จากปรากฏการณ์ละครซีรี่ส์เรื่องดัง “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ที่ตกเป็นกระแสในสังคม อีกทั้งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ในด้านฉากต่างๆและเนื้อหาที่นำเสนอ หลังจากที่ละครเรื่องนี้พึ่งได้จบไป จึงเป็นที่มาของคำถามที่ยังเป็นควันหลงอยู่ว่า ซีรี่ส์เรื่องนี้เหมาะสมหรือไม่ และมีผลกระทบอย่างไรต่อสังคมไทย?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจสังคมไทยก่อนว่า สังคมสร้างสิ่งที่เรียกว่า “อุดมคติ” ขึ้นมาเพื่อจะตีกรอบว่า เด็กที่ดีควรเป็นอย่างไร 1 2 3 4... เด็กมัธยมไทยไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ไม่มีการตีกัน ไม่มีการสูบบุหรี่ในห้องน้ำ เด็กมัธยมไทยดำน้ำ ดูปะการัง นั่งสมาธิ สวดมนต์... สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เหมือนกับการมองเหรียญแค่ด้านเดียว ซึ่งด้านที่ว่านั้นคือขอบเหรียญด้วยซ้ำไป ทำให้คิดไปว่า เหรียญนั้นมีลักษณะแบน และเหรียญที่ดีต้องมีลักษณะแบนเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วเหรียญนั้นมีลักษณะกลมและมีด้านสองด้านอยู่ด้วย
เมื่อไหร่ก็ตาม เมื่อมีคนหยิบยกนำเสนอและพยายามชี้ให้เห็นว่า เหรียญนั้น กลมนะ เหรียญนั้นมีด้านอยู่อีกสองด้านนะ สังคมก็จะรับไม่ได้ เพราะมีความเชื่อเป็นมายาคติแล้วว่าเหรียญต้องมีแต่ด้านขอบและแบบเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมจึงมีคนบางคนรับไม่ได้กับฉากต่างๆที่บอกว่าไม่เหมาะสม และพยายามจะแบนสิ่งเหล่านั้นไม่ให้ปรากฏในสื่อ โดยอ้างเหตุผลว่า
“จะทำให้พฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาในทัศนะคติของเด็ก” ผู้เขียนเห็นว่า เมื่อพิเคราะห์จากเนื้อหาที่นำเสนอในเนื้อเรื่อง จริงอยู่ที่ปรากฏฉากที่ไม่เหมาะสมหลายอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉากที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้นไม่มีที่มาที่ไป เช่น
ตัวละครเด็กชายในเรื่องชกต่อย ทะเลาะวิวาท ยกพวกตีกัน เนื้อหามีการนำเสนอต่อไปว่าเมื่อมีการกระทำเช่นนั้นแล้วมีผลกระทบร้ายๆที่ตามมาอย่างไร อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเหล่านั้น เด็กๆที่ยกพวกตีกันนั้นมีเหตุผลอะไร หรือในกรณีที่
ตัวละครซึ่งเป็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ก่อนมีเพศสัมพันธ์เด็กรู้สึกนึกคิดอย่างไร อะไรที่ทำให้เด็กคนนั้นตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ และที่สำคัญเรื่องราวนำเสนอผลกระทบที่ตามมาว่า สิ่งที่เด็กคนนั้นต้องเผชิญหลังจากตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ไปคืออะไรบ้าง หรือในกรณีที่
ตัวละครเด็กนักเรียนชายที่มีรสนิยมทางเพศชอบเพศเดียวกัน ซึ่งในสังคมก็ปรากฏความหลากหลายทางเพศเช่นนี้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่สังคมกลับมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเช่นนี้น้อยมาก ทำให้เกิดปัญหาการเหยียดเพศและกีดกันทางเพศทั้งในสังคมโดยรวม และในสังคมของเด็กมัธยมเอง ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้และค้นหาตัวเอง เนื้อหาของละครพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องความหลากหลายทางเพศให้แก่สังคม ความหลายหลายทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม หากแต่เด็กที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้นต้องการความเข้าใจจากครอบครัว คนรอบข้าง และต้องที่ยืนในสังคมอย่างเท่าเทียมและภาคภูมิ ซึ่งเขาสามารถเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังของชาติต่อไปได้
ผู้เขียนมองว่า ฉากที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ มีที่มาที่ไป มีบทสรุปที่สมเหตุสมผล เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกผิดมนุษย์ และเป็นการดีเสียด้วยซ้ำไปที่จะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือเด็กที่ดูอยู่ซึ่งเขาอาจตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับตัวละคร เกิดความเข้าใจมากขึ้น ได้มุมมองที่แตกต่างและได้เห็นถึงผลกระทบที่ตามมาหากตัดสินใจอะไรไป
ในกรณีที่ว่า
กลัวว่าเด็กที่ดูอยู่จะมีทัศนะคติว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ผู้เขียนกลับเห็นว่า คนที่มองว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องผิดปกติ นี้สิ ที่จะต้องเป็นฝ่ายปรับทัศนะคติเสียใหม่ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ปรากฏให้เห็นในสังคมเป็นปกติอยู่แล้ว ละครเรื่องนี้ไม่ได้เป็นผู้สร้างหรือนิยามพฤติกรรมเช่นว่าขึ้นมาใหม่ แต่อย่างไรก็ดีหากข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นว่า ละครนำเสนอฉากเด็กนักเรียนตีกัน ปากช้ำ คิ้วแตก เท่ห์ระเบิด สาวกรี๊ด สบายใจ มีความสุข เหมือนเป็นเรื่องดีและน่าเอาเยี่ยงอย่าง เช่นนี้อาจจะว่าไปอย่างหนึ่ง
สิ่งที่ควรกังวลใจเรื่องค่านิยมผิดๆพฤติกรรมลอกเลียนแบบ ผู้เขียนเห็นว่า ไม่ใช่ละครเรื่องฮอร์โมน แต่เป็นละครไทย หนังไทย หลังข่าวก่อนข่าวที่ปรากฏอยู่ในสื่อกระแสหลัก ที่มีฉาก พระเอก ข่มขื่นนางเอก แล้วสุดท้ายก็รักกันจบแบบแฮปปี้ นี้สิคือสิ่งที่น่ากลัว เพราะเป็นการปลูกฝั่งให้เด็กเข้าใจว่า การข่มขืนเป็นสิ่งที่ชอบ เป็นสิ่งที่ดูสวยงาม และสามารถทำได้ หรือ พระเอกนางเอก ตัวร้ายตัวอิจฉา วันๆไม่ทำมาหากินอะไร วัตถุนิยมทั้งบ้าน รถ ไลฟ์สไตล์ แล้ววันๆก็วางแผนชิงดีชิงเด่น แล้วลงเอยด้วยทำร้ายการตบตี สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เราควรตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่
***สุดท้ายทิ้งคำถามให้ผู้อ่านได้คิดว่า คุณพร้อมหรือยังที่จะยอมรับว่าเหรียญนั้นไม่ได้แบนหรือมีแต่ด้านข้างเพียงด้านเดียว เหรียญนั้นกลม และมีด้านถึงสามด้าน ผู้เขียนเห็นว่า ละครเรื่องฮอร์โมน ไม่ได้สร้างสไปร์ท ภู ธีร์ ให้มีมากขึ้นหรอก แต่สไปร์ท ภู ธีร์ มีอยู่แล้วมากมายในสังคมไทย อยู่ที่ว่าคุณพร้อมหรือยังที่จะเปิดใจเรียนรู้ทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นกับสิ่งที่มีอยู่จริงและกำลังเป็นไป แล้วคุณจะผลักไส?หรือยอมรับอยู่ร่วมกับสิ่งเหล่านี้อย่างกลมกลืน?
ควันหลง Hormones วัยว้าวุ่น ,สังคมไทยวัฒนธรรมระดับกะแดะ!!
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจสังคมไทยก่อนว่า สังคมสร้างสิ่งที่เรียกว่า “อุดมคติ” ขึ้นมาเพื่อจะตีกรอบว่า เด็กที่ดีควรเป็นอย่างไร 1 2 3 4... เด็กมัธยมไทยไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ไม่มีการตีกัน ไม่มีการสูบบุหรี่ในห้องน้ำ เด็กมัธยมไทยดำน้ำ ดูปะการัง นั่งสมาธิ สวดมนต์... สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เหมือนกับการมองเหรียญแค่ด้านเดียว ซึ่งด้านที่ว่านั้นคือขอบเหรียญด้วยซ้ำไป ทำให้คิดไปว่า เหรียญนั้นมีลักษณะแบน และเหรียญที่ดีต้องมีลักษณะแบนเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วเหรียญนั้นมีลักษณะกลมและมีด้านสองด้านอยู่ด้วย
เมื่อไหร่ก็ตาม เมื่อมีคนหยิบยกนำเสนอและพยายามชี้ให้เห็นว่า เหรียญนั้น กลมนะ เหรียญนั้นมีด้านอยู่อีกสองด้านนะ สังคมก็จะรับไม่ได้ เพราะมีความเชื่อเป็นมายาคติแล้วว่าเหรียญต้องมีแต่ด้านขอบและแบบเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมจึงมีคนบางคนรับไม่ได้กับฉากต่างๆที่บอกว่าไม่เหมาะสม และพยายามจะแบนสิ่งเหล่านั้นไม่ให้ปรากฏในสื่อ โดยอ้างเหตุผลว่า “จะทำให้พฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาในทัศนะคติของเด็ก” ผู้เขียนเห็นว่า เมื่อพิเคราะห์จากเนื้อหาที่นำเสนอในเนื้อเรื่อง จริงอยู่ที่ปรากฏฉากที่ไม่เหมาะสมหลายอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉากที่ไม่เหมาะสมเหล่านั้นไม่มีที่มาที่ไป เช่น ตัวละครเด็กชายในเรื่องชกต่อย ทะเลาะวิวาท ยกพวกตีกัน เนื้อหามีการนำเสนอต่อไปว่าเมื่อมีการกระทำเช่นนั้นแล้วมีผลกระทบร้ายๆที่ตามมาอย่างไร อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเหล่านั้น เด็กๆที่ยกพวกตีกันนั้นมีเหตุผลอะไร หรือในกรณีที่ ตัวละครซึ่งเป็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ก่อนมีเพศสัมพันธ์เด็กรู้สึกนึกคิดอย่างไร อะไรที่ทำให้เด็กคนนั้นตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ และที่สำคัญเรื่องราวนำเสนอผลกระทบที่ตามมาว่า สิ่งที่เด็กคนนั้นต้องเผชิญหลังจากตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ไปคืออะไรบ้าง หรือในกรณีที่ ตัวละครเด็กนักเรียนชายที่มีรสนิยมทางเพศชอบเพศเดียวกัน ซึ่งในสังคมก็ปรากฏความหลากหลายทางเพศเช่นนี้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่สังคมกลับมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเช่นนี้น้อยมาก ทำให้เกิดปัญหาการเหยียดเพศและกีดกันทางเพศทั้งในสังคมโดยรวม และในสังคมของเด็กมัธยมเอง ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้และค้นหาตัวเอง เนื้อหาของละครพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องความหลากหลายทางเพศให้แก่สังคม ความหลายหลายทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม หากแต่เด็กที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้นต้องการความเข้าใจจากครอบครัว คนรอบข้าง และต้องที่ยืนในสังคมอย่างเท่าเทียมและภาคภูมิ ซึ่งเขาสามารถเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังของชาติต่อไปได้
ผู้เขียนมองว่า ฉากที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ มีที่มาที่ไป มีบทสรุปที่สมเหตุสมผล เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกผิดมนุษย์ และเป็นการดีเสียด้วยซ้ำไปที่จะทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือเด็กที่ดูอยู่ซึ่งเขาอาจตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับตัวละคร เกิดความเข้าใจมากขึ้น ได้มุมมองที่แตกต่างและได้เห็นถึงผลกระทบที่ตามมาหากตัดสินใจอะไรไป
ในกรณีที่ว่า กลัวว่าเด็กที่ดูอยู่จะมีทัศนะคติว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ผู้เขียนกลับเห็นว่า คนที่มองว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องผิดปกติ นี้สิ ที่จะต้องเป็นฝ่ายปรับทัศนะคติเสียใหม่ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ปรากฏให้เห็นในสังคมเป็นปกติอยู่แล้ว ละครเรื่องนี้ไม่ได้เป็นผู้สร้างหรือนิยามพฤติกรรมเช่นว่าขึ้นมาใหม่ แต่อย่างไรก็ดีหากข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นว่า ละครนำเสนอฉากเด็กนักเรียนตีกัน ปากช้ำ คิ้วแตก เท่ห์ระเบิด สาวกรี๊ด สบายใจ มีความสุข เหมือนเป็นเรื่องดีและน่าเอาเยี่ยงอย่าง เช่นนี้อาจจะว่าไปอย่างหนึ่ง
สิ่งที่ควรกังวลใจเรื่องค่านิยมผิดๆพฤติกรรมลอกเลียนแบบ ผู้เขียนเห็นว่า ไม่ใช่ละครเรื่องฮอร์โมน แต่เป็นละครไทย หนังไทย หลังข่าวก่อนข่าวที่ปรากฏอยู่ในสื่อกระแสหลัก ที่มีฉาก พระเอก ข่มขื่นนางเอก แล้วสุดท้ายก็รักกันจบแบบแฮปปี้ นี้สิคือสิ่งที่น่ากลัว เพราะเป็นการปลูกฝั่งให้เด็กเข้าใจว่า การข่มขืนเป็นสิ่งที่ชอบ เป็นสิ่งที่ดูสวยงาม และสามารถทำได้ หรือ พระเอกนางเอก ตัวร้ายตัวอิจฉา วันๆไม่ทำมาหากินอะไร วัตถุนิยมทั้งบ้าน รถ ไลฟ์สไตล์ แล้ววันๆก็วางแผนชิงดีชิงเด่น แล้วลงเอยด้วยทำร้ายการตบตี สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เราควรตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่
***สุดท้ายทิ้งคำถามให้ผู้อ่านได้คิดว่า คุณพร้อมหรือยังที่จะยอมรับว่าเหรียญนั้นไม่ได้แบนหรือมีแต่ด้านข้างเพียงด้านเดียว เหรียญนั้นกลม และมีด้านถึงสามด้าน ผู้เขียนเห็นว่า ละครเรื่องฮอร์โมน ไม่ได้สร้างสไปร์ท ภู ธีร์ ให้มีมากขึ้นหรอก แต่สไปร์ท ภู ธีร์ มีอยู่แล้วมากมายในสังคมไทย อยู่ที่ว่าคุณพร้อมหรือยังที่จะเปิดใจเรียนรู้ทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นกับสิ่งที่มีอยู่จริงและกำลังเป็นไป แล้วคุณจะผลักไส?หรือยอมรับอยู่ร่วมกับสิ่งเหล่านี้อย่างกลมกลืน?