ตั้งแต่เด็กเล็กๆ เวลาไปไหนมาไหนก็ทานยาก ทานลำบาก
ยิ่งอาหารถาดหลุมมื้อกลางวันในโรงอาหาร นี่ยิ่งเศร้า
ตักแกงจืดมา คีบน่องไก่วาง ขนมหวานเอย และเวเฟอร์ปักกิ่ง
พอวางบนโต้ะปั้ป ทั้งหมดแx่งก็มารวมเป็นหลุมเดียวกัน
ทีนี้ก็ไม่รู้เลยว่า กำลังจะแดรกแกงเฉาก๊วย หรือต้มเวเฟอร์
วิธีรอดตายมาได้ตั้งแต่เด็ก ก็คือ ซื้อมาม่าผ่านลูกกรงหน้าโรงเรียนประทังชีวิต
แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ ที่จะบอกก็คือ
ทุกๆ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนประถม คุณพ่อจะมารับแล้วพาไปปล่อยทิ้งไว้ที่บ้าน อาม่า
จนถึงตอนดึก แล้วคุณพ่อก็ค่อยมารับกลับไปบ้าน
ทุกๆเย็นอาม่าจะคอยถามว่า กินเหมียวโจ้อะป่าว (บะหมี่กึ่งเมียวโจ้นั่นแหล่ะ)
ก็ต้องตอบว่า "กิน" แม้บางวัน เมียวโจ้จะหมด ก็ยังมี มาม่าเป็ดพะโล้เป็นตัวสำรอง
มันมีทั้งความรู้สึกและรสชาติที่ตราตรึงอยู่ตรงปลายลิ้น
จนหลังจากอาม่าเสียไป ก็ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเอง
ต้มให้ตายก็แค่พอทานได้ มันไม่อร่อยแบบเข้าปากแล้วตาลุกวาว
ก็ไม่ใช่ว่ากระแดะฝีมืออาม่าแต่อย่างใด
แต่ช่วงวัยเด็กของ จขกท. พ่อกับแม่จะไม่ให้ยุ่งกับพวกเตาแก๊ส
ยิ่งพอโตมาอาศัยอยู่ตึกแถวก็ไม่มีเตาแก้สให้ใช้
บวกกับเทคโนโลยีที่มี ไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน พร้อมทั้งเตาไฟฟ้าแม่เหล็ก
ทั้งอุ่น ทั้งลวก ทั้งต้มมาสารพัดต้ม หลากวิธี หลายยี่ห้อทั้ง มาม่า ยำยำ ไวไว
มันก็ไม่อร่อยแบบที่กินตอนวัยเด็ก
ไม่เหมือนรสชาติบะหมี่กึ่งที่ต้มจาก เตาแก๊ส
(สั่งพวกมาม่าต้มยำ ตามร้านอาหารตามสั่งก็ยังอร่อย)
ใครพอจะมีเทคนิคต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้อร่อยกลมกล่อม ด้วยเตาไมโครเวฟ หรือเตาแม่เหล็กไฟฟ้าบ้างครับ
โปรดชี้ทางสว่างทีครับ
ถ้าทางนี้ไม่รุ่งจริงๆ ก็จะเปลี่ยนไป ทานโจ้กคนอร์แทน
สวัสดี กลางๆ เดือน
#หาเพื่อนบ่น เพราะขี้เหงา
#กลางเดือน ต้องอดทน
#ขอเทคนิคสูตรลับชาววัง
#อันนี้อยากบ่น เพราะอาหารถาดหลุมก็ยังมีอยู่หลายๆ โรงเรียน และเชื่อว่ามีเด็กบางส่วน ที่เสียตังค์ แต่ไม่ทาน (ไม่รุ้ว่ารวมกับค่าเทอมหรือจ่ายแยก) มันโหดร้ายมากเลยสำหรับเด็กตัวเล็กๆ ที่ต้องกิน แกงปลา ผสมต้มถั่วเขียว คลุกข้าวก้นหม้อ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้มให้ตายยังไงก็ไม่อร่อย
ตั้งแต่เด็กเล็กๆ เวลาไปไหนมาไหนก็ทานยาก ทานลำบาก
ยิ่งอาหารถาดหลุมมื้อกลางวันในโรงอาหาร นี่ยิ่งเศร้า
ตักแกงจืดมา คีบน่องไก่วาง ขนมหวานเอย และเวเฟอร์ปักกิ่ง
พอวางบนโต้ะปั้ป ทั้งหมดแx่งก็มารวมเป็นหลุมเดียวกัน
ทีนี้ก็ไม่รู้เลยว่า กำลังจะแดรกแกงเฉาก๊วย หรือต้มเวเฟอร์
วิธีรอดตายมาได้ตั้งแต่เด็ก ก็คือ ซื้อมาม่าผ่านลูกกรงหน้าโรงเรียนประทังชีวิต
แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ ที่จะบอกก็คือ
ทุกๆ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนประถม คุณพ่อจะมารับแล้วพาไปปล่อยทิ้งไว้ที่บ้าน อาม่า
จนถึงตอนดึก แล้วคุณพ่อก็ค่อยมารับกลับไปบ้าน
ทุกๆเย็นอาม่าจะคอยถามว่า กินเหมียวโจ้อะป่าว (บะหมี่กึ่งเมียวโจ้นั่นแหล่ะ)
ก็ต้องตอบว่า "กิน" แม้บางวัน เมียวโจ้จะหมด ก็ยังมี มาม่าเป็ดพะโล้เป็นตัวสำรอง
มันมีทั้งความรู้สึกและรสชาติที่ตราตรึงอยู่ตรงปลายลิ้น
จนหลังจากอาม่าเสียไป ก็ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเอง
ต้มให้ตายก็แค่พอทานได้ มันไม่อร่อยแบบเข้าปากแล้วตาลุกวาว
ก็ไม่ใช่ว่ากระแดะฝีมืออาม่าแต่อย่างใด
แต่ช่วงวัยเด็กของ จขกท. พ่อกับแม่จะไม่ให้ยุ่งกับพวกเตาแก๊ส
ยิ่งพอโตมาอาศัยอยู่ตึกแถวก็ไม่มีเตาแก้สให้ใช้
บวกกับเทคโนโลยีที่มี ไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน พร้อมทั้งเตาไฟฟ้าแม่เหล็ก
ทั้งอุ่น ทั้งลวก ทั้งต้มมาสารพัดต้ม หลากวิธี หลายยี่ห้อทั้ง มาม่า ยำยำ ไวไว
มันก็ไม่อร่อยแบบที่กินตอนวัยเด็ก
ไม่เหมือนรสชาติบะหมี่กึ่งที่ต้มจาก เตาแก๊ส
(สั่งพวกมาม่าต้มยำ ตามร้านอาหารตามสั่งก็ยังอร่อย)
ใครพอจะมีเทคนิคต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้อร่อยกลมกล่อม ด้วยเตาไมโครเวฟ หรือเตาแม่เหล็กไฟฟ้าบ้างครับ
โปรดชี้ทางสว่างทีครับ
ถ้าทางนี้ไม่รุ่งจริงๆ ก็จะเปลี่ยนไป ทานโจ้กคนอร์แทน
สวัสดี กลางๆ เดือน
#หาเพื่อนบ่น เพราะขี้เหงา
#กลางเดือน ต้องอดทน
#ขอเทคนิคสูตรลับชาววัง
#อันนี้อยากบ่น เพราะอาหารถาดหลุมก็ยังมีอยู่หลายๆ โรงเรียน และเชื่อว่ามีเด็กบางส่วน ที่เสียตังค์ แต่ไม่ทาน (ไม่รุ้ว่ารวมกับค่าเทอมหรือจ่ายแยก) มันโหดร้ายมากเลยสำหรับเด็กตัวเล็กๆ ที่ต้องกิน แกงปลา ผสมต้มถั่วเขียว คลุกข้าวก้นหม้อ