร๊าบบ"
ผมมีความสุขที่ได้ยินคำกล่าว "ขอบคุณ" ที่ออกมาจากผู้ที่เดินผ่านมาและผ่านไป โดยที่ไม่ได้เห็นหน้าก็ตาม
ผมมีความสุข ในสิ่งที่ผมทำ ก็เพียงพอแล้ว
หากถามว่าผมทำงานอะไร ผมฝึกงานครับ วิศวกรไฟฟ้า
หากถามว่าผมมาจากไหน ผมมาจากบ้านนอกครับ บ้านนอกจริง ๆ
หากถามว่าผมทำไมเลือกที่จะมาทำงานที่นี่ ขอตอบแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับว่า
"ผมหลงกรุงเทพ" !!
หลงกรุงเทพ ไม่ได้หมายถึง ลุ่มหลง มัวเมา แต่อย่างใดนะครับ
ผมชอบเมืองกรุง ตรงที่มันมีเสน่ห์ของตัวมันเอง เราได้เห็นอะไรที่หลากหลาย ทั้งการดำเนินชีวิต อาชีพ วัฒนธรรม
ทกอย่างดูตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะให้เราเรียนรู้อยู่ตอดเวลา
ผมเลยเลือกที่จะมาทำงานที่กรุงเทพ อย่างมิต้องสงสัย
สุดท้ายครับ
ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า คนอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่เหมือนผม เค้าจะทำหน้าที่นั้นด้วยความสุข ด้วยความเต็มใจหรือไม่
แต่อย่างน้อย สิ่งที่ทำให้เขาเหล่านั้น รวมถึงตัวผมมีความสุข ก็คือรอยยิ้มครับ ไม่ว่าทุกคน ต่างได้รับรอยยิ้ม
ล้วนมีความสุขได้ทั้งนั้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่าน จากใจเด็กแจกหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง หากเจอผมยืนแจกอยู่ ก็ทักทายกันได้นะครับ !!
ปล.ผมแจกหนังสือพิมพ์ทุกวันศุกร์ สถานี BTS ...
ปล2. ผมตัวใหญ่ !!
ขอบคุณครับ