กระทู้นี้อาจยาวน่ะค่ะแต่อยากจะขอความคิดเห็นของเพื่อนๆหน่อยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าลูกเราได้เรียนดนตรีที่ ร.ร แห่งหนึ่งย่าน ลาดพร้าว-วังหินแยกเสนา ร.ร นี้อ้างว่าเป็นแหล่งวัฒนธรรมการเรียนรู้ของเขต ณ ที่ตั้ง เรียนมาเกือบจะ 2ปี ไม่เคยมีปัญหาใดๆกับใครเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้งที่ทาง ร.ร ร้องขอ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การเรียนเรียนเป็นกลุ่ม จะมี ก ข ค ค่าเรียน 1,300 บาท 1กลุ่มจะมีผู้เรียนประมาณ 15-20 คนเห็นจะได้ แต่ตลอดเวลาที่เรียนนั้น ผู้เรียนก้อได้หายกันไปบ้างจน ณ ปัจจุบัน จากมี ผู้เรียน 15-20 เหลือเพียง 4คนเท่านั้น ด้วยสาเหตุนั้นพอทราบมาบ้างแต่ก็คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดชึ้นกับตัวเองหรอก ด้วยสาเหตุทีผู้เรียนนั้นหายไปจึงรวมกลุ่มผู้เรียนที่ยังเหลืออยู่ โดยกลุ่ม ก มี 2 คน กลุ่ม ข มี 4 คน(กลุ่มลูกเรา) ดังนั้นก็รวมกันได้ 6 คนถ้วน ประเด็นมันอยู่ที่ ร.ร ขอขึ้นค่าเรียนจากเดิม เป็น 2,500 บาท ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราได้เข้าไปสอบถามการขอขึ้นค่าเล่าเรียนในครั้งนี้ว่าเพราะเหตุใดและถ้าชึ้นแล้วจะมีแนวทางในการเรียนการสอนเป็นอย่างไร เพิ่มเวลาหรือไม่อย่างไร ซึ่งเราก็ได้เสนอความคิดเห็นหลายๆอย่างและ การทำความเคารพนั้น ร.ร เน้นเป็นสำคัญอยู่แล้วซึงตรงนี้เราก็เห็นด้วยและทำตามมาตลอด และถามว่าหากผู้เรียนเรียนมาต่างกันแน่นอนว่าต้องต่างเพราะผู้สอนคนละคนแนวทางในการสอนย่อมไม่เหมือนกัน แต่ด้วยคำถามที่ถามว่าหากผู้ปกครองนั้นไม่ถูกกันให้ลูกไปไหว้แล้วกลับโดนเชิดใส่ไม่รับไหว้แล้วยังมองหัวจรดเท้าอีกจะให้เราคิดเห็นอย่างไร เท่านั้นแหละคำถามที่อยากถาม แน่นอนคำตอบที่ได้มาไม่ชัดเจน ค่าเรียนนั้นที่ต้องขึ้นเพราะผู้เรียนเหลือน้อย การเรียนย่อมกระชับชึ้นแต่ยังคงเวลาเดิม การเรียนการสอนแน่นอนไม่เหมือนกันแต่??? ระหว่างที่เรากำลังสนธนามีผู้ปกครองท่านอื่นเข้าร่วมฟังและสนธนาด้วย แต่มีนางหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปกครองที่ย้ายมาไม่เคยเจอกันหรือคุยกันมาก่อนก็ร่วมฟังด้วยและเอ่ยวาจาอันกราดเกรี้ยวขึ้นมาว่า "ทำไมคุณคิดอย่างนี้" เราถามว่า คิดอะไร 'ก็คิดว่าการเรียนต่าง คำว่าต่างของคุณหมายความว่ายังไง" เราบอก ก็ต่างอาจจะเรียนไม่เหมือนกัน คุณพูดแบบนี้ได้ไงใช้อะไรคิด เราบอก ก็แค่ถาม นางนั้นก็นั่งว่าแต่เราเนี่ยใช้อะไรคิด ทางครูที่อ้างว่าเป็นครูใหญ่ที่เราพูดคุยด้วยนั้นก็สวนขึ้นมาทันทีเลยว่า ลูกเค้าหน่ะเก่งกว่าลูกคุณอีก ลูกเค้าหน่ะเป็นนักล่ารางวัลประกวดมาหลายเวทีแล้ว ลูกคุณหน่ะเก่งสู้ลูกเค้าไม่ได้หรอก (นี่คือว่าเราน่ะ)เราเลยบอกไอ้ความที่ว่าเรียนมาต่างกันมันไม่ได้หมายถึงว่าใครเก่งหรือไม่เก่งเราไม่ได้ว่าคุณหรือลูกของคุณ แต่นางนั้นก็ไม่ยอมหยุดนั่งว่าเราสารพัด สุดยอด สุดยอด นี่คือคำที่นางนั่งพูดตลอด จนเราทนไม่ไหวหันมาบอกว่าเราไม่ได้ว่าคุณน่ะ แต่นางกับตอบว่า ฉันอารัมพบทของฉัน และแล้วการสนทนาในครั้งนี้ไม่สำเร็จ ซื่งเราต้องป็นฝ่ายเดินหนี เพราะอารมณ์มันเดือดมากๆแล้ว ซื่งก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆปล่อยให้ค้างคาใจกันไปทั้งวัน จนกระทั่งวันเดียวกันเวลาปะมาณ 2 ทุ่ม ได้มีสายโทรเข้าปรากฏเป็นสายเรียกเข้าจากทางครูที่อ้างว่าเป็นครูใหญ่ การสนทนาจึงเริ่มขึ้นว่า ทาง ร.ร ได้ประชุมกันและที่ประชุมมีมติให้ น้อง ดร้อป การเรียนแต่เพียงเท่านี้ เนื่องจากแนวทางของคุณไม่ตรงกันกับทาง ร.ร เราก็แบบว่าอึ้งอ่ะ เลยถามกลับไปว่า ดร้อป นี่หมายถึง ไล่ออกใช่ไหม มันบอกว่า ผมไม่ได้พูดน่ะคุณพูดเอง ด้วยแนวทางไม่ตรงกัน แค่นี้น่ะ นั่นแหละจึงเปิดประเด็นสำคัญ ความจริงที่มีเด็กโดนไล่ออกก่อนหน้านี้ ที่หายๆกันไปหมดเนี่ยเพราะแค่เนี้ยเหรอ ทิ้งความคาใจให้เราและลูกมากมาย ว่าแนวทางไม่ตรงกันเนี่ยมันคืออะไร ลูกถามว่า แม่ เราผิดอะไรทำไมเค้าต้องไล่เราออก หนูไม่ได้ทำอะไรผิด แน่นอนว่าลูกเราเสียใจ เราจึงบอกลูกเราว่าไม่เป็นไรลูก อยู่อย่างนี้มา 3วัน จนกระทั่งมันทนความคิดที่ว่าแนวทางไม่ตรงกันเนี่ยมันคืออะไร ไม่ไหวแล้ว วันอังคารที่ผ่านมาจึงโทรกลับไปถามว่าอยากรู้จริงๆแนวทางที่บอกไม่ตรงกันมันหมายความยังไง เรา: ถามหน่อยข้องใจที่ว่าแนวทางไม่ตรงกันหมายความว่าไง หนูไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร ร่วมงาน ให้ความร่วมมือตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถ้ามันจะไม่ตรงแนวทางกันก็คงไม่ตรงตั้งแต่ตอนเข้ามาเรียนแล้ว ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม หนูทำงานไม่ได้มา3 วันแล้วมันคาใจมากๆ ครูใหญ่: ผมไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจใดๆ ทั้งหมดเกิดจากที่ประชุม ซึ่งเราก็ปะชุมกันแล้วทาง ผ.อ (อะไรสักอย่าง) ก้เห็นด้วยกับที่ประชุม แะผมก็ไม่ได้มีอำนาจตัดสินอะไร ผมเป็นเพียงฝ่ายธุรการเล็กๆเท่านั้น คุณจะคุยกับ ท่าน ผ.อ ไหมล่ะ ท่านอยู่กับผมแล้วตอนนี้
เรา: คุยค่ะ ขอคุยด้วยจะได้รู้แนวทางในการตัดสินใจของผู้ที่เรียกว่า ผ.อ ว่าคุณคิดยังไง ครูใหญ่ : ได้ๆๆ (แต่ก่อนทีจะยื่นโทรศัพท์ให้ ผ.อ มีการกล่าวเกริ่นก่อนว่า ใครโทรมา โทรมาเรื่องอะไร เหมือนกำลังเตี้ยมกัน) เราขอสรุปเลยล่ะกันน่ะ คุยกับผ.อแล้วเราตั้งคำถามหลายคำถามมากๆ แต่มีเพียงคำตอบว่า ครับ ครับ ครับ ให้เราเจอกันจะได้เข้าใจถีงปัญหา บอกแต่เพียงว่าแนวทางไม่ตรงกัน สรุปว่าให้คำตอบเราไม่ได้ ว่าเพราะอะไรถึงต้องไล่ลูกเราออก เราก็ขอคุยกับทางครูใหญ่อีกที ก็ถามคำถามเดิมนี่แหละเพราะเรายังไม่ได้คำตอบ เรา : แนวทางไม่ตรงกันไม่ตรงยังไงหนูถาม ผ.อ แล้วให้คำตอบหนูไม่ได้ ครูใหญ่ :ก็แนวทางของคุณนั่นแหละคุณบอกว่าไม่ให้ลูกคุณไหว้ผู้ปกครองที่ไม่ถูกกัน ซึ่งมันไม่ตรงกับทางนโยบายของเรา เรา : หนูไม่ได้พูดอย่างนี้น่ะ แต่ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้มันฟังดูแปลกๆไปหน่อยน่ะมันแล้วทำไมหนูถาม ผ.อแล้วทำไมตอบคำถามหนูไม่ได้ ครูใหญ่ :อ๋อ ท่าน ผ.อ เค้าเป็นสุภาพบุรุษ ส่วนผมหน่ะ มันเป็นตัวเ_ี้ย ผมมัน เลว เพราะงั้นอย่ามาเจอะมาเจอกันเลยแม่คู้ณณ สาบส่งกันไปเลยไปเลยน่ะ ชิ้ว ชิ้ว เพราะผมมันตัวเ_ี้ย มันเลว เอ่ออย่ามาเจอกันเลย เออแค่นี้แหละ (แต่ตอนที่เค้าพูดแรงกว่านี้น่ะ) เป็นอันไม่เข้าใจว่าเหตุผลคืออะไรที่โดนไล่ออก หรือจะเข้าใจว่า มัน เ_ี้ย เอ่อคนที่อ้างว่าเป็นครูน่าจะมีคำตอบที่ดีกว่านี้น่ะ
ขอโทษน่ะค่ะกระทู้ยาวไปหน่อยแต่มันคือประสบการณ์ที่ได้พบมาจริงๆจึงอยากเอามาเล่าสู่กันฟังค่ะ
เหตุผลที่ลูกโดนไล่ออก???
เรื่องมีอยู่ว่าลูกเราได้เรียนดนตรีที่ ร.ร แห่งหนึ่งย่าน ลาดพร้าว-วังหินแยกเสนา ร.ร นี้อ้างว่าเป็นแหล่งวัฒนธรรมการเรียนรู้ของเขต ณ ที่ตั้ง เรียนมาเกือบจะ 2ปี ไม่เคยมีปัญหาใดๆกับใครเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้งที่ทาง ร.ร ร้องขอ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี การเรียนเรียนเป็นกลุ่ม จะมี ก ข ค ค่าเรียน 1,300 บาท 1กลุ่มจะมีผู้เรียนประมาณ 15-20 คนเห็นจะได้ แต่ตลอดเวลาที่เรียนนั้น ผู้เรียนก้อได้หายกันไปบ้างจน ณ ปัจจุบัน จากมี ผู้เรียน 15-20 เหลือเพียง 4คนเท่านั้น ด้วยสาเหตุนั้นพอทราบมาบ้างแต่ก็คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดชึ้นกับตัวเองหรอก ด้วยสาเหตุทีผู้เรียนนั้นหายไปจึงรวมกลุ่มผู้เรียนที่ยังเหลืออยู่ โดยกลุ่ม ก มี 2 คน กลุ่ม ข มี 4 คน(กลุ่มลูกเรา) ดังนั้นก็รวมกันได้ 6 คนถ้วน ประเด็นมันอยู่ที่ ร.ร ขอขึ้นค่าเรียนจากเดิม เป็น 2,500 บาท ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราได้เข้าไปสอบถามการขอขึ้นค่าเล่าเรียนในครั้งนี้ว่าเพราะเหตุใดและถ้าชึ้นแล้วจะมีแนวทางในการเรียนการสอนเป็นอย่างไร เพิ่มเวลาหรือไม่อย่างไร ซึ่งเราก็ได้เสนอความคิดเห็นหลายๆอย่างและ การทำความเคารพนั้น ร.ร เน้นเป็นสำคัญอยู่แล้วซึงตรงนี้เราก็เห็นด้วยและทำตามมาตลอด และถามว่าหากผู้เรียนเรียนมาต่างกันแน่นอนว่าต้องต่างเพราะผู้สอนคนละคนแนวทางในการสอนย่อมไม่เหมือนกัน แต่ด้วยคำถามที่ถามว่าหากผู้ปกครองนั้นไม่ถูกกันให้ลูกไปไหว้แล้วกลับโดนเชิดใส่ไม่รับไหว้แล้วยังมองหัวจรดเท้าอีกจะให้เราคิดเห็นอย่างไร เท่านั้นแหละคำถามที่อยากถาม แน่นอนคำตอบที่ได้มาไม่ชัดเจน ค่าเรียนนั้นที่ต้องขึ้นเพราะผู้เรียนเหลือน้อย การเรียนย่อมกระชับชึ้นแต่ยังคงเวลาเดิม การเรียนการสอนแน่นอนไม่เหมือนกันแต่??? ระหว่างที่เรากำลังสนธนามีผู้ปกครองท่านอื่นเข้าร่วมฟังและสนธนาด้วย แต่มีนางหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปกครองที่ย้ายมาไม่เคยเจอกันหรือคุยกันมาก่อนก็ร่วมฟังด้วยและเอ่ยวาจาอันกราดเกรี้ยวขึ้นมาว่า "ทำไมคุณคิดอย่างนี้" เราถามว่า คิดอะไร 'ก็คิดว่าการเรียนต่าง คำว่าต่างของคุณหมายความว่ายังไง" เราบอก ก็ต่างอาจจะเรียนไม่เหมือนกัน คุณพูดแบบนี้ได้ไงใช้อะไรคิด เราบอก ก็แค่ถาม นางนั้นก็นั่งว่าแต่เราเนี่ยใช้อะไรคิด ทางครูที่อ้างว่าเป็นครูใหญ่ที่เราพูดคุยด้วยนั้นก็สวนขึ้นมาทันทีเลยว่า ลูกเค้าหน่ะเก่งกว่าลูกคุณอีก ลูกเค้าหน่ะเป็นนักล่ารางวัลประกวดมาหลายเวทีแล้ว ลูกคุณหน่ะเก่งสู้ลูกเค้าไม่ได้หรอก (นี่คือว่าเราน่ะ)เราเลยบอกไอ้ความที่ว่าเรียนมาต่างกันมันไม่ได้หมายถึงว่าใครเก่งหรือไม่เก่งเราไม่ได้ว่าคุณหรือลูกของคุณ แต่นางนั้นก็ไม่ยอมหยุดนั่งว่าเราสารพัด สุดยอด สุดยอด นี่คือคำที่นางนั่งพูดตลอด จนเราทนไม่ไหวหันมาบอกว่าเราไม่ได้ว่าคุณน่ะ แต่นางกับตอบว่า ฉันอารัมพบทของฉัน และแล้วการสนทนาในครั้งนี้ไม่สำเร็จ ซื่งเราต้องป็นฝ่ายเดินหนี เพราะอารมณ์มันเดือดมากๆแล้ว ซื่งก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆปล่อยให้ค้างคาใจกันไปทั้งวัน จนกระทั่งวันเดียวกันเวลาปะมาณ 2 ทุ่ม ได้มีสายโทรเข้าปรากฏเป็นสายเรียกเข้าจากทางครูที่อ้างว่าเป็นครูใหญ่ การสนทนาจึงเริ่มขึ้นว่า ทาง ร.ร ได้ประชุมกันและที่ประชุมมีมติให้ น้อง ดร้อป การเรียนแต่เพียงเท่านี้ เนื่องจากแนวทางของคุณไม่ตรงกันกับทาง ร.ร เราก็แบบว่าอึ้งอ่ะ เลยถามกลับไปว่า ดร้อป นี่หมายถึง ไล่ออกใช่ไหม มันบอกว่า ผมไม่ได้พูดน่ะคุณพูดเอง ด้วยแนวทางไม่ตรงกัน แค่นี้น่ะ นั่นแหละจึงเปิดประเด็นสำคัญ ความจริงที่มีเด็กโดนไล่ออกก่อนหน้านี้ ที่หายๆกันไปหมดเนี่ยเพราะแค่เนี้ยเหรอ ทิ้งความคาใจให้เราและลูกมากมาย ว่าแนวทางไม่ตรงกันเนี่ยมันคืออะไร ลูกถามว่า แม่ เราผิดอะไรทำไมเค้าต้องไล่เราออก หนูไม่ได้ทำอะไรผิด แน่นอนว่าลูกเราเสียใจ เราจึงบอกลูกเราว่าไม่เป็นไรลูก อยู่อย่างนี้มา 3วัน จนกระทั่งมันทนความคิดที่ว่าแนวทางไม่ตรงกันเนี่ยมันคืออะไร ไม่ไหวแล้ว วันอังคารที่ผ่านมาจึงโทรกลับไปถามว่าอยากรู้จริงๆแนวทางที่บอกไม่ตรงกันมันหมายความยังไง เรา: ถามหน่อยข้องใจที่ว่าแนวทางไม่ตรงกันหมายความว่าไง หนูไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร ร่วมงาน ให้ความร่วมมือตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถ้ามันจะไม่ตรงแนวทางกันก็คงไม่ตรงตั้งแต่ตอนเข้ามาเรียนแล้ว ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม หนูทำงานไม่ได้มา3 วันแล้วมันคาใจมากๆ ครูใหญ่: ผมไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจใดๆ ทั้งหมดเกิดจากที่ประชุม ซึ่งเราก็ปะชุมกันแล้วทาง ผ.อ (อะไรสักอย่าง) ก้เห็นด้วยกับที่ประชุม แะผมก็ไม่ได้มีอำนาจตัดสินอะไร ผมเป็นเพียงฝ่ายธุรการเล็กๆเท่านั้น คุณจะคุยกับ ท่าน ผ.อ ไหมล่ะ ท่านอยู่กับผมแล้วตอนนี้
เรา: คุยค่ะ ขอคุยด้วยจะได้รู้แนวทางในการตัดสินใจของผู้ที่เรียกว่า ผ.อ ว่าคุณคิดยังไง ครูใหญ่ : ได้ๆๆ (แต่ก่อนทีจะยื่นโทรศัพท์ให้ ผ.อ มีการกล่าวเกริ่นก่อนว่า ใครโทรมา โทรมาเรื่องอะไร เหมือนกำลังเตี้ยมกัน) เราขอสรุปเลยล่ะกันน่ะ คุยกับผ.อแล้วเราตั้งคำถามหลายคำถามมากๆ แต่มีเพียงคำตอบว่า ครับ ครับ ครับ ให้เราเจอกันจะได้เข้าใจถีงปัญหา บอกแต่เพียงว่าแนวทางไม่ตรงกัน สรุปว่าให้คำตอบเราไม่ได้ ว่าเพราะอะไรถึงต้องไล่ลูกเราออก เราก็ขอคุยกับทางครูใหญ่อีกที ก็ถามคำถามเดิมนี่แหละเพราะเรายังไม่ได้คำตอบ เรา : แนวทางไม่ตรงกันไม่ตรงยังไงหนูถาม ผ.อ แล้วให้คำตอบหนูไม่ได้ ครูใหญ่ :ก็แนวทางของคุณนั่นแหละคุณบอกว่าไม่ให้ลูกคุณไหว้ผู้ปกครองที่ไม่ถูกกัน ซึ่งมันไม่ตรงกับทางนโยบายของเรา เรา : หนูไม่ได้พูดอย่างนี้น่ะ แต่ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้มันฟังดูแปลกๆไปหน่อยน่ะมันแล้วทำไมหนูถาม ผ.อแล้วทำไมตอบคำถามหนูไม่ได้ ครูใหญ่ :อ๋อ ท่าน ผ.อ เค้าเป็นสุภาพบุรุษ ส่วนผมหน่ะ มันเป็นตัวเ_ี้ย ผมมัน เลว เพราะงั้นอย่ามาเจอะมาเจอกันเลยแม่คู้ณณ สาบส่งกันไปเลยไปเลยน่ะ ชิ้ว ชิ้ว เพราะผมมันตัวเ_ี้ย มันเลว เอ่ออย่ามาเจอกันเลย เออแค่นี้แหละ (แต่ตอนที่เค้าพูดแรงกว่านี้น่ะ) เป็นอันไม่เข้าใจว่าเหตุผลคืออะไรที่โดนไล่ออก หรือจะเข้าใจว่า มัน เ_ี้ย เอ่อคนที่อ้างว่าเป็นครูน่าจะมีคำตอบที่ดีกว่านี้น่ะ
ขอโทษน่ะค่ะกระทู้ยาวไปหน่อยแต่มันคือประสบการณ์ที่ได้พบมาจริงๆจึงอยากเอามาเล่าสู่กันฟังค่ะ