นิยายเพลงดาว ตอนที่ 9 นามปากกา ปัญจเกสร แนวดราม่า น้ำตาซึมรันทดสุดๆมาแล้วค่ะ

กระทู้สนทนา
บทที่ 9
           เพลงดาวตื่นมาแต่เช้าตรู่ หุงข้าว ดาวไข่ กับต้มไข่ไว้เรียบร้อยก็อาบน้ำ หยิบชุดนักเรียนที่แขวนบนราวออกมาสวมช้าๆ อย่างภาคภูมิใจ วันนี้เพลงดาวจะขึ้นชั้น ม.1 หมายถึงโตขึ้นอีกปีหนึ่ง เพลงดาวแต่งตัวเสร็จก็หยิบกระเป๋าออกมารอพ่อหน้าบ้าน พ่อปั่นรถมาหน้าตั้ง รีบขนของลง แล้วปูกระดาษลังอันใหม่ให้ลูกนั่ง เพลงดาวขึ้นไปนั่งขัดสมาธิ พ่อก็พาขี่โต้ลมออกไป ดวงหน้ากระจ่างแจ่มใสยิ้มร่ายามลมพัดกระทบผิว ผมปลิวไสว มีเสียงหัวเราะคลอเคล้าล้อไปกับสายลม ผ่านประตูบ้านดุริยดำรงเห็นรถของคิมหันต์และคุณหนูแก้มกำลังเลี้ยวออกมาเช่นกัน เพื่อนบ้านสองฐานะมาพบกันบนถนนซอยเดียวกัน ใบหน้าคุณหนูแก้มบึ้งตึง ไม่พอใจที่ต้องมาใช้ถนนร่วมกับคนชั้นต่ำ เห็นปากเธอพะงาบสองสามคำ รถคันนั้นก็เหยียบคันเร่งแรงแซงพรวดไป ทิ้งควันขาวคละคลุ้งจนเพลงดาวสำลัก คล้อยหลังไม่นานแม่ทิพย์ก็ขี่จักรยานที่มีก้องปฐพีซ้อนท้ายมา ทั้งสองคนเรียนโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้านด้วยกัน จึงส่งเสียงทักทายพูดคุยโขมงโฉงเฉงตามประสาไปตลอดทางจนถึงโรงเรียน พ่อส่งเธอที่หน้าประตูโรงเรียน เพลงดาวทำความเคารพพ่อก่อนเสมอ

              ตอนเย็นกล้าจะขี่ซาเล้งมารับลูกบ่อยๆ แต่กล้ารีบมารับเพลงดาวจนไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ที่สะอาด ผู้ปกครองคนอื่นต่างมองกล้า บางคนเมินหน้าหนี บางคนเสยกมือขึ้นอุดจมูก บางคนรีบดึงแขนลูกหนีทันทีที่กล้าเดินเฉียดมาใกล้ เพลงดาวดีใจที่พ่อมารับวิ่งมากอดคอพ่อแล้วหอมฟอดใหญ่ กลิ่นเหงื่อของพ่อเป็นกลิ่นที่เธอคุ้นเคยรู้สึกอบอุ่นมั่นคงกว่ากลิ่นสบู่หลังจากพ่ออาบน้ำแล้วเสียอีก ก้องปฐพีเดินมาสมทบ กล้าชวนก้องปฐพีนั่งซาเล้งกลับด้วย เพราะแม่ทิพย์ติดงานรีดผ้ากองใหญ่ กล้าแวะซื้อไอติมน้ำหวานแท่งละบาทให้เพลงดาวกับก้องปฐพีเป็นที่ถูกอกถูกใจ เมื่อกลับถึงบ้านเพลงดาวเอาการบ้านขึ้นมาช่วยทำด้วยกันกับก้องปฐพี กล้ายืนมองเห็นแววความขยันใฝ่รู้ก็เบาใจ จึงตัดสินใจขี่รถซาเล้งออกไปตะเวนหาเก็บของเก่าอีก เขาต้องหาเงินหามรุ่งหามค่ำเพื่อเร่งเก็บเงินมาเดินสายไฟให้เร็วที่สุด ชักช้าไม่ได้ เพราะแสงเทียนจะทำให้เพลงดาวสายตาเสียเพราะต้องเพ่งตัวหนังสือ พักนี้วิไลกระฟัดกระเฟียดแปลกๆ ที่เขาไม่เอาเงินมาฝากที่หล่อนอีก แต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้แล้วว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ จะไว้ใจใครไม่ได้เลย แม้แต่เมียตัวเอง

              เช้าวันรุ่งขึ้นกล้าสั่งให้วิไลไปส่งลูกที่โรงเรียน และทิ้งเงินค่ารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างยี่สิบบาทกับค่าอาหารกลางวันไว้ให้เพลงดาวสามสิบบาท วิไลไม่พอใจที่ถูกปลุกให้ลุกแต่เช้าเพื่อไปส่งเพลงดาว หล่อนนอนต่อไม่ยอมลุกง่ายๆ เพลงดาวที่แต่งตัวเรียบร้อยนั่งเฝ้ารอให้แม่ตื่น เมื่อแดดส่องแยงตา วิไลจำต้องลุกขึ้น บิดขี้เกียจ พอเห็นเพลงดาวนั่งหน้าขาวรอให้หล่อนไปส่งโรงเรียน หล่อนจึงกระฟัดกระเฟียดลุกไปอาบน้ำแต่งตัว กว่าจะออกจากบ้านก็เกือบเจ็ดโมงครึ่ง วิไลเดินกระชากลากแขนเพลงดาวอย่างมีอารมณ์โมโห เพลงดาววิ่งตามไม่ทันแรงฉุด ขาจึงสะดุดหกล้ม หัวเข่าเลือดออกซิบๆ พลอยรั้งแขนวิไลให้หงายหลัง วิไลโมโหเป็นทุนเดิมที่ต้องตื่นเช้าผสมกับเรื่องนี้ จึงฟาดที่แขนดังเผียะๆ

“ นี่แน่ะ! อีซุ่มซ่าม ไม่มีสมบัติผู้ดี จะเดินจะเหิรลุกลี้ลุกลน ดูสิงัดซะกูล้มลุกคลุกคลาน ” ปากก็ด่า มือก็ตี เพลงดาวเอียงตัวหลบไปมา

“ แม่จ๋า ดาวขอโทษ ดาวไม่ได้ตั้งใจ ”

“ นี่ขนาดไม่ตั้งใจนะเนี่ย ถ้าตั้งใจกูไม่หกคะมำหัวร้างข้างแตกรึไง? ”

“ ดาวขอโทษจ้ะ อย่าตีดาวเลย ดาวเจ็บ ”

“ หน็อยแน่! ทีกะกูตีนิดตีหน่อยทำเป็นสำออย ทีพ่อตีด้วยก้านมะยมเห็นเงียบเป็นเป่าสาก ”

          รถยนต์บ้านดุริยดำรงแล่นผ่านไปพร้อมกับการชมละครชีวิตฉากแม่ตีลูก คุณหนูแก้มถึงกับเกาะกระจกมอง ก่อนจะหัวเราะเยาะชอบใจ คิมหันต์พี่ชายเอ็ดน้องสาวเบาๆ ว่า

“ เสียมารยาทนะน้องแก้ม ”

“ คนกระจอกงอกง่อยอย่างยัยดาวไม่เห็นต้องมีมารยาทด้วยเลยนี่คะพี่ชาย ”

“ คนเราวัดระดับชนชั้นที่การกระทำและคำพูด ไม่ใช่ชาติกำเนิดหรือฐานะ ”

“ พี่ชายพูดอย่างนี้หมายความว่าแก้มไม่เป็นผู้ดี เป็นคนชั้นต่ำใช่ไหมคะ? พี่ชายเข้าข้างยัยดาวนี่คะ ”

“ ไปกันใหญ่แล้ว พี่ชายพูดรวมๆ น่ะ ไม่ได้เจาะจง พี่ชายว่าเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะ ว่าแต่การบ้านที่ซิสเตอร์สั่ง น้องแก้มทำเรียบร้อยแล้วหรือยัง? ” เจอคำถามเจาะใจอย่างนี้คุณหนูแก้มถึงกับหน้าถอดสี ก่อนจะอุบอิบตอบว่า

“ เรียบร้อยแล้วค่ะ ” แล้วต่อประโยคท้ายในใจว่า “ เดี๋ยวไปถึงโรงเรียนแล้ว จะจ้างเพื่อนทำให้ เรื่องอะไรต้องมาปวดหัวทำเอง ”

              วิไลเดินมาส่งแค่ปากซอยบูรณวาสน์ แล้วปล่อยให้เพลงดาวเดินตามฟุตบาทอีกราวหนึ่งกิโลเมตรไปโรงเรียนเอง เพลงดาวจึงมาถึงโรงเรียนหลังการเข้าแถวเคารพธงชาติ คุณครูที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนหน้าดุเคร่งขรึม ถือไม้เรียวอีกด้วย เพลงดาวมายืนต่อแถวในกลุ่มนักเรียนมาสายที่มีพี่ผู้หญิงผู้ชายชั้นโตๆ ยืนอยู่ก่อนหลายคน คุณครูยืนอยู่กึ่งกลางแถวหน้ากระดาน

“ พวกเธอทุกคนเป็นนักเรียน หน้าที่ของนักเรียนมีเพียงอย่างเดียว คือ ตั้งใจเรียน เรื่องง่ายๆ แค่นี้พวกเธอยังไม่มีความรับผิดชอบ หากครูไม่ลงโทษ พวกเธอก็จะไม่หลาบจำ เรียงแถวมา นักเรียนชั้นม.1 คนละห้าที นักเรียนชั้นม. 2 คนละสิบที ม. 3 คนละสิบห้าที ”
          เสียงหวดไม้เรียวโดนเนื้อก้นดังขวับ เพลงดาวหน้าเสีย แต่ต้องสะกดกลั้นความกลัว เมื่อถึงคิวของเธอเป็นคนสุดท้าย เพลงดาวก้าวออกมายืนข้างหน้ามือกอดอกสูดลมหายใจลึกแล้วกักลมไว้ในปอด ขวับ!ขวับ! เพลงดาวสะดุ้งสุดตัว ความเจ็บแปลบเข้าไปถึงเนื้อน่อง น้ำตาร่วงเป็นเม็ด ก้องปฐพีมายืนดักรอที่มุมตึกห้องฝ่ายปกครอง เขายื่นมือมาเช็ดน้ำตาและช่วยถือกระเป๋านักเรียน

“ เรารอเพลงดาวตั้งนาน ทำไมมาช้าล่ะ? ”

“ เราเดินมาจากบ้าน กระเป๋านักเรียนหนัก เราเดินไปพักไปก็เลยสาย ” เพลงดาวตอบเลี่ยงๆ ไม่ยอมบอกสาเหตุการมาโรงเรียนสายที่แท้จริง

“ เราเองก็หนีออกมานอกห้อง มาคอยเพลงดาว รีบเข้าห้องเรียนเถอะ เดี๋ยวถูกทำโทษอีก ”

“ ขอบใจนะดิน ” คำพูดสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจทำให้หัวใจของก้องปฐพีพองโตอย่างประหลาด

          พักกลางวัน เพลงดาวล้วงกระเป๋ากระโปรงแล้วไม่มีเงิน จึงคิดว่าพ่อคงลืมให้เงินค่าอาหาร ข้าวกับไข่ต้มเมื่อเช้าย่อยไปหมดแล้ว และตอนนี้ท้องก็ร้องครวญครางอย่างน่ากลัว ก้องปฐพีเดินถือกล่องข้าวเข้ามาหา

“ เพลงดาวกินข้าวหรือยัง? แม่เตรียมข้าวกับหมูทอดมาให้เรา ” กล้าเปิดฝากล่องข้าว กลิ่นหมูทอดหอมฉุย เพลงดาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คะเนดูปริมาณแล้วคงพอสำหรับเด็กชายกินคนเดียว เธอจึงยิ้มแล้วตอบว่า

“ เรากินอิ่มแล้ว คุณครูปล่อยห้องเราเร็วกว่าห้องดิน เดี๋ยวเราไปบ้วนปากก่อนนะ ”
           เพลงดาววิ่งมาที่ก๊อกน้ำเปิดน้ำได้ก็รองกินเข้าไปอึกใหญ่จนจุก เสียงกริ่งดังเป็นสัญญาณหมดเวลาพัก เพลงดาวเดินเข้าห้องเรียนทั้งๆ ที่ท้องยังว่าง พอนั่งเรียนวิชาภาษาไทยได้สักพัก รินลดาเพื่อนผู้หญิงที่นั่งข้างเพลงดาวก็ยกมือขึ้นเชิงขออนุญาตคุณครู
“ มีอะไรหรือ? รินลดา ”

“ หนูขออนุญาตย้ายโต๊ะค่ะ ”

“ ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไร? ”

“ หนูรำคาญเสียงท้องร้องของเพลงดาวค่ะ มันดังมากรบกวนการเรียนของหนูค่ะ ” เพื่อนๆ ทั้งห้องหัวเราะกันครืน

“ นักเรียนทุกคนเงียบได้แล้ว เพลงดาว เมื่อกลางวันได้กินข้าวหรือเปล่า? ” เพลงดาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน รู้สึกอายที่เพื่อนจ้องมองพร้อมรอยยิ้มขบขัน
“ ไม่ได้ทานค่ะ ”

“ ทำไมไม่กินล่ะ? ”

“ เพลงดาวมีพ่อเก็บขยะ เลยไม่มีเงินมาโรงเรียนค่ะ ” เสียงนิชาภัทรคนที่นั่งข้างหลังเพลงดาวตอบแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดตลก

“ นิชาภัทร คำพูดของเธอถือว่าเสียมารยาทอย่างมาก เพราะครูถามเพลงดาว เขกโต๊ะห้าครั้ง ปฏิบัติ ” สิ้นคำสั่ง นิชาภัทรหน้าตึงเพราะอับอายที่ถูกคุณครูดุต่อหน้าเพื่อนทั้งชั้นเรียน แววตาจ้าแสงเพ่งมองต้นคอเพลงดาวอย่างผูกใจเจ็บ แต่ยอมเขกโต๊ะตามคำสั่งโดยดี

“ เพลงดาว หลังชั่วโมงนี้ไปพบครูที่ห้องพักครู เอาละ! รินลดาถ้าเธอตั้งใจฟังครูจริงๆ เธอคงไม่ได้ยินเสียงอื่นหรอกนะ เอ้า! เรียนต่อ...”
    หมดชั่วโมงภาษาไทย เพลงดาวมายืนตรงหน้าโต๊ะครูมาลี

“ บอกครูสิว่าเธอมีปัญหาอะไร? ”

“ วันนี้พ่อคงลืมเงินค่าอาหารกลางวันให้หนูค่ะ หนูเลยไม่ได้กินข้าว ”  

“ เป็นเหตุสุดวิสัย เอาอย่างนี้ครูมีขนมปังกรอบกินรองท้องไปก่อนแล้วกัน ”

           ครูมาลีเปิดปี๊บขนมปังไส้สับปะรดกวนออก หยิบกำมือใหญ่ใส่จานกระเบื้องใบเล็กยื่นให้เด็กหญิง เพลงดาวพนมมือไหว้อย่างงดงาม รับมานั่งกินที่ม้านั่งนอกห้อง ครูมาลีมองนักเรียนในความปกครองของเธออย่างเวทนา วันแรกที่เธอเห็นสองพ่อลูกยังจำติดตา คนพ่อแต่งตัวตามมีตามเกิดคงดีที่สุดเท่าที่เขาจะมีสวมใส่ เด็กหญิงนุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อคอกลมที่น่าจะเคยเป็นเสื้อของใครสักคนที่โละออกมาจากตู้เสื้อผ้า สองพ่อลูกมานั่งฟังการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ เขาจูงลูกมายืนรอจ่ายเงินค่าหนังสือ เขาล้วงถุงพลาสติกย่นยู่ยี่ที่ถูกม้วนห่ออย่างแน่นหนาออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต แก้มัดหนังยาง คลี่ม้วนธนบัตรมานับอย่างระมัดระวัง นับซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบกว่าจะจ่ายเงินค่าหนังสือห้าร้อยบาท ขณะที่ผู้ปกครองคนอื่นเปิดกระเป๋าใบงามหยิบธนบัตรมาปึกหนึ่งนับรวกๆ แล้วส่งให้ไม่ทบทวน เมื่อรับเงินทอนมาก็ยัดใส่กระเป๋าโดยไม่ดูอีกเช่นกัน สะท้อนภาพคนที่มองคุณค่าของเงินแตกต่างกันตามที่มาของแหล่งรายได้ เด็กหญิงกอดถุงหนังสือแน่น ก่อนจะยอมปล่อยให้พ่อถือ เพราะมันหนักเกินกว่าร่างเล็กๆ จะหิ้วไหว ความคิดสะดุดลงเมื่อเด็กหญิงนำจานกระเบื้องที่ล้างสะอาดมาคืน ครูพยักหน้ารับรู้ เพลงดาวทำความเคารพอีกครั้งก่อนถอยหลังกลับเข้าห้องเรียน เมื่อเข้าห้องมาก็ประจันหน้ากับนิชาภัทรที่ยืนกอดอกขวางทางอยู่ก่อนแล้ว

“ หลีกทางให้เราหน่อย เราจะเข้าที่นั่ง ” เพลงดาวพูดเสียงแข็ง

“ เมื่อกี้เราถูกทำโทษให้เขกโต๊ะทั้งที่เราพูดความจริง พ่อเธอเก็บขยะมาให้เธอกินไม่ทันหรือ? เธอเลยไม่มีขยะกินตอนกลางวัน ” พวกลิ่วล้อพากันขบขันเต็มประดา เพลงดาวกำมือแน่นรู้สึกโกรธนิชาภัทรที่นำพ่อของเธอมาพูดถากถางดูถูกดูแคลน

“ พรุ่งนี้ถ้าเธอไม่มีขยะมากินที่โรงเรียน เราจะเอาขยะที่บ้านมาให้ มีทั้งก้างปลาทู กระดูกหมู เปลือกกุ้ง จะเอาอะไรล่ะ? หมาที่บ้านเรามันไม่กินเศษอาหารพวกนี้หรอก เราจะเทใส่ถุงมาให้ เอามาเผื่อพ่อเธอด้วยก็ยังได้นะ ”
          ขาดคำเพลงดาวก็ผลักอกนิชาภัทรอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกโต๊ะเรียนล้มครืน ลิ่วล้อนิชาภัทรเร่หันมาช่วยกันจับแขนเพลงดาวยึดไว้ให้ นิชาภัทรลุกขึ้นมาได้ก็ถีบเข้าที่ท้องเพลงดาว ล้มกันไปทั้งแถบ

“ โอ๊ย! นิดเธอถีบมันคนเดียวสิ ” เพลงดาวสะบัดแขนออกจากการจับยึด โผนเข้าหานิชาภัทรเอามือจิกผมยาวสลวยแล้วดึงจนหน้าหงายเสียหลักล้ม เพลงดาวจึงขึ้นคร่อมอก เอามือตบปากนิชาภัทรจนปากแตก

“ หยุดเดี๋ยวนี้ เพลงดาว ครูบอกให้หยุด ” เพลงดาวจำต้องหยุดปฏิบัติการตบปากสั่งสอนนิชาภัทรเพียงเท่านี้ นิชาภัทรร้องไห้โวยวายปริ่มว่าจะขาดใจ

“ ครูขา เพลงดาวตบหนูค่ะ เขาไม่พอใจที่หนูพูดความจริงในชั่วโมงภาษาไทยค่ะ หนูถูกทำร้ายก่อน ไม่เชื่อถามเพื่อนๆ ในห้องได้ค่ะ ”

“ จริงค่ะครู พวกเราพยายามห้ามเพลงดาวแล้ว นิชาภัทรก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากมีเรื่อง แต่เพลงดาวจะเอาคืน ถีบท้องแล้วก็จิกผมแถมตบหน้านิชาภัทรจนปากแตกค่ะ ” วิรงรองลิ่วล้ออีกเบอร์หนึ่งจีบปากฟ้อง เพลงดาวยืนก้มหน้านิ่งเงียบอย่างสำนึกผิด

“ เพลงดาว ครูเห็นตอนที่เธอกำลังทำร้ายนิชาภัทร และหลักฐานก็ยืนยันได้จากบาดแผลบนหน้านิชาภัทร ครูจำเป็นต้องลงโทษเธอ และขอพบผู้ปกครองเพื่อรายงานพฤติกรรมก้าวร้าวของเธอให้ผู้ปกครองทราบ ตามครูไปห้องฝ่ายปกครอง ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่