ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนเราไปเช่าชุดครุยสำหรับรับปริญญาของ ม.เกษตร กับเพื่อนๆ อีก 3คน แถวท่าพระจันทร์ เราไปร้านนี้เพราะรุ่นพี่แนะนำมาบอกว่าร้านนี้บริการดีและตัดสวย ตอนแรกเราคุยกับเพื่อนๆ ว่าเราจะเช่า ไม่เช่าตัด เพราะราคาเช่าคือ 800 บาท ราคาเช่าตัดคือ 1,000 บาท และตอนนั้นคิดว่าจะประหยัดรายจ่ายของที่บ้านให้มากที่สุด พอไปถึงที่ร้าน พี่เจ้าของร้านบอกว่า ต้องเช่าตัดนะ ชุดเช่าไม่มีแล้ว เราจึงเช่าตัดมา
ตอนไปรับชุดครุยด้วยความไว้ใจเราจึงไม่ได้เอะใจหรือตรวจสอบอะไรเลย ซึ่งเรารู้สึกว่านี่เป็นบทเรียนในชีวิตที่เริ่มหัดเดินของเราจริงๆ
กลับมาถึงบ้านเราเอาชุดออกมาจากถุงพบว่า พู่สีซีดมากและชุดเหม็นกลิ่นอับๆ เราไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร คิดว่ามันคงเป็นแบบนี้ทุกชุด พอวันซ้อม มีแต่เพื่อนๆทักว่าชุดเราสีมันเก่ามาก ไม่เหมือนชุดเช่าตัดเลย ขอบชายเสื้อบริเวณที่ติดตะขอก็มีสนิมเขรอะ เราก็ไม่คิดอะไร จนเมื่อมาเห็นชุดของเพื่อนๆที่เช่าตัดเหมือนกันทั้งจากร้านเดียวกันและต่างร้าน
วันไปคืนเราจึงบอกเจ้าของร้านว่าชุดของเรามันเป็นชุดเก่านะและหยิบตะขอขึ้นสนิมกับพู่ให้ดู พี่เจ้าของร้านบอกเราว่าเราใส่มาแล้วไม่สามารถเอาเงินคืน 200 บาทได้ เราก็งงๆ เพราะไปคนเดียว ตอนแรกไม่กล้าพูดอะไร แต่ลองใจกล้าถามดู และได้คำตอบว่าเค้าไม่เคยมีการบันทึกข้อมูลชุดว่าเป็นชุดเก่าหรือใหม่ และพี่เค้าก็บอกเราว่า เราควรโทรมาบอกว่าชุดที่เราได้ไปเป็นชุดเก่า หรือรีบเอามาเปลี่ยน เพราะโลตัสหรือห้างก็ทำกันแบบนี้ ลูกค้าต้องเป็นคนไปเปลี่ยน
พี่อีกคนเข้ามาบอกประมาณว่า มันเป็นความสะเพร่าของเราเองที่ไม่เช็คชุดดูให้ดีก่อน
เราจึงบอกพี่เค้าไปว่า “หนูยอมรับว่าหนูสะเพร่า แต่ทำไมพี่ถึงไม่บอกหนูก่อนออกจากร้านหรือเขียนในใบเช่าชุดว่า หากมีอะไรผิดพลาดรีบโทรมาบอกหรือมาเปลี่ยน” เถียงกันไปซักพัก
พี่เค้าจึงกระแทกเงินมาให้เรา 100 บาท แล้วบอกว่า เอาไป 100 เพราะผิดทั้งคู่ เราหยิบเงิน และเดินออกจากร้านด้วยความเสียใจและจะจำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน
ดังนั้นเมื่อรับชุดครุยขอเตือนทุกท่านว่า ควรตรวจเช็คให้ดีก่อนว่าชุดที่ได้เป็นชุดเก่าหรือชุดใหม่ (แต่คุณอาจจะไม่มีทางดูออกว่าชุดนั้นผ่านการใช้งานมาแล้วหรือไม่ หากเพิ่งใช้มาแค่ ครั้งหรือ 2ครั้ง และที่ร้านไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชุดไหนเก่าหรือใหม่)
สุดท้ายนี้ไม่คิด โทษร้านชุดครุย เพราะก็เป็นความสะเพราของเราเอง ที่ไม่ดูให้ดี เพราะคิดว่าเราเช่าตัดก็ควรได้ชุดใหม่ แค่อยากเตือนเพื่อนๆ จะได้ไม่พลาดแบบเราค่ะ เพราะถ้าใครไม่สังเกตก็คงได้ชุดเก่าไปในราคาชุดใหม่จริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร้านเจ้าชาย สีส้ม
อุทาหรณ์ สำหรับบัณฑิตใหม่ ที่กำลังจะเช่าชุดครุย
ตอนไปรับชุดครุยด้วยความไว้ใจเราจึงไม่ได้เอะใจหรือตรวจสอบอะไรเลย ซึ่งเรารู้สึกว่านี่เป็นบทเรียนในชีวิตที่เริ่มหัดเดินของเราจริงๆ
กลับมาถึงบ้านเราเอาชุดออกมาจากถุงพบว่า พู่สีซีดมากและชุดเหม็นกลิ่นอับๆ เราไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร คิดว่ามันคงเป็นแบบนี้ทุกชุด พอวันซ้อม มีแต่เพื่อนๆทักว่าชุดเราสีมันเก่ามาก ไม่เหมือนชุดเช่าตัดเลย ขอบชายเสื้อบริเวณที่ติดตะขอก็มีสนิมเขรอะ เราก็ไม่คิดอะไร จนเมื่อมาเห็นชุดของเพื่อนๆที่เช่าตัดเหมือนกันทั้งจากร้านเดียวกันและต่างร้าน
วันไปคืนเราจึงบอกเจ้าของร้านว่าชุดของเรามันเป็นชุดเก่านะและหยิบตะขอขึ้นสนิมกับพู่ให้ดู พี่เจ้าของร้านบอกเราว่าเราใส่มาแล้วไม่สามารถเอาเงินคืน 200 บาทได้ เราก็งงๆ เพราะไปคนเดียว ตอนแรกไม่กล้าพูดอะไร แต่ลองใจกล้าถามดู และได้คำตอบว่าเค้าไม่เคยมีการบันทึกข้อมูลชุดว่าเป็นชุดเก่าหรือใหม่ และพี่เค้าก็บอกเราว่า เราควรโทรมาบอกว่าชุดที่เราได้ไปเป็นชุดเก่า หรือรีบเอามาเปลี่ยน เพราะโลตัสหรือห้างก็ทำกันแบบนี้ ลูกค้าต้องเป็นคนไปเปลี่ยน
พี่อีกคนเข้ามาบอกประมาณว่า มันเป็นความสะเพร่าของเราเองที่ไม่เช็คชุดดูให้ดีก่อน
เราจึงบอกพี่เค้าไปว่า “หนูยอมรับว่าหนูสะเพร่า แต่ทำไมพี่ถึงไม่บอกหนูก่อนออกจากร้านหรือเขียนในใบเช่าชุดว่า หากมีอะไรผิดพลาดรีบโทรมาบอกหรือมาเปลี่ยน” เถียงกันไปซักพัก
พี่เค้าจึงกระแทกเงินมาให้เรา 100 บาท แล้วบอกว่า เอาไป 100 เพราะผิดทั้งคู่ เราหยิบเงิน และเดินออกจากร้านด้วยความเสียใจและจะจำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน
ดังนั้นเมื่อรับชุดครุยขอเตือนทุกท่านว่า ควรตรวจเช็คให้ดีก่อนว่าชุดที่ได้เป็นชุดเก่าหรือชุดใหม่ (แต่คุณอาจจะไม่มีทางดูออกว่าชุดนั้นผ่านการใช้งานมาแล้วหรือไม่ หากเพิ่งใช้มาแค่ ครั้งหรือ 2ครั้ง และที่ร้านไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชุดไหนเก่าหรือใหม่)
สุดท้ายนี้ไม่คิด โทษร้านชุดครุย เพราะก็เป็นความสะเพราของเราเอง ที่ไม่ดูให้ดี เพราะคิดว่าเราเช่าตัดก็ควรได้ชุดใหม่ แค่อยากเตือนเพื่อนๆ จะได้ไม่พลาดแบบเราค่ะ เพราะถ้าใครไม่สังเกตก็คงได้ชุดเก่าไปในราคาชุดใหม่จริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้