พระอาจารย์คะ ... โยมเป็นหนี้เค้าอยู่สี่แสนเจ้าค่ะ จะทำอย่างไรดี (เรื่องเล่าจากวัดตาลเอน)

วันหนึ่ง ที่วัดตาลเอน มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง รอพระอาจารย์จิ (พระครูสมุจิรยุทธิ์ อธิฉนฺโท) เพื่อที่จะได้ระบายความในใจ ปรับทุกข์กับท่าน

เมื่อโยมคนนั้น ได้โอกาส ก็ก้มกราบ คุยทั่วไป และเริ่มระบายความทุกข์มหาศาลในใจของเธอทั้งน้ำตา

"พระอาจารย์ขา  (ฮือT_T) โยม เป็นหนี้เค้าอยู่สี่แสนน่ะเจ้าค่ะ  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้หมดเจ้าค่ะ (หื้อออออ)"  โยมผู้หญิงท่านนั้น พูดไปก็ร้องไห้ไป

พระอาจารย์จิ มองโยมคนนั้น ไม่ถึงสามวินาที สายตาสดใสและเอ็นดู  ตอบกับโยมคนนั้นว่า

"โย้ม  อาตมาเคยเป็นหนี้ สิบแปดล้านนะโยม อาตมายังไม่เห็นทุกข์ร้อนอะไร"

โยมคนนั้นพอได้ยินว่ามีคนที่หนักกว่าตนเอง  ก็ตาโพลง

"สิบแปดล้านเลยเหรอเจ้าคะ"

แล้วน้ำตาก็หายไป กลายเป็นความฉงนสนเท่ห์ และได้กำลังใจขึ้นมา ความฉงนสนเท่ห์ที่เข้ามากลบเกลื่อนความเศร้าของเธอนั่นก็คือคำถามที่ว่า พระอาจารย์จิ ท่านอยู่กับกองหนี้ขนาดนี้ โดยที่ไม่ทุกข์ร้อน ซ้ำยังเทศน์สั่งสอนญาติโยมได้อย่างไร



นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย  สำหรับผู้ที่รู้จักท่าน  สมัยท่านออกจากวัดอัมพวัน หลังจากที่เป็นพระวิทยากรสอนกรรมฐาน จนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ ในจังหวัดอยุธยา ท่านเริ่มจากวัดธรรมดา ชาวบ้านแถวนั้นก็ไม่ค่อยชอบท่าน ที่ท่านจะมาให้วัดเป็นที่ปฏิบัติธรรม  มายกเลิกมหรสพ ยกเลิกวงดนตรี ไม่จัดงานเหมือนวัดอื่น ๆ   ท่านก็ยังอาศัยธรรมและความดีงาม สัจจะบารมีและขันติ จนสามารถขยายจากวัดเล็ก ๆ มาเป็นสำนักปฏิบัติธรรมแห่งที่ 15 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้  

ท่านเล่าว่า "อาตมา สร้างตึกสี่ชั้น ให้คนเค้ามาอยู่ มานอน ตัวเองยังไม่เคยขึ้นไปดูเลยว่าเป็นยังไง" และว่า "อาตมา เป็นหนี้สิบแปดล้านนะ สร้างตึกนั้นเสร็จ เซ็นสัญญาเสร็จก็เป็นหนี้ทันทีเลย เห็นไหม อาตมาก็ยังอยู่ได้"


นั่นยังไม่ใช่เรื่องแปลก  ที่แปลกไปกว่านั้น คือ เมื่อท่าน กำลังขยายสถานที่ปฏิบัติธรรม เพราะญาติโยมศรัทธามาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น ท่านก็มองเห็นที่ดินรอบข้าง หลายไร่อยู่ทีเดียว แต่ดูเหมือนไม่มีใครดูแล ไม่ีมีใครใช้งาน ท่านปรารถนาที่จะขยายพื้นที่ออกไป แต่ก็ไม่รู้ว่าที่บริเวณรอบวัดนั้นใครเป็นเจ้าของ  ถ้าทราบ จะได้ติดต่อเพื่อสอบถามราคา และให้ญาติโยมได้ทำบุญรวมเงินกันบริจาคซื้อที่ดิน

ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อนหน้า  มีโยมคนหนึ่ง เป็นเศรษฐี เธอไปดูหมอที่เป็นคนทรง คนทรงทักเธอว่า ให้ซื้อที่ดินแปลงนี้ไว้นะ  ถึงเวลา  จะให้ถวายวัด  ด้วยความเชื่อ เธอจึงซื้อไว้ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะได้ถวายให้กับวัดไหน เมื่อไหร่  ตัดภาพกลับมาเวลานั้น  ในขณะที่พระอาจารย์จิกำลังตามหาเจ้าของที่ดินนั่นเอง  มีโยมท่านหนึ่ง ท่านเป็นทนาย  ได้พาลูกชายมาบวชที่วัด  โยมท่านนี้ได้สนทนากับพระอาจารย์เรื่องนี้ จึงไปสืบเสาะ จนพบตระกูลหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของที่  ซึ่งปรากฎว่า ผู้ซื้อ ซึ่งก็คือโยมคนที่ร่างทรงทักให้ซื้อที่ดินผืนนั้นไว้ ได้เสียชีวิตลงแล้ว เหลือแต่ลูกหลาน  แต่ลูกหลานก็ยังไม่ขาย  ยังคงวาจาของพ่อแม่ไว้ ว่าจะให้บริจาคให้กับวัด  จึงเหมาะเจาะพอดีกับที่พระอาจารย์จิ ต้องการที่ดินผืนนี้  ท่านจึงได้รับการถวายที่ดินผืนนี้โดยไม่ต้องใช้เงินญาติโยมแม้แต่บาทเดียว  ปัจจุบันนี้  วัดตาลเอน เป็นสำนักปฏิบัติธรรมสาขาของวัดอัมพวัน  และมีผู้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นจำนวนมาก  หลาย ๆ คนที่ไปวัดนี้ แล้วชีวิตจิตใจเปลี่ยน  

แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เรื่องแปลกพอ

ที่แปลกจริง ๆ คือ ความพิเศษของพระอาจารย์จิ  

มีอยู่วันหนึ่ง เราเองในฐานะผู้ปฏิบัติธรรม  มีความสงสัยท่านเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะเราไม่คุ้นกับกรรมฐานที่ท่านสอน เราศึกษามหาสติปัฏฐานมา ไม่เคยเห็นพระพุทธองค์ทรงให้กำหนดคำว่าหนอ สักครั้ง  (จนมาถึงบางอ้อในสุดท้าย ท้ายสุด ว่ากรรมฐาน ยุบพองหนอ สายหลวงพ่อจรัญนั้น มีกุญแจตรงกับมหาสติปัฏฐานสี่อย่างไร) เราเลยถามตัวเองในใจ ในขณะที่ทำวัตรเย็นวันหนึ่ง  ว่า  "ถ้าพระอาจารย์ท่านรู้จริง ต้องอ่านใจเราได้ ... แต่เอ ถ้าอ่านใจเราได้แล้ว  จะใ้ำำำำห้ท่านทำอย่างไรให้เรารู้ดีล่ะ ...."  ในขณะที่โยมท่านอื่น ๆ ก็เปิดหนังสือสวดมนต์ทำวัตรเย็นสวดกันไป เราก็ได้แต่นั่งออกจากอารมณ์กรรมฐาน คิด คิด "เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าท่านทราบจริง ๆ ล่ะก็ วันนี้ท่านลองเปรยนิด ๆ ในธรรมะเรื่องขันติแล้วกัน"  เราคิดในใจ ขอให้ท่านแสดงอะไรบางอย่างให้เราทราบว่าท่านทราบ  และแล้ว  ทำวัตรเย็นบทต่อไป


"ต่อไป เราเปิดไปหน้าที่ xxx นะ เรามาสวดขันติกถากันนะ มาพิจารณาคุณของขันติกัน"

นาทีนั้น โยมท่านอื่น ๆ ก็สวดตามปรกติ  แต่เราเหรอ  ถือหนังสือ  นั่ง เงียบ ไม่พูดอะไรสักคำ เพราะพูดไม่ออก

เรามาที่นี่หลายครั้งแล้ว พระอาจารย์ไม่เคยให้สวดบทนี้เลย วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดี ๆ วันนี้ท่านถึงจะสวดบทนี้ขึ้นมา

เป็นคำตอบที่คงไม่ต้องค้นหา  ถ้าคุณต้องการกำลังใจในชีวิต  ต้องการกัลยาณมิตรที่ดี  ต้องการใครที่ช่วยให้ชีวิตคุณพลิกได้ มากกว่าคนญาณทิพย์  สัมผัสจิต  ตามโทรทัศน์ แต่ท่านจะล้วงลึกเข้าไปเปลี่ยนชีวิตคุณได้ ถ้าคุณเปิดรับและมีความพยายามทำตามท่าน   ซึ่งในปัจจุบันนี้  จะมีพระที่มีความรู้ ความสามารถ ความพิเศษ  ความสว่าง  สะอาด  สติ และมีความพยายาม ทำเพื่อผู้อื่นและพระพุทธศาสนา อย่างท่าน  หาได้ยากมาก  

ขอเชิญทุกท่านสัมผัสที่วัดตาลเอน  ทั้งผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม  อ่านหนังสือธรรมะเฉย ๆ หรือผู้ที่เคยปฏิบัติสายอื่น ๆ แล้ว เราขอเชิญให้มาปฏิบัติธรรมที่นี่ค่ะ เพราะพระอาจารย์ท่าน ต้องเรียกว่า "มีของดี" และพระอาจารย์ ท่านจะให้กำลังใจกับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมเสมอ ๆ ไม่ว่าจะทุกข์ใจเรื่องอะไร  อกหัก ความรัก งาน เงิน ท่านให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี  

ผู้ที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้ ช่วงทำวัตรเช้าหรือเย็น จะสังเกตุว่ามีของแปลก ๆ บางอย่าง ตั้งอยู่หน้าพระุพุทธรูป และพระบรมสารีริกธาตุ  นั่นคิอตุ๊กตาล้มลุก

ตุ๊กตาล้มลุกตัวนี้  พระอาจารย์ท่านให้นำมาวางไว้ด้านหน้า หลังจากที่มีโยมนำมาถวาย เพราะเห็นพระอาจารย์็เทศน์บ่อย ๆ เทศนาของท่านคือ การไม่ท้อ และการลุก

"ท่านเทศน์เสมอว่า  โยมดูตุ๊กตาล้มลุกสิ  มันไม่มีขามีแขนนะ  มันล้มแล้วมันยังลุกขึ้นมาได้น่ะโยม แล้วโยมเป็นคน มีขา มีแขน ทำไมล้มแล้วมันจะลุกไม่ได้ล่ะ  โยม  ท้อน่ะ เค้าไม่ได้มีไว้ให้คนนะ  เค้ามีไว้ให้ลิงถือ"  เทศน์ทำนองนี้ ท่านนำมาเทศน์บ่อย ๆ เราศรัทธาในตัวท่านมาก เพราะสมัยนี้ จะหาพระี่ที่เทศน์จนญาติโยมร้องไห้ แบบออกมาจากใจได้ไม่มากแล้ว พระที่เทศน์แล้วเหมือนพูดให้เราฟัง เทศน์แล้วไม่ง่วง เทศน์แล้วนั่งตัวสั่น เพราะจะร้องไห้ เพราะตรงกับเรา เทศน์แล้วเหมือนกระจก ส่องตัวเรา เหมือนท่านมองเราเห็นหมด มีไม่มากจริง ๆ อยากให้ทุกท่านได้สัมผัส


แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องแปลกที่สุด

แปลกที่สุด  ก็คือตอนที่คุณสนทนากับท่านครั้งแรก ซึ่งเรื่องนี้ เราคงเล่าไม่ได้ อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัตตังของคุณเองก็ได้ค่ะ (พูดภาษาบ้าน ๆ ว่าต้องเจอเอง)

เราอยากให้คุณได้สัมผัสพระปฏิบัติแสนดี ยิ้มสวย อารมณ์ดี EQ เป็นเยี่ยม ใช้ภาษาเทศน์ที่ฟังแล้ว get (คำนี้เหมาะที่สุด) รูปนี้ สักครั้งในชีวิตค่ะ
ถ้าอยากลองฟังเสียงพระอาจารย์ เปิดเวปไซด์นี้ หลังทำวัตรเย็นหกโมง พระอาจารย์จะลงเทศน์ค่ะ เขียนคำถามผ่านเวปไซด์ที่ต้องการสอบถามพระอาจารย์ได้เลย ได้ทั้งคำถามสอบอารมณ์กรรมฐานและคำถามธรรมะทั่วไป  ปรกติทำวัตรเย็นพระอาจารย์จิท่านจะเริ่มสวด แต่จะให้พระรูปอื่นท่านต่อให้ แต่ถึงเวลาเทศน์จะเป็นท่านค่ะ หากต้องการฟังเสียงของท่านและฟังคำตอบเรื่องกรรมฐานหรือธรรมะ ให้รอช่วงเย็นจนถึงตอนเทศน์นะคะ  จะได้ยินเสียงท่านผ่านเวปไซด์
http://www.wattanen.org




พระครูสมุห์จิรยุทธิ์ อธิฉนฺโท เจ้าอาวาส วัดตาลเอน และพระอาจารย์ผู้สอนกรรมฐาน




ปล. เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับท่านทีแรก ว่าทำไมปฏิบัติ ทำอะไรก็ต้องหนอตลอด เราถามท่านว่า ฝรั่งมาปฏิบัติคณะห้าวัดมหาธาตุ ก็ไม่เห็นมีหนอ ท่านตอบเราว่า ถูกแล้ว คำว่าหนอ เราสมมุติขึ้นมาให้รู้สึกตัว รู้อาการที่เกิดขึ้น แต่การปฏิบัติจริง ๆ คือ ผู้ปฏิบัติธรรม ต้องทราบ ต้องใช้สติกำหนดว่ากำลังทำอะไร กำลังเกิดอะไร  คำว่าหนอ ไม่มีในการปฏิบัติตั้งแต่แรก เราจะใช้เป็นคำว่าเน้อ คำว่านะ ก็ได้  สำหรับคนเริ่มปฏิบัติ เราต้องมีแนวทางไว้ก่อน แต่คนที่ปฏิบัติเป็นแล้ว แนวทางตรงนี้อย่าไปติด โยม คนจะข้ามฝั่ง ต้องใช้เรือมั้ย ... ใช้ .. แล้วพอถึงฝั่ง เรือต้องใช้มั้ย .... ไม่ต้อง  ... แต่นี่บางคนนะ  ข้ามฝั่ง จนถึงฝั่งแล้ว ยังแบกเรือไปอีก

ท่านพูดแค่ตรงนี้ เราเข้าใจเลย  การกำหนดหนอนั่นคือสติปัฏฐานล้วนสำหรับผู้เริ่มต้น เท่ากับว่า สถานปฏิบัติธรรมนี้ ดำเนินตามองค์มรรคแปดอยู่  ที่ใดมีการเจริญมรรค  ที่นั่นย่อมมีผู้บรรลุผล  และถ้าเราอยากสัมผัสผู้ที่บรรลุผล คงต้องเดินตามท่านสักครั้ง


ปล.2 สำหรับท่านที่ชอบบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระอาจารย์จิรยุทธิ์  ท่านสามารถอัญเชิญให้พระธาตุเสด็จได้ง่ายมาก  องค์ที่ใหญ่ที่สุด จะอยู่ด้านหลังท่าน เป็นพระทันตธาตุ เสด็จมาอนุโมทนาพระอาจารย์ในปีพุทธชยันตี ฉลองการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะหาผู้ที่มีบารมี อัญเชิญพระธาตุให้เสด็จมา ไม่ใช่ใครจะทำได้ง่ายนัก

ปล.3 พระอาจารย์ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ไทย อย่างหาตัวจับได้ยาก(<สำนวน)ท่านหนึ่งเลยทีเดียว ลองให้ท่านเล่าประวัติพระสุพรรณกัลยาดูค่ะ เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นในความรู้ของท่าน แต่ท่านจะเล่าจนซึ้งเลย


ตัวอย่างตอนหนึ่งจากการเทศน์ของท่าน ท่านเทศน์เรื่องสาระสำคัญของการที่พระธาตุเสด็จ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ




พระอาจารย์จิรยุทธิ์ อธิฉนฺโท 12/3/56

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ




(ขออนุญาติแทกปัญหาชีวิต เราขอยืนยันว่ากระทู้นี้ และพระรูปนี้ ท่านแก้ปัญหาชีวิตของผู้ที่มาหาท่านได้ดีมาก ใครที่มีปัญหาชีวิตแล้วไปหาท่าน รับรองว่าจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ พิจารณาเนื้อหาของกระทู้ก่อนนำแทกออกนะคะทีมงานและเพื่อนสมาชิก  เพื่อช่วยเหลือคนที่มีปัญหาชีวิตได้มีโอกาส เค้าจะได้มีกำลังใจ มีแนวคิดในการใช้ีชีวิตมากขึ้น ขอบคุณค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่