ไม่มีใครสูงส่งได้จากการที่เหยียบย่ำดูหมิ่นผู้อื่น

กระทู้คำถาม
-   เจ้าชายสิทธัตถะ คือ พระโพธิสัตว์ที่ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

-   เมื่อท่านออกแสวงหาทางที่เป็นไปเพื่อความพ้นจากทุกข์ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ และได้ทรงตรัสรู้เมื่อพระชนม์มายุ 35 พรรษา จึง ได้พระนามว่า พระพุทธเจ้า  (ผู้รู้แจ้งสัจจธรรมความเป็นจริงอย่างถูกต้องด้วยตนเอง ไม่มีผู้ใดมาสั่งสอน)

-    การที่มีการแต่งงานกันในหมู่เครือญาติ เพราะกษัตริย์สมัยนั้นถือตัวมาก เกรงสายเลือดจะปนเปื้อนวรรณะที่ต่ำกว่า จะรักษาวงค์ที่บริสุทธิ์ทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งแต่ ฝ่ายบิดา และมารดา ย้อนไป 7 ชั่วโคตร บริสุทธิ์ สูงศักดิ์ ไม่มีวรรณะต่ำเข้ามาเจือปน

               โลกนี้มีวัฒนธรรม และเหตุผลเบื้องหลังในการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่ยุคสมัย และถิ่นฐานที่อยู่ อย่างการโกนจุกของไทยภาคกลางสมัยก่อน หรือการรัดเท้าของชนชาวจีนผู้หญิงชั้นสูงให้มีเท้าเล็ก ๆ การใช้นิ้วหัวแม่มือบอกทางหรือ ชี้คนแทนที่จะเป็นนิ้วชี้เพราะไม่สุภาพ หรือแม้แต่การทำสงครามศาสนาโดยคิดว่าสิ่งนั้นถูกต้อง ต่างคนต่างเผ่าพันธุ์ ต่างวัฒนธรรมสิ่งหนึ่งชนเหล่าหนึ่งเห็นว่าถูก แต่ชนอีกเหล่าหนึ่งเห็นว่าผิด  คุณจะรู้สึกเช่นไรเมื่อถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ปรามาส ได้รับการปฏิบัติเช่นคนชนชั้น 2 และความอยุติธรรมมากมายหลายอย่าง  คุณไม่ชอบ ไม่พึงพอใจ น้อยอกน้อยใจ เรียกร้องสิทธิ และความเห็นอกเห็นใจ เพื่อไม่ให้ได้รับการปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ขึ้นกับคุณแต่ในขณะเดียวกัน หากคุณกำลังทำสิ่งนั้นอยู่กับผู้อื่น และผู้ที่ได้รับการกระทำเช่นนั้นก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากคุณเลย ความเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช่ฟังแต่เสียงของหัวใจเราอย่างเดียว จะแสดงออกถึงความยุติธรรมที่อยู่ในหัวใจ

ไม่มีใครสูงส่งได้จากการที่เหยียบย่ำดูหมิ่นผู้อื่น  

             และไม่มีใครจะปฏิเสธหรือ เกลียด  ผู้ที่ให้เกียรติ์ผู้อื่น ตอบโต้ด้วยเหตุผล ชนะ และแพ้กันด้วยเหตุผลที่เป็นจริง กล้าที่จะยอมรับความผิด และความถูกที่แจ้งประจักษ์อย่างลูกผู้ชาย จึงจะไม่ทำให้เกิดการชิงชัง รังเกียจ แบ่งพรรคพวกพ้อง หากแต่จะมี แต่ความเคารพชื่นชม และนับถือน้ำใจซึ่งกันและกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่