สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
สมัยนั้นภาษากลางในการติดต่อกับชาติตะวันตกคือภาษาโปรตุเกส(สมัยสมเด็จพระนารายณ์เรียก ปัตุกกรร สมัย ร.๑ เรียก ฝารังปัศตุกัน)ครับ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ทั้งนี้เพราะโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุทธยา มีตัวอย่างเช่นตอนทำหนังสือสัญญากับฝรั่งเศสใน พ.ศ.๒๒๓๐ ยังทำหนังสือสัญญาเป็นสามภาษาคือภาษาไทย ฝรั่งเศส กับ ปัตุกกรร
มีบันทึกของชาวฝรั่งเศสระบุว่าขุนนางไทยสามารถพูดภาษาโปรตุเกสได้ทุกคนซึ่งฟังดูเกินจริงไปบ้างแต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าโปรตุเกสเป็นภาษาหลักที่สำคัญ เราเพิ่งเริ่มมาใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในสมัยรัตนโกสินทร์เองครับเมื่ออังกฤษเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลมาในแถบนี้ แม้ว่าตอนหลังโปรตุเกสจะลดน้อยลงและเสื่อมอิทธิพลในแถบนี้ไปแล้วแต่อยุทธยาก็ยังใช้เป็นภาษาหลักอยู่เพราะเป็นชาติตะวันตกที่เข้ามาก่อนและนานกว่าชาติอื่นมาก จนสมัยต้นรัตนโกสินทร์ก็ยังใช้อยู่จนถูกแทนที่ด้วยภาษาอังกฤษในภายหลัง
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าในสมัยแรกๆที่ยังไม่รู้ภาษาโปรตุเกสอาจมีการแปลเอกสารจากภาษาโปรตุเกสเป็นมลายูก่อนแล้วค่อยแปลเป็นไทยอีกต่อครับ
ตอนแรกเจอกันอาจไม่เข้าใจกันเมื่อเวลาผ่านมาก็คงสามารถศึกษากันจนสามารถเข้าใจภาษากันได้เหมือนกับทุกๆชนชาติบนโลกครับ จนเกิดระบบล่ามดังที่มีบรรดาศักดิ์ปรากฏอยู่ในกฏหมายตราสามดวง ล่ามอาจมาจากชาวต่างประเทศที่อยู่นานพออย่างเช่นบาทหลวงที่เผยแผ่ศาสนาอยู่เป็นเวลานานจนเข้าใจภาษาไทยได้อย่างแตกฉานเช่นสังฆราช เดอ เมเตลโลโปลิส(หลุยส์ ลาโน) หรือพ่อค้าที่มาทำการค้าก็ต้องทำความเข้าใจถึงภาษาเพื่อความสะดวกหรือไม่ก็อาจเป็นพวกลูกครึ่งในอยุทธยาก็ได้ พวกนี้อาจเข้ารับราชการเป็นล่าม หรือไม่ก็อาจมีคนไทยที่เรียนรู้ภาษาพวกนี้อยู่บ้างเพื่อประโยชน์ในการติดต่อทางราชการกับต่างชาติซึ่งก็น่าจะเป็นพวกข้าราชการกรมคลัง แต่คงไม่มากนัก
มีตัวอย่างล่ามคนหนึ่งที่ติดตามคณะทูตชุดออกพระวิสุทสุนธร(ปาน)ไปฝรั่งเศส เป็นลูกครึ่งโปรตุเกสชื่อฟร็องซัวร์ ปิเนโร(François Pinheiro) เป็นล่ามฝรั่งเศสครับ พ่อของเขาชื่อแวงซัง ปิเนโร(Vincent Pinheiro)ก็เป็นล่ามเหมือนกันโดยในสมัยสมเด็จพระเพทราชามีบรรดาศักดิ์เป็น 'หล่วงวร่วาที มีบันดาสักดีดาบ่ทอง' ตามทำเนียบในกฎหมายตราสามดวงกล่าวว่าเป็นตำแหน่งของล่ามฝรั่งเศส
นอกจากนี้ยังมีล่ามอีกหลายตำแหน่งแต่ไม่ได้บอกว่าล่ามภาษาอะไร ปรากฏแต่ล่ามอังกฤษคือหมื่นทิพวาจา หมื่นเทพวาจา สังกัดกรมท่าซ้ายครับ
มีบันทึกของชาวฝรั่งเศสระบุว่าขุนนางไทยสามารถพูดภาษาโปรตุเกสได้ทุกคนซึ่งฟังดูเกินจริงไปบ้างแต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าโปรตุเกสเป็นภาษาหลักที่สำคัญ เราเพิ่งเริ่มมาใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในสมัยรัตนโกสินทร์เองครับเมื่ออังกฤษเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลมาในแถบนี้ แม้ว่าตอนหลังโปรตุเกสจะลดน้อยลงและเสื่อมอิทธิพลในแถบนี้ไปแล้วแต่อยุทธยาก็ยังใช้เป็นภาษาหลักอยู่เพราะเป็นชาติตะวันตกที่เข้ามาก่อนและนานกว่าชาติอื่นมาก จนสมัยต้นรัตนโกสินทร์ก็ยังใช้อยู่จนถูกแทนที่ด้วยภาษาอังกฤษในภายหลัง
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าในสมัยแรกๆที่ยังไม่รู้ภาษาโปรตุเกสอาจมีการแปลเอกสารจากภาษาโปรตุเกสเป็นมลายูก่อนแล้วค่อยแปลเป็นไทยอีกต่อครับ
หน้าสุดท้ายของหนังสือสัญญาไทย-ฝรั่งเศส พ.ศ.๒๒๓๐(นับแบบโบราณเป็น ๒๒๓๑) ครับ
ตอนแรกเจอกันอาจไม่เข้าใจกันเมื่อเวลาผ่านมาก็คงสามารถศึกษากันจนสามารถเข้าใจภาษากันได้เหมือนกับทุกๆชนชาติบนโลกครับ จนเกิดระบบล่ามดังที่มีบรรดาศักดิ์ปรากฏอยู่ในกฏหมายตราสามดวง ล่ามอาจมาจากชาวต่างประเทศที่อยู่นานพออย่างเช่นบาทหลวงที่เผยแผ่ศาสนาอยู่เป็นเวลานานจนเข้าใจภาษาไทยได้อย่างแตกฉานเช่นสังฆราช เดอ เมเตลโลโปลิส(หลุยส์ ลาโน) หรือพ่อค้าที่มาทำการค้าก็ต้องทำความเข้าใจถึงภาษาเพื่อความสะดวกหรือไม่ก็อาจเป็นพวกลูกครึ่งในอยุทธยาก็ได้ พวกนี้อาจเข้ารับราชการเป็นล่าม หรือไม่ก็อาจมีคนไทยที่เรียนรู้ภาษาพวกนี้อยู่บ้างเพื่อประโยชน์ในการติดต่อทางราชการกับต่างชาติซึ่งก็น่าจะเป็นพวกข้าราชการกรมคลัง แต่คงไม่มากนัก
มีตัวอย่างล่ามคนหนึ่งที่ติดตามคณะทูตชุดออกพระวิสุทสุนธร(ปาน)ไปฝรั่งเศส เป็นลูกครึ่งโปรตุเกสชื่อฟร็องซัวร์ ปิเนโร(François Pinheiro) เป็นล่ามฝรั่งเศสครับ พ่อของเขาชื่อแวงซัง ปิเนโร(Vincent Pinheiro)ก็เป็นล่ามเหมือนกันโดยในสมัยสมเด็จพระเพทราชามีบรรดาศักดิ์เป็น 'หล่วงวร่วาที มีบันดาสักดีดาบ่ทอง' ตามทำเนียบในกฎหมายตราสามดวงกล่าวว่าเป็นตำแหน่งของล่ามฝรั่งเศส
นอกจากนี้ยังมีล่ามอีกหลายตำแหน่งแต่ไม่ได้บอกว่าล่ามภาษาอะไร ปรากฏแต่ล่ามอังกฤษคือหมื่นทิพวาจา หมื่นเทพวาจา สังกัดกรมท่าซ้ายครับ
แสดงความคิดเห็น
ภาษาสมัยยุคกรุงศรี