เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดยคุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
คณะรัฐมนตรีซุ่มถกวาระริมแดง อนุมัติปรับขึ้นการเรียกเก็บภาษี เหล้า-ไวน์-เบียร์ ทั้งมาตรการและการปรับเพดาน สูงสุดเต็มอัตรา 20 เท่า คาดสรรพสามิตมีเงินไหลเข้าอีกปีละหลายหมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวานนี้ (27 สิงหาคม 2556) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้จัดให้มีการประชุมกันวาระลับ (ริมแดง) เพื่อพิจารณาปรับเพดานภาษีสรรพสามิต ที่เกี่ยวข้องกับ สุรา ไวน์ และเบียร์ ที่ได้อนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตัวกำหนดเพดานและวิธีการคำนวณ
ซึ่งการเพิ่มเพดานราคานั้น บางกรณีเพิ่มเป็น 20 เท่า และในบางกรณีเพิ่มเป็น 5 เท่า ส่วนการเปลี่ยนวิธีคิดคำนวณได้ทำการเปลี่ยนวิธีคิดคำนวณเป็นสูตรใหม่ คือ จากเดิมใช้ราคาหน้าโรงงานการผลิตมาใช้ในการคำนวณภาษี ส่วนสุรานำเข้าให้ใช้ราคา C.I.F. หรือราคาส่งมอบมาคิดคำนวณ แต่เปลี่ยนมาเป็นใช้ราคาขายปลีกและส่งขั้นสุดท้ายมาคิดคำนวณภาษีแทนสูตรเก่า ซึ่งสูตรการคิดคำนวณภาษีนี้จะได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
โดยถ้าจะยกตัวอย่างการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้ จะเห็นว่า สุราแช่ ไวน์ และเบียร์ จะถูกขยับเพดานสูงสุดเป็น 2,000 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ ซึ่งแต่เดิมเพดานอยู่ในอัตรา 60% ของมูลค่า และอยู่ที่ 100 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ นี่คือส่วนที่เพิ่มขึ้นมา 20 เท่า แต่ยังไม่ได้แปลว่าจะขึ้นจนสุดเพดาน มาตรการนี้จะทำการประกาศออกมาเป็นกรอบก่อน เมื่อจะมีการนำมาบังคับใช้ จึงจะทำการประกาศอีกที
ในส่วนของสุรากลั่น ประเภท วิสกี้ บรั่นดี และสุราปรุงพิเศษ ปัจจุบันเก็บเต็มเพดานแล้ว ซึ่งอยู่ที่ 50% ของมูลค่า และ 400 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ จึงให้ขยายเพดานสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่า ก็คือเป็น 2,000 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ หรือจะพูดง่าย ๆ ว่าทำการขยายตัวภาษีขึ้นมาอีก แล้วตัวอัตราราคาที่เอามาคิดคำนวณก็คิดในราคาที่สูงขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการปรับภาษี 2 เด้ง คือ ปรับมาตรการราคาก่อน แล้วค่อยทำการปรับเพดานราคาเข้าไป
ทั้งนี้แหล่งข่าวรายงานเพิ่มเติม จากการอนุมัติให้มีการปรับภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ คาดว่าสรรพสามิตจะสามารถเรียกเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอีกปีละหลายหมื่นล้านบาท
******* สมมติเหล้าเบรน 285 ราคา 200 บาท เบียร์ลีโอ 50 บาท ถ้ากฏหมายนี้ผ่าน ราคาจะปรับขึ้นเป็นเท่าไหร่ครับ
จากข่าว ครม. ซุ่มอนุมัติปรับขึ้นภาษี เหล้า-ไวน์-เบียร์ สูงสุดเต็มอัตรา ขึ้นภาษี เหล้า-ไวน์-เบียร์
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดยคุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
คณะรัฐมนตรีซุ่มถกวาระริมแดง อนุมัติปรับขึ้นการเรียกเก็บภาษี เหล้า-ไวน์-เบียร์ ทั้งมาตรการและการปรับเพดาน สูงสุดเต็มอัตรา 20 เท่า คาดสรรพสามิตมีเงินไหลเข้าอีกปีละหลายหมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวานนี้ (27 สิงหาคม 2556) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้จัดให้มีการประชุมกันวาระลับ (ริมแดง) เพื่อพิจารณาปรับเพดานภาษีสรรพสามิต ที่เกี่ยวข้องกับ สุรา ไวน์ และเบียร์ ที่ได้อนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตัวกำหนดเพดานและวิธีการคำนวณ
ซึ่งการเพิ่มเพดานราคานั้น บางกรณีเพิ่มเป็น 20 เท่า และในบางกรณีเพิ่มเป็น 5 เท่า ส่วนการเปลี่ยนวิธีคิดคำนวณได้ทำการเปลี่ยนวิธีคิดคำนวณเป็นสูตรใหม่ คือ จากเดิมใช้ราคาหน้าโรงงานการผลิตมาใช้ในการคำนวณภาษี ส่วนสุรานำเข้าให้ใช้ราคา C.I.F. หรือราคาส่งมอบมาคิดคำนวณ แต่เปลี่ยนมาเป็นใช้ราคาขายปลีกและส่งขั้นสุดท้ายมาคิดคำนวณภาษีแทนสูตรเก่า ซึ่งสูตรการคิดคำนวณภาษีนี้จะได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
โดยถ้าจะยกตัวอย่างการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้ จะเห็นว่า สุราแช่ ไวน์ และเบียร์ จะถูกขยับเพดานสูงสุดเป็น 2,000 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ ซึ่งแต่เดิมเพดานอยู่ในอัตรา 60% ของมูลค่า และอยู่ที่ 100 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ นี่คือส่วนที่เพิ่มขึ้นมา 20 เท่า แต่ยังไม่ได้แปลว่าจะขึ้นจนสุดเพดาน มาตรการนี้จะทำการประกาศออกมาเป็นกรอบก่อน เมื่อจะมีการนำมาบังคับใช้ จึงจะทำการประกาศอีกที
ในส่วนของสุรากลั่น ประเภท วิสกี้ บรั่นดี และสุราปรุงพิเศษ ปัจจุบันเก็บเต็มเพดานแล้ว ซึ่งอยู่ที่ 50% ของมูลค่า และ 400 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ จึงให้ขยายเพดานสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่า ก็คือเป็น 2,000 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ หรือจะพูดง่าย ๆ ว่าทำการขยายตัวภาษีขึ้นมาอีก แล้วตัวอัตราราคาที่เอามาคิดคำนวณก็คิดในราคาที่สูงขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการปรับภาษี 2 เด้ง คือ ปรับมาตรการราคาก่อน แล้วค่อยทำการปรับเพดานราคาเข้าไป
ทั้งนี้แหล่งข่าวรายงานเพิ่มเติม จากการอนุมัติให้มีการปรับภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ คาดว่าสรรพสามิตจะสามารถเรียกเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอีกปีละหลายหมื่นล้านบาท
******* สมมติเหล้าเบรน 285 ราคา 200 บาท เบียร์ลีโอ 50 บาท ถ้ากฏหมายนี้ผ่าน ราคาจะปรับขึ้นเป็นเท่าไหร่ครับ