[CR] Brazil "สวยแปลกตา และมีอะไรมากกว่าฟุตบอล" Iguacu-Rio-Minas Gerais-Salvador-Chapada Diamandtina-Sao Paulo.

สวัสดีค่ะ รีวิวแรกในชีวิตเลยนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวกับชาวบลูแพลเน็ตด้วยค่า อยากแชร์รายละเอียดการเดินทางเผื่อมีคนอยากไปเที่ยวเองอย่างเรา ช่วงแรกๆ จะไม่ค่อยเจาะลึกนะคะเพราะยังไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ หลังๆจะพยายามแทรกรายละเอียดบวกความคิดของคนบราซิลเองนิดๆหน่อยๆที่ได้พูดคุยระหว่างการเดินทางนะคะ

เป็นการเดินทางครั้งแรกไปในทวีปอเมริกาใต้เลยค่ะ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ไปจริงๆเพราะคิดตลอดว่าการไปประเทศในแถบนั้นมันห่างไกลกับตัวเรามากจริงๆ พอดีมีเพื่อนชาวบราซิลที่อยู่เมืองไทยจะกลับไปเยี่ยมบ้านเลยมาชวน ชวนมาเป็นปี สุดท้ายก็ตัดสินใจ เอาไงเอากัน เพราะไปกับทัวร์คงแพงมาก แล้วคงไปได้แค่ไม่นาน ตัดสินใจเก็บเงินเพื่อดินแดนในฝันของเรา ใช้เวลา 1 เดือนในบราซิลonly แล้ววันเดินทางก็มาถึง

ที่บราซิลเข้าประเทศไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ คนไทยสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน
สกุลเงินที่ใช้ในบราซิลคือ Reais (เฮอายส์)
แลกเงิน USD หรือ EUR ไปเพื่อไปแลกอีกที 1 USD จะประมาณ 2.1-2.2 Reais, 1EUR จะประมาณ 2.90 Reais
คนที่นี่จะใช้ภาษาโปรตุเกตุเป็นภาษาหลัก แต่ก็มีจำนวนมากที่พอเข้าใจภาษาสเปน แต่คนพูดภาษาอังกฤษ โดยเฉลี่ยยังถือว่าน้อยมาก

เราเดินทางกับสายการบิน Turkish Airline ซึ่งเป็นสายการบินในกลุ่ม Star Alliance ที่สามารถสะสมไมล์กับการบินไทยได้ด้วย เดินทาง Bangkok- Istanbul 10 ชั่วโมง แล้วต่อด้วย Istanbul - Sao Paulo (ลงที่ GRU) อีก 13ชั่วโมง เดินทางไปอเมริการใต้ไม่มีบินตรงนะคะ มาถึงสนามบิน Sao Paulo ตอน16.55 ก็รอต่อเครื่องไปเที่ยวน้ำตกอิกัวซู่เลยค่ะ จาก Sao Paulo มีไฟลท์ไป Foz do Iguacu อยู่หลายสายการบินเช่น TAM, GOL, Azul แต่ละสายการบินก็มีบินไปวันละ 10กว่า เที่ยวบินต่อวัน ทั้งบินตรงแล้วก็มีเปลี่ยนเครื่อง บินตรงของ TAM มี 4 เที่ยวบินต่อวัน แต่ตอนจองต้องดูรหัสสนามบินดีๆด้วย เพราะที่ Sao Paulo มีสนามบินอยู่ 3 สนามบิน ถ้าขึ้นคนละสนามบินต้องเผื่อเวลาไว้ให้ดีด้วย เพราะรถติดช่วงเวลาเร่งด่วนที่เมืองนี้ก็น้องๆกรุงเทพเลย แต่สายการบิน TAM กับ GOL จะมีรถรับส่งระหว่าง GRU กับ CGH บริการด้วย

เราบินกับ TAM แต่เป็นเช้าวันถัดไป 7.20 ถึง Foz do Iguacu 8.50 พอได้รับกระเป๋าปุ๊บก็รีบไปหาที่ฝากกระเป๋าใบโตของเรา ที่นี่จะเป็นล็อคเกอร์ ที่ต้องใช้ Token 2เหรียญ ราคาTokenละ 10 R$ (ตอนกรกฎา56 เงินReai 1R$=14บาทโดยประมาณ) หยอดเพื่อล็อค ซื้อToken ให้ขึ้นบันไดเลื่อนแล้วไปซื้อที่ร้านกาแฟ บอกเค้าแค่ ล็อคเกอร์แล้วชี้ไปที่กระเป๋า ก็OK เพราะไม่มีใครพูดอังกฤษได้ แล้วเค้าจะมีคนช่วยพามาที่ล็อคเกอร์(อยู่ใกล้ประตูตรงที่แท็กซี่จอดรอเป็นแถว) เอากระเป๋าเข้าล็อคเกอร์บิดกุญแจ เหรียญหล่นลงไป เราก็เอากุญแจเก็บไว้เพื่อใช้ตอนเปิด ถ้าเราลืมของจะเปิดเอาของก็ใช้กุญแจที่เราเก็บไว้เปิดได้แต่จะปิดล็อคอีกทีก็ต้องซื้อใหม่อีก 2 Tokenนะคร้าบบบ แต่แบบนี้ดีตรงที่ฝากนานแค่ไหน ก็จ่ายแค่ 20R$ จนกว่าจะไขเปิดตู้ ^^เราฝากไว้ 3 วันเลยคุ้มเพราะที่อื่นคิดเป็นรายวัน  จากนั้นก็เดินมาที่ป้ายรถเมล์ที่ติดกับทางเข้าที่จอดรถ มีอยู่ป้ายเดียว จะเข้าเมืองFoz หรือไปน้ำตกก็รอที่เดียวกัน จะไปน้ำตกก็ให้ดูป้ายหน้ารถที่เขียนว่า Cataratas ที่นี่ขึ้นรถเมล์ประตูหน้าลงประตูหลัง แล้วพอขึ้นรถให้ถามคนเก็บเงินว่าไป Fall ป่าว? ถ้าไม่ไปเค้าก็จะชี้โบ๊ชี้เบ๊พูดประมาณว่าให้รอก่อน คันนี้ไม่ไปน้ำตก อะไรยังงั้น แต่ถ้าไปก็จ่ายเงินไป 2.80R$ ที่นี่ไม่ต้องกลัวว่าต้องเตรียมเงินให้พอดีเพราะเค้าจะมีทอนเงิน แต่ถ้าแบงก์ใหญ่เกินไปเค้าจะไม่มีทอน เป็นปัญหายุ่ง ยังไงก็ควรเตรียมไว้อย่าให้ใหญ่กว่า 10R$ ละกัน จ่ายแล้วก็พลักที่หมุนๆเข้าไป แต่ต้องออกแรงเยอะหน่อย นั่งประมาณ 5 นาทีรถก็มาจอดหน้า Parque Nacional Do Iguacu ไม่รอช้าเราก็เอากระเป๋าอีกใบขนาดประมาณCabin Luggage ไปฝากที่ล็อคเกอร์เหมือนเดิม ระบบเดียวกับที่สนามบิน แต่ที่นี่ใช้แค่1Token ฝากเสร็จก็จัดการซื้อตั๋วเข้าในราคา 41.60R$


จากนั้นก็นั่งรถบัสของปาร์คโดยรถจะจอดจุดเริ่มเดิน หรือจุดทำกิจกรรมต่างๆตามทาง แต่คนส่วนใหญ่ก็จะไปลงกันสุดทางหน้าโรงแรมหรู Hotel das Cataratas ห้องนึง 1-2หมื่น แต่เราแบ็คแพ็คก็ลืมไปเลยโรงแรมนี้ เอาแต่รูปหน้าโรงแรมมาฝากแทนละกันค่ะ


จากจุดลงรถบัสนี้ จะมีทางให้เดิน ทางซ้ายและขวา เราเลือกเดินไปทางซ้ายที่เหมือนจะขึ้นเนินไป เดินเข้าไปไม่ถึงนาทีก็เจอวิวน้ำตกประมาณนี้

เดินต่อไปยิ่งเดินยิ่งใกล้น้ำตก ยิ่งสวย เสียงยิ่งดัง แต่อากาศตอนที่ไปอึมครึม ไม่มีแดด ฝนตกปรอยๆ เลยได้วิวแบบละอองน้ำเต็มไปหมด เยอะเป็นหมอกด้านล่างของน้ำตกเลย


ทางเดินที่นี่จะเป็นคอนกรีตเป็นทางเดินที่ค่อนข้างสบาย ตลอดทางก็จะเจอเจ้าตัวปากแหลมที่เห็นในรูปเยอะแยะ เจ้าตัวนี้เรียกว่า Coati มันจะชอบมาแย่งอาหารจากมือนักท่องเที่ยว ทางปาร์คก็มีป้ายเตือนเป็นระยะ ให้ระวังเจ้าพวกนี้เพราะสามารถทำให้คนบาดเจ็บได้ รวมทั้งป้ายห้ามให้อาหาร และทิ้งเศษอาหารด้วย



เดินจนสุดทางซึ่งจะมีลิฟท์สำหรับขึ้นลง ไปยังร้านอาหารกับร้านขายของที่ระลึก ถ้าเดินออกจากลิฟท์ชั้นล่างก็เดินลงมาอีกตามทาง ก็จะเจอ Devil's Throat Balcony  เป็นจุดที่ใกล้ชิดน้ำตกที่สุดของฝั่งบราซิลค่ะ ใครเดินไปทางเดินไม้ที่ทอดยาวออกไปนี้ หายห่วง รับรองได้สัมผัสน้ำตกเปียกปอนกลับมาทุกราย


วิวจาก Devil's Throat Balcony




วิวทางฝั่งบราซิลจะเป็นวิวที่เห็นแบบพาโนรามา ที่นี่เกือบทุกจุดจะเห็นสายรุ้งเต็มไปหมด เพราะละอองน้ำจากน้ำตกฟุ้งมาก


ว้าย เพิ่งเที่ยงกว่าๆ เดินจนสุดทางแล้วอ่ะ เลยตัดสินใจออกไปผึ่งแดด เพราะตอนนี้แดดเริ่มมา แล้วลองเดินลงมาดูว่ามีกิจกรรมอะไรให้ทำได้อีก ที่นี่เค้ามีซาฟารีป่ากับล่องเรือไปใกล้ๆน้ำตก แต่เราคิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปล่องเรือฝั่งอาร์เจนตินาเลยบายกับกิจกรรมนี้ไป กับอีกกิจกรรมอีกอันคือโรยตัว Rapel ที่เราเลือกนี่แหละค่ะ เป็นการโรยตัวลงด้วยเชือกโดยที่ห้อยตัวผ่อนเชือกลงมาเรื่อยๆโดยเท้าไม่แตะหน้าผา โรยตัวจากเครนสูง 55 เมตรจากพื้นดิน กิจกรรมนี้ควักจ่ายไป 75 R$ หรือ 34USD จะจ่ายเป็นเงินสกุลเค้าเองหรือดอลลาร์สหรัฐก็ได้นะคะ ระหว่างรอโรยตัว ก็มานั่งพัก กินข้าวที่เก้าอี้ชมวิวดูน้ำตกเรียงกันเป็นแผง โดยที่เราเอาข้าวหอมมะลิกระป๋อง กับ ไก่ผัดกระเทียมพริกไทย และน้ำพริกปลากดุกฟู ที่ซื้อจาก 7-11 ที่เมืองไทยไปกินพร้อมกันวิวน้ำตกเป็นพรืดดดตามประสาแบ็คแพ็คเกอร์ ร้านอาหารที่นี่ใกล้น้ำตกวิวก็สวยมากแต่ราคาค่อนข้างแพง และก็ร้านเล็กๆขายอาหารฟาสฟู๊ดพวกแซนวิชก็มีอยู่ ที่นี่เค้าไม่ห้ามให้นำอาหารข้างนอกเข้ามาทานนะคะ แค่ให้ระวังเจ้าตัว Coati ให้ดีเป็นพอ หลังจากกินเสร็จก็พักนิดนึงก็ถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่เค้ามาซักซ้อมการโรยตัว (ขอโทษที่มีรูป จขกท ลงมาด้วย เพราะจุดที่โรยตัวปกติเค้าปิดไว้ไม่ให้คนเข้า แล้วก็ไม่ให้เอากล้องติดกะตัวไปตอนโรยตัว เพราะสายกล้องอาจไปพัวพันกับอุปกรณ์ได้ เลยต้องฝากกล้องไว้กับเจ้าหน้าที่) วิวข้างหลังเนี่ย ตอนโรยตัวยังไม่อยากให้ถึงพื้นเลย แบบโรยช้ามากกกกก หยุดชื่นชมสิ่งรอบตัวนานเลย เพราะมีโรยตัวแค่คนเดียว ไม่ต้องกลัวมีคนรอต่อคิวลงตามมา ;)

โรยตัวเสร็จก็ต้องปีนบันได ขึ้นมาจุดเดิม เหนื่อยๆๆๆๆๆๆ แต่ชอบ

หลังจากโรยตัวก็ไม่มีอะไรแล้ว เราตั้งใจจะข้ามไปค้างคืนที่ Puerto Iguazu ฝั่งอาร์เจนตินาเลย ไม่กลับเข้าไปเมือง Foz do Iguacu แล้ว สอบถามเส้นทางจากเจ้าหน้าที่ตรงจุดประชาสัมพันธ์กิจกรรมในปาร์ค(พูดอังกฤษ) ก็ออกมาเอากระเป๋า แล้วไปรอขึ้นรถเมล์ โดยมาลงที่ โรงแรม Bourbon เป็นรีสอร์ท ห้องประชุม เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างใหญ่ ยาวเกือบ 3 ป้ายรถเมล์ จะให้ดีก็นั่งใกล้ประตูทางลง ฝั่งขวาเพราะเป็นฝั่งที่ติดกับฟุตบาธ จะได้มองเห็นโรงแรมนี้ง่าย ที่นี่จะขับรถคนละฝั่งกับเมืองไทย (เหมือนอเมริกา,ลาว) ตามที่ได้รับข้อมูลมาจากที่คุยกะ จนทในปาร์คเห็นโรงแรมนี้ปุ๊บก็ลงปั๊บ ถ้าไม่ทันก็ลงป้ายถัดไป ไม่มีปัญหา ลงแล้วก็ข้ามถนนไปรอรถเมล์ฝั่งตรงกันข้าม ให้ดูที่ป้ายหน้ารถจะเขียนว่า Peurto Iguazu หรือ Argentina ค่ารถ 4.80R$ พอถึงด่านตรวจ เค้าก็ให้เราลง แล้วจะให้ตั๋วใบเล็กๆมาไว้สำหรับรอขึ้นรถคันถัดไปโดยไม่ต้องเสียค่ารถอีก เค้าไม่รอเราเพราะคนส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นไม่ต้องตรวจ passport


แล้วเราก็เดินไปห้องตรงกลางๆ ลงตราออกนอกประเทศบราซิล แล้วก็ออกมารอรถเมล์ตรงจุดที่เราลง


บริเวณที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างบราซิลกับอาร์เจนตินา คือแม่น้ำ จุดผ่านแดนของทั้ง2 ประเทศอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำ พอรถมาก็ยื่นตั๋วแผ่นเล็กๆที่ได้มา ให้กับคนขับรถ(ที่เป็นคนเก็บเงินด้วย) นั่งไปไม่ทันไร ทุกคนก็ต้องลงจากรถ คือที่ด่านของอาร์เจนตินา เค้าต้องให้ผู้โดยสารและคนขับผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกคน กระเป๋าก็เอาลงไปผ่านเครื่องสแกนด้วย แต่ใช้เวลาไม่นาน ก็มาขึ้นรถคันเดิม จากตรงนี้ก็นานพอควร 40 นาทีได้ รถก็มาจอดที่ ขนส่งของเมือง Puerto Iguazu  เย้ เราจองที่พักเป็น Hostel ไว้ที่ Hostel Iguazu Falls ที่อยู่ห่างจาก Bus Station ไปแค่ 200 เมตร เช็คอิน แล้ว นอนหลับเป็นตายเลย
แล้ววันแรกในดินแดนอันไกลโพ้นก็จบลง .... (โปรดติดตามตอนต่อไป อิกัวซู่ ฝั่งอาร์เจนตินา)

PS. ยังไงช่วยคอมเม้นต์ด้วยนะคะ จะได้พัฒนาการรีวิวไวๆนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   บราซิล
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่