ไปเที่ยวทาเทยาม่า คุโรเบะ ครั้งแรกในชีวิต

ครั้งนี้ผมออกเดินทางตามกรุ๊ปทัวร์ไปตอนประมาณเดือนพฤษภาคม
มาลงที่สนามบินชูบุและค่อยๆขึ้นไปที่ทาคายาม่า
ครั้งนี้พอดีมีคนรู้จักเลยขอตามไปครับ แต่อันนี้ผมก็ไปมานานละ เอาเป็นข้อมูลไว้เพื่อเรียกน้ำย่อยของใครที่จะมาญี่ปุ่นในปีหน้า ที่เล็งๆโปรแกรมนี้ไว้

ลงเครื่องบินมา ก็ไปชิราคาว่าโก และทาคายาม่า

วันนั้นอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฝนตกทำให้เดินได้ไม่ค่อยสะดวกเท่ไหร่ แต่ก็สนุกครับ ได้บรรยากาศญี่ปุ่นๆไปอีกแบบ ดูเหงาๆยังไงชอบกล และ หนาวครับ


และที่ที่ผมชอบที่สุดก็คือนี่เลย ร้านขายสาเก ร้านที่นี่ทั้งผลิตและขายเลยครับ มาที่นี่ได้ชมและได้เรียนรู้ถึงขั้นตอนและวิธีการผลิตสาเก  
ปกติผมชอบดื่มนะ แต่เหล้าสาเกนี่ไม่ค่อยเท่าไหร่  แต่ไหนๆก็มาแล้วก็ต้องขอลองสักนิด  กริ๊บเดียวหมดแก้ว ของเค้าดื่มง่ายกว่าที่คิด
ที่นี่มีสาเกให้เลือกซื้อและลองชิมหลากหลายชนิด  ดื่มไปดื่มมาเริ่มชักจะติดใจ  กำลังฟินได้ที่ พอดีได้ยินเสียงพี่ไกด์สาวสวยของเราร้องเรียกให้ขึ้นรถ แต่ไม่มีอารทณ์ไปแล้วครับ เริ่มมึน
ส่วนลูกบอลของใบสนที่มีแขวนอยู่หน้าร้านนั้นก็แสดงให้รู้ว่าเหล้าสาเกของร้านเขานั้นผลิตเสร็จขึนมานานเท่าไหร่แล้ว ถ้าเกิดยังสีเขียวๆอยู่ก็จะหมายความว่าเพิ่งเสร็จใหม่ๆ และถ้าเป็นสีน้ำตาลก็จะเสร็จมานานแล้ว จะเป็นสาเกที่มีอายุหน่อย


วันรุ่งขึ้นตื่นเต้นที่จะได้ไปแจแปนแอล์ป  ลุกขึ้นตื่นตาสว่างแต่เช้าเลยครับ
เรานัดออกจากโรงแรมกัน 8 โมงครึ่ง เพราะเดินทางจากโรงแรมไปแจแปนแอล์ปไม่ไกลมากนัก

พอไปถึงจุดมุ่งหมายที่แจแปนแอล์ปหรือทาเตยามะ คุโรเบะ ทุกคนก็ลงรับตั๋วรอนั่งกระเช้าต่อขึ้นไปข้างบนเพื่อนั่งรถบัสของสถานที่มุ่งหน้าไปกำแพงหิมะ รถบัสแล่นขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆบรรกาศข้างนอกก็เริ่มเปลื่ยนไปเรื่อยตามระดับความสูง
จนไปถึงจุดมุ่งหมาย ทุกคนลงจากนัดเวลาและจุดนัดหมายก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายแห่ไปถ่ายรูปกับกำแพงหิมะกัน


อากาศตอนผมไปเย็นประมาณ 4 องศา แต่อยู่บนภูเขาสูงตัดกับแดดที่ร้อนจ้า ทำให้อากาศกำลังเย็นสบายเลยล่ะครับ
เราเดินลงจากที่จอดรถบัสไปกำแพงหิมะเพียงแค่ 1 นาที คนที่มาครั้งแรกอย่างผมเห็นบรรกาศอย่างนี้ก็อือฮาเป็นธรรมดา อย่างแรกเลยที่ผมอยากทำ สำผัสลองจับๆกำแพงหิมะดูเย็นดีเหมือนนั้าแข็งใสที่โดนอัดแน่น มันแข็งพอสมควร
ต่างคนต่างหามุมถ่ายรูปกันไป บางคนก็ขูดๆแล้วเอามากิน บอกอร่อยดี พอได้ยินดังนั้น เราก็เลยลอง ไหนๆก็มาแล้วต้องลองให้หมด ขูดกินเหมือนเค้าบ้าง
เออแหะ ก็อร่อยดีนะ คราวหน้าถ้ามีโอกาศมาอีกจะหิ้วเฮลบูลบอยมาสักขวด
พออิสระกับกำแพงหิมะพอสมควร  ทุกคนก็ได้มารวมตัวกันที่นัดหมายในอาคารใกล้ๆ เราพักทานอาหารเซ็ตกันที่นี้  เป็นเซ็ตหม้อไฟร้อนๆเดินเล่นข้างนอกนานกำลัหนาวได้ทานอะไรร้อนๆอย่างนี้มันอร่อยสุดๆ

พอพักทานอาหารกลางวันเสร็จ ปกติทัวร์ส่วนมากจะมาดูกำแพงหิมะเสร็จแล้วก็กลับ แต่ของกรุ๊ปเราไม่ใช่ เราเดินทางต่อเพื่อจะไปพิชิตให้สุดเส้นทางแจนแปนแอล์ป เรานั่งรถบัสไฟฟ้าลอดอุโมงค์ และนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปดูเขื่อนคุโรเบะ ขึ้นๆลงๆออกกำลังกายไปในตัว กำลังเริ่มเหนื่อยแต่พอได้เห็นบรรกาศนี้ทำให้ผมหายหนื่อยไปเลยครับ สวยมากๆ


ในภาพที่ผมถ่ายอาจจะไม่สวยอย่างที่ผมได้ไปเห็นกับตา มันสวยจนผมทึ่งไปเลย ข้างบนอากาศลมเย็นมาก แต่สวยจนลืมหนาวจริงๆ
ถ้ามาแจนแปนแอล์ปแล้วไม่มาเห็นบรรกาศนี้เสียดายมากครับ อยากแนะนำถ้ามาถึงที่เจแปนแอลป์ควรจะมาให้ถึงที่นี่เพราะเป็นสุดยอดของไฮไลท์จริงๆ ไม่ใช่ไปดูแค่กำแพงหิมะ เพราะมันน่าเสียดายมากๆๆๆ

เดินทางในแจแปนแอล์ปแบบสุดสายทั้งวันอย่างนี้ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงครับ
ได้ชมธรรมชาติแบบเต็มอิ่ม ชิวๆ ผมว่าคุ้มครับที่ได้มา

วันรุ่งขึ้นก็เข้ามาดูภูเขาไฟฟูจิ แล้วก็ไปช้อปที่ชินจุกุในวันต่อมาอีกตามรูปแบบทัวร์ทั่วไป ก็สนุกดีครับ แต่ครั้งนี้ขอบอกว่าที่เขื่อนคุโรเบะนั้นบรรยากาศเทพจริงๆขอบอก ครั้งนั้นไม่ได้ถือกล้องดีๆไป ไว้โอกาศหน้าจะเอาภาพสวยๆกว่านี้มาอีกครั้ง รอให้ได้ไปอีกทีก่อน

ใครมีโปรแกรมจะไปถึงที่คุโรเบะ ลองไปดูที่เว็บนี้ก็ได้ครับ มีเกี่ยวกับการเดินทางรถไฟคล้ายรถไฟสายโรแมนติกของเกียวโตด้วย สวยดีครับ อันนี้ผมเองก็ไม่เคยไปเหมือนกันครับ แหะๆ
http://www.kurotetu.co.jp/en/

และเว็บของเจแปนแอลป์ก็ที่นี่เลยครับ เป็นภาษาไทย ดูเข้าใจง่ายดีครับ ลองดู
http://www.alpen-route.com/th/

ถ้าใครจะไปเป็นบัสทัวร์ก็ลองดูที่นี่ครับ อันนี้อาจเป็นตอนช่วงหน้าร้อนไม่มีกำแพงหิมะ แต่ก็มีเขื่อนคุโรเบะครับ
http://www.yokoso-japan.jp/en/36814.html

เต็มที่เลยนะครับบบ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่