เศรษฐกิจ : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556
บริษัท ทำนา จำกัด
ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : บริษัท ทำนา จำกัด : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ
ผมได้เล่าให้ฟังในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วว่า ทำไมชาวนาไทยผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ถึงกลายเป็นเกษตรกรที่เอ่ยปากบอกว่า “ทำนา ยิ่งทำ ยิ่งจน” ปัจจุบันนี้หาคนทำนาได้ยากเย็นมากขึ้น พ่อแม่ผู้มีที่นาเป็นของตนเองไม่ต้องเช่าที่นาใครทำกิน ยังพยายามดิ้นรนหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาก้มหน้าทำนาหาเลี้ยงชีพให้เป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น
ขณะที่ชาวนาไทยแต่ดั้งเดิมพยายามให้ลูกหลานหนีจากอาชีพการทำนา ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงอย่างยิ่งสำหรับการทำนาปลูกข้าว ในขณะเดียวกันกับที่โลกของเรายังขาดแคลนอาหารอยู่อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวยังคงเป็นอาหารที่จำหน่ายได้ทั่วโลก หรือจะบอกว่าหากใครมีข้าวอยูในมือก็สามารถทำกำไรได้มหาศาลจากตลาดโลกเช่นกัน
นักธุรกิจต่างชาติโดยความร่วมมือกับคนไทยส่วนหนึ่ง จึงคิดใช้อาชีพชาวนาให้กลายมาเป็นธุรกิจการทำนาเพื่อสร้างรายได้ โดยจับเอาจุดอ่อนของชาวนาแต่ดั้งเดิมมาเป็นเครื่องมือ เช่น นายทอง เป็นชาวนามาแต่ครั้งบรรพบุรุษ มีที่นาเป็นของตัวเอง 20 ไร่ แต่ยิ่งทำนาก็ยิ่งมีหนี้สินมากขึ้นทุกวัน
อยู่มาวันหนึ่งมีคนแปลกหน้ามายื่นข้อเสนอต่อ นายทอง ว่า ขอเช่าที่นาทั้งหมดที่มีอยู่ในอัตราปีละ 5,000 บาทต่อไร่ โดยทำสัญญาเช่านานถึง 20 ปี และจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 5 ปี อีกทั้งยังยินดีจ้างนายทองให้ทำหน้าที่ดูแลที่นาของตัวเอง ด้วยค่าจ้างวันละ 300 บาท ตามอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำตามกฎหมาย
จากเดิมที่นายทองทำนาเองต้องรับความเสี่ยงกับสภาพดินฟ้าอากาศ และแมลงศัตรูพืช ท้ายที่สุดยังต้องมารับภาระต้นทุนค่าปุ๋ย, ค่ายากำจัดศัตรูพืช โดยที่ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวแล้วจะขายได้ในราคาที่คุ้มทุนหรือไม่ ก็เปลี่ยนมาเป็นไม่ต้องรับภาระทั้งหมดที่กล่าวมา
แถมยังได้รับเงินค่าเช่าที่นาล่วงหน้าปีละ 100,000 บาท เมื่อคิดเป็นเวลา 5 ปีล่วงหน้าก็เท่ากับว่าได้รับเงินทันที 500,000 บาท แถมยังมีรายรับจากค่าจ้างดูแลที่นาองตัวเองอีกวันละ 300 บาท และเมื่อหมดภาระผูกพันตามอายุสัญญาเช่าที่นา ที่ดินหรือผืนนาก็ยังเป็นสมบัติของตัวเองอีกต่างหาก
ส่วนผู้ที่เป็นนายทุนเข้ามาเช่าพื้นที่นา แม้จะไม่มีความรู้เรื่องการทำนาแม้แต่น้อย ก็สามารถใช้ระบบบริหารจัดการธุรกิจทั่วไปเข้ามาทำนาข้าวได้ไม่ยาก เพราะสามารถจ้างผู้รับช่วงให้เข้ามาดำเนินการได้ทุกขั้นตอน โดยสามารถควบคุมทั้งคุณภาพของงาน และต้นทุนในการว่างจ้างได้ทุกระดับขั้นตอน
การทำนาปลูกข้าวด้วยแนวคิดตามระบบธุรกิจดังกล่าว เริ่มถูกนำมาใช้บนพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของภาคกลางในประเทศไทย มีหลายบริษัทที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นของคนไทยหรือต่างชาติ ซึ่งธุรกิจในรูปแบบนี้ล้วนแต่ส่งผลร้ายให้อาชีพหลักของคนไทยที่เคยได้รับการยกย่อง และจะยิ่งทำให้ความเป็นที่หนึ่งในโลกนี้ของข้าวไทย ตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติมากขึ้นทุกวันครับ
------------------------
(ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : บริษัท ทำนา จำกัด : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ)
ลิงค์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.komchadluek.net/detail/20130820/166092/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94.html#.UhYonX-aNIs
บริษัท ทำนา จำกัด
วันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556
บริษัท ทำนา จำกัด
ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : บริษัท ทำนา จำกัด : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ
ผมได้เล่าให้ฟังในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วว่า ทำไมชาวนาไทยผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ถึงกลายเป็นเกษตรกรที่เอ่ยปากบอกว่า “ทำนา ยิ่งทำ ยิ่งจน” ปัจจุบันนี้หาคนทำนาได้ยากเย็นมากขึ้น พ่อแม่ผู้มีที่นาเป็นของตนเองไม่ต้องเช่าที่นาใครทำกิน ยังพยายามดิ้นรนหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาก้มหน้าทำนาหาเลี้ยงชีพให้เป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น
ขณะที่ชาวนาไทยแต่ดั้งเดิมพยายามให้ลูกหลานหนีจากอาชีพการทำนา ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงอย่างยิ่งสำหรับการทำนาปลูกข้าว ในขณะเดียวกันกับที่โลกของเรายังขาดแคลนอาหารอยู่อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวยังคงเป็นอาหารที่จำหน่ายได้ทั่วโลก หรือจะบอกว่าหากใครมีข้าวอยูในมือก็สามารถทำกำไรได้มหาศาลจากตลาดโลกเช่นกัน
นักธุรกิจต่างชาติโดยความร่วมมือกับคนไทยส่วนหนึ่ง จึงคิดใช้อาชีพชาวนาให้กลายมาเป็นธุรกิจการทำนาเพื่อสร้างรายได้ โดยจับเอาจุดอ่อนของชาวนาแต่ดั้งเดิมมาเป็นเครื่องมือ เช่น นายทอง เป็นชาวนามาแต่ครั้งบรรพบุรุษ มีที่นาเป็นของตัวเอง 20 ไร่ แต่ยิ่งทำนาก็ยิ่งมีหนี้สินมากขึ้นทุกวัน
อยู่มาวันหนึ่งมีคนแปลกหน้ามายื่นข้อเสนอต่อ นายทอง ว่า ขอเช่าที่นาทั้งหมดที่มีอยู่ในอัตราปีละ 5,000 บาทต่อไร่ โดยทำสัญญาเช่านานถึง 20 ปี และจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 5 ปี อีกทั้งยังยินดีจ้างนายทองให้ทำหน้าที่ดูแลที่นาของตัวเอง ด้วยค่าจ้างวันละ 300 บาท ตามอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำตามกฎหมาย
จากเดิมที่นายทองทำนาเองต้องรับความเสี่ยงกับสภาพดินฟ้าอากาศ และแมลงศัตรูพืช ท้ายที่สุดยังต้องมารับภาระต้นทุนค่าปุ๋ย, ค่ายากำจัดศัตรูพืช โดยที่ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวแล้วจะขายได้ในราคาที่คุ้มทุนหรือไม่ ก็เปลี่ยนมาเป็นไม่ต้องรับภาระทั้งหมดที่กล่าวมา
แถมยังได้รับเงินค่าเช่าที่นาล่วงหน้าปีละ 100,000 บาท เมื่อคิดเป็นเวลา 5 ปีล่วงหน้าก็เท่ากับว่าได้รับเงินทันที 500,000 บาท แถมยังมีรายรับจากค่าจ้างดูแลที่นาองตัวเองอีกวันละ 300 บาท และเมื่อหมดภาระผูกพันตามอายุสัญญาเช่าที่นา ที่ดินหรือผืนนาก็ยังเป็นสมบัติของตัวเองอีกต่างหาก
ส่วนผู้ที่เป็นนายทุนเข้ามาเช่าพื้นที่นา แม้จะไม่มีความรู้เรื่องการทำนาแม้แต่น้อย ก็สามารถใช้ระบบบริหารจัดการธุรกิจทั่วไปเข้ามาทำนาข้าวได้ไม่ยาก เพราะสามารถจ้างผู้รับช่วงให้เข้ามาดำเนินการได้ทุกขั้นตอน โดยสามารถควบคุมทั้งคุณภาพของงาน และต้นทุนในการว่างจ้างได้ทุกระดับขั้นตอน
การทำนาปลูกข้าวด้วยแนวคิดตามระบบธุรกิจดังกล่าว เริ่มถูกนำมาใช้บนพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของภาคกลางในประเทศไทย มีหลายบริษัทที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นของคนไทยหรือต่างชาติ ซึ่งธุรกิจในรูปแบบนี้ล้วนแต่ส่งผลร้ายให้อาชีพหลักของคนไทยที่เคยได้รับการยกย่อง และจะยิ่งทำให้ความเป็นที่หนึ่งในโลกนี้ของข้าวไทย ตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติมากขึ้นทุกวันครับ
------------------------
(ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : บริษัท ทำนา จำกัด : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ)
ลิงค์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้