“ชาคริต” โต้ลั่นเรื่องหน้าเบี้ยวเพราะพิษโบท๊อกซ์ ชี้แจงแค่ไปทำเลเซอร์ที่พังผืดใต้ตาแล้วยังไม่ได้พักฟื้นก็ต้องออกมาทำงาน หน้าก็เลยยังบวมอย่างที่เห็น เจ้าตัวปัดไม่ขอยุ่งเกี่ยวประเด็น “วุ้นเส้น” ทะเลาะกับ “มดดำ” ชี้เป็นการคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทเท่านั้น ส่วนสาวๆในแก๊งค์นางฟ้าก็เห็นยังรักกันดีอยู่
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกไซเบอร์ถึงภาพหน้าบวมเบี้ยวของหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” ในการเป็นพิธีกรในรายการหนึ่ง ทำเอาหลายคนตั้งขอสงสัยพระเอกหนุ่มไปฉีดโบท๊อกซ์หน้ามารึเปล่า ทันทีที่เจ้าตัวออกงานเปิดตัวร้าน “บุญถาวร” สาขาพระราม 2 ก็ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงสาเหตุหน้าบวม ว่าเป็นเพราะตนไปทำเลเซอร์ที่พังผืดใต้ตามา แล้วยังไม่ได้รับการพักฟื้นจึงมีสภาพบวมอย่างที่เห็น
“คือผมไปทำเลเซอร์มา แล้วเบ้าตาตรงใต้ตากระดูกมันอักเสบ มันเหมือนเป็นพังผืดก็เลยไปทำเลเซอร์ แล้วเราทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาพักมันก็เลยโทรม ด้วยเลเซอร์มันแรง หน้าเราก็เซ้นส์ซิทีฟ พอทำปุ๊บอีกวันเราก็ไปทำงานเลย หน้ามันก็เลยบวมอยู่ 3 วัน แต่ตอนนี้ก็เป็นปกติแล้ว ไม่ได้มีการผ่าหรือไปทำอะไร เราต้องทำงานทุกวัน ผมเป็นคนที่ถุงใต้ตาลึกอยู่แล้ว มันก็เหมือนไปกระตุ้นให้กระชับขึ้นมา แล้วเราทำแบบรีบๆ แรงด้วย เพราะเราต้องทำงานแล้วมันไม่ได้ผักผ่อน มันก็บวมขึ้นมา แต่คนมองว่าผมไปทำโบท๊อกซ์มา ก็รู้สึกดีนะ”
“ตอนแรกกลัวว่าคนจะมองว่าผมไปทะเลาะตบตีกับวุ้นเส้นมารึเปล่าซะอีก ก็ยังดีที่คนคิดแบบนั้น แล้ววันนั้นผมไปถ่ายรายการและต้องถ่าย 3 เทป ก็ต้องขอโทษคนดูที่ต้องทนดูหน้าผมแบบนั้นอยู่ 3 อาทิตย์ ก็เรียกว่าที่ทำเพราะผมทำงานตรงนี้ด้วย และตั้งแต่แต่งงานกับวุ้นเส้นผมก็ทำทุกอย่าง อย่างละครั้งก็ลองดูว่าเป็นยังไง เราทำงานตรงนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง แต่เป็นเพราะผมไม่มีเวลาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะบวมขนาดนี้ แต่ด้วยความที่ออกกล้องด้วย ทั้งแสงทั้งไฟ และแต่งหน้าด้วย ตอนแรกที่เห็นผมก็ตกใจ แต่ก็รู้ว่าสักวันมันก็ต้องหาย"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อถึงประเด็นของ “วุ้นเส้น” กับ “มดดำ คชาภา” ที่มีคนมองว่าแตกคอกันเพราะเรื่องของ “เจนี่” นั้น หนุ่มชาคริตก็กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่มีทางทะเลาะกันแน่นอน
“เรื่องนั้นพูดจริงๆ ผมไม่ขอยุ่ง แต่วุ้นเส้นกับดำมดเขาเป็นเพื่อนสนิทกันนะ ไม่มีอะไรจริงๆ เขาก็คุยกันตามประสา แล้วมันก็คงเป็นภาษาที่เขาใช้กัน ไม่ได้ผิดใจหรือแตกคอกัน ทั้งคู่เขาไม่ได้แตกคอกัน ไม่ว่าจะเป็นแก๊งค์เพื่อนเขาหรือจะเป็นใครก็ตามจริงๆ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของคน 2 คน ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรมันเป็นเรื่องของเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา ผมก็ยังเห็นเขาคุยกับปกติ ภาษาที่คุยกันก็คงเป็นภาษาที่เขาใช้ปกติ เขาก็ยังโทร.คุยกันว่าไม่มีอะไร ยังแฮปปี้ดี”
“ส่วนสาวๆในแก๊งค์เขา ผมก็ยังเห็นเขาก็ยังมีไปปาร์ตี้กัน อย่างพอลล่าเขากับสามีก็กลับมาอยู่เมืองไทยเราก็เพิ่งเจอกัน ส่วนนานากับเวย์ก็เพิ่งไปงานแต่งของน้องสาวของนานามา เมื่อคืนผมกับวุ้นเส้นก็เพิ่งไปทานข้าวกับเจนสุดามา วุ้นเส้นก็ยังโทร.คุยกับคริสอยู่ ส่วนแอนกับภูริก็ไปเที่ยวอเมริกา แต่เดี๋ยวถ้ากลับมาก็ได้เจอกันหมดทุกอย่างยังเหมือนเดิม ในส่วนของเจนี่ เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆนะ เขาอาจจะนัดเจอกัน แต่ผมทำงานตรงนี้เขาก็อาจจะนัดเจอกันไปแล้วก็ได้”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000102979
“ชาคริต” โต้หน้าเบี้ยวเพราะพิษโบท๊อกซ์ ยืนยันแค่ทำเลเซอร์ที่พังผืดใต้ตาแล้วยังไม่ได้พักฟื้น เลยยังบวมอย่างที่เห็น
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกไซเบอร์ถึงภาพหน้าบวมเบี้ยวของหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” ในการเป็นพิธีกรในรายการหนึ่ง ทำเอาหลายคนตั้งขอสงสัยพระเอกหนุ่มไปฉีดโบท๊อกซ์หน้ามารึเปล่า ทันทีที่เจ้าตัวออกงานเปิดตัวร้าน “บุญถาวร” สาขาพระราม 2 ก็ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนถึงสาเหตุหน้าบวม ว่าเป็นเพราะตนไปทำเลเซอร์ที่พังผืดใต้ตามา แล้วยังไม่ได้รับการพักฟื้นจึงมีสภาพบวมอย่างที่เห็น
“คือผมไปทำเลเซอร์มา แล้วเบ้าตาตรงใต้ตากระดูกมันอักเสบ มันเหมือนเป็นพังผืดก็เลยไปทำเลเซอร์ แล้วเราทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาพักมันก็เลยโทรม ด้วยเลเซอร์มันแรง หน้าเราก็เซ้นส์ซิทีฟ พอทำปุ๊บอีกวันเราก็ไปทำงานเลย หน้ามันก็เลยบวมอยู่ 3 วัน แต่ตอนนี้ก็เป็นปกติแล้ว ไม่ได้มีการผ่าหรือไปทำอะไร เราต้องทำงานทุกวัน ผมเป็นคนที่ถุงใต้ตาลึกอยู่แล้ว มันก็เหมือนไปกระตุ้นให้กระชับขึ้นมา แล้วเราทำแบบรีบๆ แรงด้วย เพราะเราต้องทำงานแล้วมันไม่ได้ผักผ่อน มันก็บวมขึ้นมา แต่คนมองว่าผมไปทำโบท๊อกซ์มา ก็รู้สึกดีนะ”
“ตอนแรกกลัวว่าคนจะมองว่าผมไปทะเลาะตบตีกับวุ้นเส้นมารึเปล่าซะอีก ก็ยังดีที่คนคิดแบบนั้น แล้ววันนั้นผมไปถ่ายรายการและต้องถ่าย 3 เทป ก็ต้องขอโทษคนดูที่ต้องทนดูหน้าผมแบบนั้นอยู่ 3 อาทิตย์ ก็เรียกว่าที่ทำเพราะผมทำงานตรงนี้ด้วย และตั้งแต่แต่งงานกับวุ้นเส้นผมก็ทำทุกอย่าง อย่างละครั้งก็ลองดูว่าเป็นยังไง เราทำงานตรงนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง แต่เป็นเพราะผมไม่มีเวลาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะบวมขนาดนี้ แต่ด้วยความที่ออกกล้องด้วย ทั้งแสงทั้งไฟ และแต่งหน้าด้วย ตอนแรกที่เห็นผมก็ตกใจ แต่ก็รู้ว่าสักวันมันก็ต้องหาย"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ถามต่อถึงประเด็นของ “วุ้นเส้น” กับ “มดดำ คชาภา” ที่มีคนมองว่าแตกคอกันเพราะเรื่องของ “เจนี่” นั้น หนุ่มชาคริตก็กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่มีทางทะเลาะกันแน่นอน
“เรื่องนั้นพูดจริงๆ ผมไม่ขอยุ่ง แต่วุ้นเส้นกับดำมดเขาเป็นเพื่อนสนิทกันนะ ไม่มีอะไรจริงๆ เขาก็คุยกันตามประสา แล้วมันก็คงเป็นภาษาที่เขาใช้กัน ไม่ได้ผิดใจหรือแตกคอกัน ทั้งคู่เขาไม่ได้แตกคอกัน ไม่ว่าจะเป็นแก๊งค์เพื่อนเขาหรือจะเป็นใครก็ตามจริงๆ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของคน 2 คน ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรมันเป็นเรื่องของเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา ผมก็ยังเห็นเขาคุยกับปกติ ภาษาที่คุยกันก็คงเป็นภาษาที่เขาใช้ปกติ เขาก็ยังโทร.คุยกันว่าไม่มีอะไร ยังแฮปปี้ดี”
“ส่วนสาวๆในแก๊งค์เขา ผมก็ยังเห็นเขาก็ยังมีไปปาร์ตี้กัน อย่างพอลล่าเขากับสามีก็กลับมาอยู่เมืองไทยเราก็เพิ่งเจอกัน ส่วนนานากับเวย์ก็เพิ่งไปงานแต่งของน้องสาวของนานามา เมื่อคืนผมกับวุ้นเส้นก็เพิ่งไปทานข้าวกับเจนสุดามา วุ้นเส้นก็ยังโทร.คุยกับคริสอยู่ ส่วนแอนกับภูริก็ไปเที่ยวอเมริกา แต่เดี๋ยวถ้ากลับมาก็ได้เจอกันหมดทุกอย่างยังเหมือนเดิม ในส่วนของเจนี่ เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆนะ เขาอาจจะนัดเจอกัน แต่ผมทำงานตรงนี้เขาก็อาจจะนัดเจอกันไปแล้วก็ได้”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000102979