ความรู้สึกของคนข้างบ้าน กับการติดตั้งระแนงไม้บนกำแพงร่วม

----- ได้รับการแก้ไขแล้วครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
นึกถึงคราวต่อไปครับว่าเมื่อท่านจะทำอะไรบนกำแพงก็อย่าได้คิดว่าเขาจะร่วมมือเช่นกัน คนเรานั้นหากเป็นของร่วมกันมันต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยครับ เขามาบอกดี ๆ เราก็ต้องมีความเห็นร่วมกัน เราผ่อนผันได้เราก็ผ่อนให้เขา  ผมเห็นมาหลายรายแล้วครับบ้านนี้ปฏิเสธ เขาก็ทำเหล็กขึ้นมาอีก 1 แท่ง ปิดทึบ  คราวนี้ไม่ต้องให้ท่านออกความเห็นอะไรเลย เพราะมันอยู่ในเขตพื้นที่ดินของเขา   เวลาท่านจะทำอะไรบนกำแพงท่านก็ยังต้อขออนุญาตเขาอยู่ดี เพราะถือกรรมสิทธิ์บนรั้วร่วมยังคงอยู่ครับ  สุดท้ายก็ไม่ถูกกันมีเรื่องอะไรต้องอาศัยกันก็ไม่ต้องพูดถึงแล้วครับไมตรีเหล่านั้น

ผมเองไม่เคยคิดอะไรเรื่องนี้เลยครับ  บ้านติดกันมาขอผมอนุญาตทันทีครับ  เราก็แต่งในส่วนของเราให้สวยงาม ขอเพียงอย่าทำทึบ ให้มีร่องสำหับลมพัดผ่านบ้างเท่านั้น  คนเรานั้นมีสันดานอย่างหนึ่งที่เรามักจะเห็นบนท้องถนนนั่นคือการคิดจะเอาชนะกัน  บางทีจะต้องเลี้ยวออกข่างทาง ท่านก็คิดแต่จะเหยียบคันเร่งให้เร็วเพื่อจะได้ตัดหน้าคันที่เขาวิ่งเลนซ์ซ้ายปกติเพื่อจะเลี้ยวรถไปทางอื่น  ถ้าคนที่วิ่งอยู่ในเลนส์ปกติไม่คิดอะไร ท่านก็สามารถเลี้ยวรถออกไปโดยไม่มีอุบัติเหตุ  แต่ถ้าคันที่วิ่งซ้ายเกิดความหมั่นไส้ก็เหยียบคันเร่งตาม คราวนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นและที่สุดคันที่เลี้ยวตัดหน้านั่นผิดเสียด้วย หรือไม่ก็มีการด่ากันเกิดขึ้น ต้องมีเรื่องชกต่อยหรือทะเลาะเบาะแว้งกันไปในที่สุด   บางคนยิ้มไม่ว่าแต่อย่าให้คนอื่นได้ดีเกินหน้าเรา  บางคนก็เป็นคนพาล หาเรื่องทะเลาะกันจนทำให้การดำรงชีวิตของท่านไม่เป็นสุขไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ดังนั้น เมื่อมีอะไรที่ของมากจากเพื่อนบ้านของท่าน ก็ให้ใช้สติไตร่ตรองให้มาก ๆ ครับ  มีมิตรรอบบ้านท่านจะไปไหนซ้กกี่วันกี่คืน ต้นไม้ของท่านก็จะเขียวชะอุ่มอยู่เสมอ เพราะมีคนอยากช่วยท่านรดน้ำต้นไม้ ดูแลหใ้ เหมือนเวลาเราอยู่บ้านแล้วเพื่อนบ้านไปต่างจังหวัด เราก็อยากช่วยเขา รดน้ำให้บ้าง ดูแลเรื่องการเก็บขยะ ฯลฯ ที่เขาสามารถช่วยเราได้    ผมยกตัวอย่าง บนสุดซอยผมเขาเป็นผู้หญิงมีครอบครัวแล้ว  แต่สามีออกไปทำงานไกลบ้าน นาน ๆ จะกลับมาทีด้วยน้องเค้ามีอัธยาศัยดี เราที่มีผู้ชายก็ช่วยกันดูแล  มีวันหนึ่งน้องเค้าขับรถแบบผู้หญิง คือไม่ดูอะไรเลย   เช้ามืดรถสตาร์ทไม่ติด เธอวิ่งมาบ้านผมผมก็เอาสายพ่วงแบตไป บ้านถัดกันเห็นเข้าก็รีบออกมาช่วยดันดู  ผลปรากฏว่ารถเธอมีช่างช่วยกัน 7-8 ครอบครัว  น้กลั่นไม่ต้องซื้อเพราะคนนั้นหยิบติดมือมา 2 ขวด คนนั้นหยิบมา 1 ขวด  ส่วนรถที่จะพ่วงแบตก็ไม่ต้องไปไหนมีอีกบ้านหนึ่งรีบขับมาเทียบให้เลย  เจ้าของรถไม่ต้องทำอะไรเลย  เพียงแค่ยกมือไหว้คนโน้นทีคนนี้ที ไม่เกิน 20 นาที เธอก็สามารถขับรถออกไปทำงานได้สบาย ๆ

นี่ผลของการมีมิตรไมตรีกับเพื่อนบ้านที่ดี  ผิดกับอีกบ้านหนึ่งบ้านนี้ไม่ยุ่งกับใคร ตี 4 ปล่อยหมาออกมาถ่ายเรี่ยาดหน้าบ้านคนอื่น  วันหนึ่งเกิดเหตุเหมือนกันรถสตาร์ทไม่ติด  ผลก็คือต้องขี่จักรยานออกไปหน้าปากซอย ไปโบกแท๊กซี่ให้มาพ่วงแบตเตอรรี่ให้  ไม่มีใครโผล่ออกไปดูหรือไปไต่ถามอะไรเลยซักคน  แฟนผมเห็นเข้าก็มาเล่าให้ผมฟัง  ผมได้มีโอกาสเจอเจ้าของบ้านที่เป็นผู้ชายเราก็บอกว่ามีอะไรก็สามารถเรียกเราได้  เขาก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ ไป  

คนเรานั้นปากสำคัญครับ  เราทำตัวไม่ดีเพียงครั้งเดียว เขาเอาไปพูดต่อ ๆ กันไป  จนกลายเป็นรู้กันทั่วหมู่บ้านในที่สุดว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัว  ดังนั้น มีอะไรที่เราผ่อนผันช่วยกันได้ก็ช่วยกันไปครับ  เราทำดีรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  ไม่นานเราจะมีมิตรเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวไปเองครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ผมกลับชอบ เพราะผมไม่ได้จะทำอะไรบนรั้วอยู่แล้ว เขาออกเงินทำเองหมดก็ดี จะได้เป็นส่วนตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่