ส่วนหนึ่งจากบทความ โดยคุณ cway-investment
วันนี้ผมเห็นมีนักลงทุนบางคน โพสในเฟสบุ๊ค ว่า เทคนิคอล เป็นแค่ "ปาหี่" หลอกเด็ก ดูเขามั่นอกมั่นใจมาก เพราะยกเอาบทความหนึ่งในเว็บของกรุงเทพธุรกิจ มาอ้างอิง ผมเองไม่ได้แสดงความคิดเห็นค้านในกระทู้ของคนโพส เพราะคนที่มีความเชื่อสุดโต่ง อธิบายเช่นไรก็ยากจะรับฟัง แต่ผมจะนำเรื่องนี้ มาอภิปราย ในฐานะคนที่ศึกษา เทคนิคอล หรือ Technical analysis มาพอสมควร เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในเชิงความรู้กัน
เทคนิคอล จริงๆเอาไว้ทำอะไร?
คนใช้เทคนิคอล ปัจจุบัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มแรกใช้ไว้เดาอนาคต ทำนายอนาคตราคา กลุ่มที่สองใช้เพื่อสังเกตพฤติกรรมราคา ใช้เพื่อหาตำแหน่งความน่าจะเป็น ในจังหวะการเข้าซื้อขายสอดคล้องกับพฤติกรรมราคา
2. สองกลุ่มนี้จะใช้เทคนิคอล ในมุมมองที่แตกต่างกัน การใช้เทคนิคอลเพื่อการเดา ก็คือเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ (การเดาก็แน่นอนว่ามันไม่สามารถจะบอกอนาคตได้) แตกต่างจากการใช้เทคนิคอลเพื่อเป็นการสังเกต ติดตามข้อมูล และเข้า betting ตามหลักความน่าจะเป็น ซื้อขายไปตามสัญญาณและไปบริหารจัดความเสี่ยง ด้วยกลยุทธ์จัดการเงิน(Money management) และการบริหารความเสี่ยง
เทคนิคอล เป็นหลักวิชาหรือไม่ ?
การวิเคราะห์เทคนิคอล ในด้านการประมวลผล ก็แบ่งแยกย่อย เป็น 2 สายนั้นคือ
1. สาย Art (วิเคราะห์จากการตีความ จากการมองการเกิดของแท่งเทียนและรูปแบบของแท่งเทียนในกราฟราคา) การตีความตามตำราได้จากการสังเกต การรวบรวมข้อมูลจากรูปแบบที่เกิดในอดีต เกิดซ้ำจำนวนมากๆจน สรุปเป็นสัญญาณการซื้อขาย
2. สาย Math คือกลุ่มที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยโมเดลคณิตศาสตร์ เพื่อให้เกิดสัญญาณการซื้อขาย เข้าออก เบื้องหลังของการวิเคราะห์สายนี้ก็คือ คณิตศาสตร์และสถิติ ดังนั้น ถ้าคณิตศาสตร์และสถิติ คือหลักวิชา เทคนิคอล ที่ใช้คณิตศาสตร์ประยุกต์เป็นเครื่องมือ ก็คือหลักวิชาเช่นกัน
สรุป
ตัวเทคนิคอล หรือกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลราคาและปริมาณซื้อขาย มันไม่ได้เป็นเรื่องอุปโลก ไม่หลอกลวง และมีหลักวิชารองรับ(คณิตศาสตร์+สถิติ+คอมพิวเตอร์) และมีการใช้อย่างกว้างขว้างในโลกใบนี้ รวมไปถึงมีการวิจัยและพัฒนาโมเดลใหม่ๆเกิดขึ้นทุกปี
แน่นอนการใช้ต้องมีการทดสอบ(Backtest & Forward Test) เพื่อให้ได้ค่าที่บ่งบอกคุณภาพของเครื่องมือ และบอกความมั่นใจ ความถูกต้อง ก่อนนำไปใช้ รวมถึงต้องมีการสร้างเป็นระบบเทรด ที่จะรวมเอากลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงินทุน เอาไว้ด้วย
แต่ถ้าเอาเทคนิคอลไปเดาอนาคต เดาราคาหุ้น ไปชักแม้น้ำทั้งห้า ไปชี้นำ ไปใช้แบบไม่อ้างถึงค่าสถิติ ค่าความถูกต้อง/ค่าความน่าจะเป็น แบบนั้น ปาหี่แน่นอน
แต่ไม่ใช่ เทคนิคอล ที่ปาหี่นะ แต่ไอ้คนพูด คนที่แอบอ้างเอาเทคนิคอลไปหลอกคนนี่แหละครับ ต่างหาก ที่ปาหี่!!
ที่มา:
http://www.cway-investment.com/2013/08/blog-post.html
ปล. ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า technical เองมันจะสะท้อนอารมณ์ตลาดได้ดีกว่าพื้นฐานมาก แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า หากพื้นฐานเปลี่ยน technical มันก็เปลี่ยนตามได้ เพราะไม่มีอะไรที่ 100% เพราะถ้ามันแน่นอนขนาดแบบนั้นแปลว่าไม่มีอะไรจะหยุดสิ่งนั้นไม่ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะความไม่แน่นอนมีอยู่เสมอ
เอาบทความดีๆ ของคุณ cway มาฝาก เรื่อง "เทคนิคอลเป็น ปาหี่ จริงหรือ???"
วันนี้ผมเห็นมีนักลงทุนบางคน โพสในเฟสบุ๊ค ว่า เทคนิคอล เป็นแค่ "ปาหี่" หลอกเด็ก ดูเขามั่นอกมั่นใจมาก เพราะยกเอาบทความหนึ่งในเว็บของกรุงเทพธุรกิจ มาอ้างอิง ผมเองไม่ได้แสดงความคิดเห็นค้านในกระทู้ของคนโพส เพราะคนที่มีความเชื่อสุดโต่ง อธิบายเช่นไรก็ยากจะรับฟัง แต่ผมจะนำเรื่องนี้ มาอภิปราย ในฐานะคนที่ศึกษา เทคนิคอล หรือ Technical analysis มาพอสมควร เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนในเชิงความรู้กัน
เทคนิคอล จริงๆเอาไว้ทำอะไร?
คนใช้เทคนิคอล ปัจจุบัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มแรกใช้ไว้เดาอนาคต ทำนายอนาคตราคา กลุ่มที่สองใช้เพื่อสังเกตพฤติกรรมราคา ใช้เพื่อหาตำแหน่งความน่าจะเป็น ในจังหวะการเข้าซื้อขายสอดคล้องกับพฤติกรรมราคา
2. สองกลุ่มนี้จะใช้เทคนิคอล ในมุมมองที่แตกต่างกัน การใช้เทคนิคอลเพื่อการเดา ก็คือเชื่อว่ามันจะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ (การเดาก็แน่นอนว่ามันไม่สามารถจะบอกอนาคตได้) แตกต่างจากการใช้เทคนิคอลเพื่อเป็นการสังเกต ติดตามข้อมูล และเข้า betting ตามหลักความน่าจะเป็น ซื้อขายไปตามสัญญาณและไปบริหารจัดความเสี่ยง ด้วยกลยุทธ์จัดการเงิน(Money management) และการบริหารความเสี่ยง
เทคนิคอล เป็นหลักวิชาหรือไม่ ?
การวิเคราะห์เทคนิคอล ในด้านการประมวลผล ก็แบ่งแยกย่อย เป็น 2 สายนั้นคือ
1. สาย Art (วิเคราะห์จากการตีความ จากการมองการเกิดของแท่งเทียนและรูปแบบของแท่งเทียนในกราฟราคา) การตีความตามตำราได้จากการสังเกต การรวบรวมข้อมูลจากรูปแบบที่เกิดในอดีต เกิดซ้ำจำนวนมากๆจน สรุปเป็นสัญญาณการซื้อขาย
2. สาย Math คือกลุ่มที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยโมเดลคณิตศาสตร์ เพื่อให้เกิดสัญญาณการซื้อขาย เข้าออก เบื้องหลังของการวิเคราะห์สายนี้ก็คือ คณิตศาสตร์และสถิติ ดังนั้น ถ้าคณิตศาสตร์และสถิติ คือหลักวิชา เทคนิคอล ที่ใช้คณิตศาสตร์ประยุกต์เป็นเครื่องมือ ก็คือหลักวิชาเช่นกัน
สรุป
ตัวเทคนิคอล หรือกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลราคาและปริมาณซื้อขาย มันไม่ได้เป็นเรื่องอุปโลก ไม่หลอกลวง และมีหลักวิชารองรับ(คณิตศาสตร์+สถิติ+คอมพิวเตอร์) และมีการใช้อย่างกว้างขว้างในโลกใบนี้ รวมไปถึงมีการวิจัยและพัฒนาโมเดลใหม่ๆเกิดขึ้นทุกปี
แน่นอนการใช้ต้องมีการทดสอบ(Backtest & Forward Test) เพื่อให้ได้ค่าที่บ่งบอกคุณภาพของเครื่องมือ และบอกความมั่นใจ ความถูกต้อง ก่อนนำไปใช้ รวมถึงต้องมีการสร้างเป็นระบบเทรด ที่จะรวมเอากลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงินทุน เอาไว้ด้วย
แต่ถ้าเอาเทคนิคอลไปเดาอนาคต เดาราคาหุ้น ไปชักแม้น้ำทั้งห้า ไปชี้นำ ไปใช้แบบไม่อ้างถึงค่าสถิติ ค่าความถูกต้อง/ค่าความน่าจะเป็น แบบนั้น ปาหี่แน่นอน แต่ไม่ใช่ เทคนิคอล ที่ปาหี่นะ แต่ไอ้คนพูด คนที่แอบอ้างเอาเทคนิคอลไปหลอกคนนี่แหละครับ ต่างหาก ที่ปาหี่!!
ที่มา: http://www.cway-investment.com/2013/08/blog-post.html
ปล. ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า technical เองมันจะสะท้อนอารมณ์ตลาดได้ดีกว่าพื้นฐานมาก แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า หากพื้นฐานเปลี่ยน technical มันก็เปลี่ยนตามได้ เพราะไม่มีอะไรที่ 100% เพราะถ้ามันแน่นอนขนาดแบบนั้นแปลว่าไม่มีอะไรจะหยุดสิ่งนั้นไม่ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะความไม่แน่นอนมีอยู่เสมอ