ผมเสนอแนะว่า ใครที่เห็นราคาทองลงมากๆ แล้วอยากซื้อ ควรจะใช้วิธีการทยอยซื้อในสัดส่วนทีละน้อย มากกว่าการซื้อทีเดียวในปริมาณมากๆ โดยหวังว่าราคาจะมีการเด้งขึ้นแรงในระยะสั้น ผมคาดว่าตอนนี้คงยังไม่มีโมเมนตัมรุนแรงลักษณะนั้นในเร็วๆนี้ครับ
ห้าปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าเป็นช่วงที่ ไฮเปอร์ทอง แต่ในที่สุดแล้วผมเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคงจะกลับไปสู่ธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่หวือหวาอย่างที่เคยเป็นขนาดปีละ 30-40% ซึ่งถือว่าผิดธรรมชาติ
การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของราคาทองหรือราคาหุ้นนั้น ผมมองว่าเป็น Natural elimination หลังจากมีการเพิ่มของราคาที่มีความผิดปกติมากเกิดขึ้น ก็จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้มันเปลี่ยนกลับไปสู่จุดที่เป็นปกติ
คนไทยส่วนใหญ่เวลาลงทุนในทองคำ จะถนัดขาซื้อ นิยมออมเป็นทอง แต่ไม่ค่อยถนัดขาย เราเองก็เป็นห่วงและคอยระมัดระวังให้ลูกค้าเสมอ ซึ่งความจริงแม้แต่ในช่วงขาลงนั้น หากผู้ลงทุนมีข้อมูลที่มากพอ ก็ยังสามารถทำกำไรจากการซื้อขายเป็นรอบได้ เพราะเมื่อราคาลงก็จะมีการรีบาวน์ในช่วงสั้นๆ
สำหรับเศรษฐกิจโลก ผมคิดว่าถ้าแยกพิจารณาเป็นส่วนๆ ผมว่าปัญหาในยุโรปคงดำเนินต่อไปอีกนาน เพราะมันเป็นเรื่องของโครงสร้างสังคม วิธีการใช้ชีวิตที่มี Subsidy เยอะเกิน คนมีความกระตือรือร้นในการทำงานน้อย ถ้าสังเกตดีๆ คนในยุโรปทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมง พักกลางวันตั้งสามชั่วโมง productivity ในการผลิตน้อยลงขนาดนั้น เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ งานก็ทำน้อย เงินก็น้อย ประชานิยมเยอะ สุดท้ายก็จะวนเป็น spiral ไปเรื่อยๆ ผมมองว่า มันต้องมี structural change อย่างชัดเจนที่ทำให้คนของเขาขยันขึ้น ซึ่งมันคงต้องเป็นการแตกหักของรัฐบาลที่จะไม่ยอมเรื่องการสนับสนุนที่เยอะเกินไป เช่น ใครตกงานก็ยังมี standard living เท่าคนทำงานได้ ในการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างต้องใช้เวลานานมาก กลับกันที่อเมริกา ผมมองว่าคนส่วนมากยังขยันทำงาน เพียงแต่มีการใช้จ่ายเงินทองเยอะ มีการนำเงินในอนาคตมาใช้กับปัจจุบันมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น Housing Loan หรือ car leasing จึงเกิดปัญหาเรื่องซับไพรม์ขึ้น แต่หากตอนนี้ทุกอย่างมันมีการแก้ไข มีการเปลี่ยนแปลง โอกาสที่อเมริกาจะฟื้นตัวได้เร็วก็มีสูงมาก เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่สร้างกติกาโลก ยกตัวอย่างเช่น การที่เขาปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ำติดดิน อัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างบ้าคลั่ง ผมว่า มันคือ money game นะ ให้เงินมัน Surplus ล้นจากอเมริกาให้หมด แล้ว ณ วันหนึ่ง พอดอลลาร์มูลค่าด้อย อเมริกาติดหนี้คนจีนซึ่งเป็นหนี้สินดอลลาร์ มูลค่าหนี้สินมันก็น้อยค่าลง พูดง่ายๆ มันก็คือเกมที่เค้าเป็นเจ้ามือ การที่เขาอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ เงินไหลไปทั่วโลก มา extract yield ในประเทศไทย ในตลาดหุ้น ตลาดบอนด์ พอสุดท้ายเขาดูดเงินทั้งระบบกลับ การที่เขาควบคุมเกมการเงินได้ทั้งโลกแบบนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะฟื้นตัวได้เร็วจึงมีมากกว่า
สำหรับจีน ผมมองว่า การที่เขาปกครองในระบอบคอมมูนิสต์ รัฐบาลแข็งแรงในการบริหารจัดการมาก ในระยะสั้นๆ คงไม่มี hard landing เกิดขึ้นในจีน เพราะจีนเป็น Real Sector และเป็น Real Consumption แต่ที่ผ่านมา การที่เศรษฐกิจจีน slow down เป็นเพราะเขาไปอัดเรื่อง Infrastructure เยอะ แล้วพอเศรษฐกิจโลกมันไม่ดีมาก ยังไงของจีนผลิตมาก็ต้องขายใครสักคน แม้ local consumption จะมีมาก แต่การส่งออกก็สำคัญกว่า พอทั่วโลก slow down จีนก็เลยสะดุด อย่างไรก็ดี ความสามารถในการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของรัฐบาล การบริหารนโยบายทางการเงินเพื่อไม่ให้มีวิกฤตจะทำได้ดีกว่าหลายๆประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมดอกเบี้ย การตรึงค่าเงิน เขาสามารถคุมได้ชัดเจนจนเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดความเสียหาย
============
อันนี้คัดมาเฉพาะมุมมองเรื่องทองนะคะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์
ถ้าใครอยากอ่านเต็มๆ ก็เชิญที่ลิงค์นี้นะค้า >>
http://www.dooqo.com/?p=2778
ทองขึ้น...ไม่เคยมากับข่าวดี เพิ่งสัมภาษณ์ผู้บริหาร GBX มาสดๆร้อนๆ เรื่องเงินๆทองๆ เลยเอามาฝากค่ะ
ผมเสนอแนะว่า ใครที่เห็นราคาทองลงมากๆ แล้วอยากซื้อ ควรจะใช้วิธีการทยอยซื้อในสัดส่วนทีละน้อย มากกว่าการซื้อทีเดียวในปริมาณมากๆ โดยหวังว่าราคาจะมีการเด้งขึ้นแรงในระยะสั้น ผมคาดว่าตอนนี้คงยังไม่มีโมเมนตัมรุนแรงลักษณะนั้นในเร็วๆนี้ครับ
ห้าปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าเป็นช่วงที่ ไฮเปอร์ทอง แต่ในที่สุดแล้วผมเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคงจะกลับไปสู่ธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่หวือหวาอย่างที่เคยเป็นขนาดปีละ 30-40% ซึ่งถือว่าผิดธรรมชาติ
การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของราคาทองหรือราคาหุ้นนั้น ผมมองว่าเป็น Natural elimination หลังจากมีการเพิ่มของราคาที่มีความผิดปกติมากเกิดขึ้น ก็จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้มันเปลี่ยนกลับไปสู่จุดที่เป็นปกติ
คนไทยส่วนใหญ่เวลาลงทุนในทองคำ จะถนัดขาซื้อ นิยมออมเป็นทอง แต่ไม่ค่อยถนัดขาย เราเองก็เป็นห่วงและคอยระมัดระวังให้ลูกค้าเสมอ ซึ่งความจริงแม้แต่ในช่วงขาลงนั้น หากผู้ลงทุนมีข้อมูลที่มากพอ ก็ยังสามารถทำกำไรจากการซื้อขายเป็นรอบได้ เพราะเมื่อราคาลงก็จะมีการรีบาวน์ในช่วงสั้นๆ
สำหรับเศรษฐกิจโลก ผมคิดว่าถ้าแยกพิจารณาเป็นส่วนๆ ผมว่าปัญหาในยุโรปคงดำเนินต่อไปอีกนาน เพราะมันเป็นเรื่องของโครงสร้างสังคม วิธีการใช้ชีวิตที่มี Subsidy เยอะเกิน คนมีความกระตือรือร้นในการทำงานน้อย ถ้าสังเกตดีๆ คนในยุโรปทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมง พักกลางวันตั้งสามชั่วโมง productivity ในการผลิตน้อยลงขนาดนั้น เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ งานก็ทำน้อย เงินก็น้อย ประชานิยมเยอะ สุดท้ายก็จะวนเป็น spiral ไปเรื่อยๆ ผมมองว่า มันต้องมี structural change อย่างชัดเจนที่ทำให้คนของเขาขยันขึ้น ซึ่งมันคงต้องเป็นการแตกหักของรัฐบาลที่จะไม่ยอมเรื่องการสนับสนุนที่เยอะเกินไป เช่น ใครตกงานก็ยังมี standard living เท่าคนทำงานได้ ในการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างต้องใช้เวลานานมาก กลับกันที่อเมริกา ผมมองว่าคนส่วนมากยังขยันทำงาน เพียงแต่มีการใช้จ่ายเงินทองเยอะ มีการนำเงินในอนาคตมาใช้กับปัจจุบันมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น Housing Loan หรือ car leasing จึงเกิดปัญหาเรื่องซับไพรม์ขึ้น แต่หากตอนนี้ทุกอย่างมันมีการแก้ไข มีการเปลี่ยนแปลง โอกาสที่อเมริกาจะฟื้นตัวได้เร็วก็มีสูงมาก เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่สร้างกติกาโลก ยกตัวอย่างเช่น การที่เขาปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ำติดดิน อัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างบ้าคลั่ง ผมว่า มันคือ money game นะ ให้เงินมัน Surplus ล้นจากอเมริกาให้หมด แล้ว ณ วันหนึ่ง พอดอลลาร์มูลค่าด้อย อเมริกาติดหนี้คนจีนซึ่งเป็นหนี้สินดอลลาร์ มูลค่าหนี้สินมันก็น้อยค่าลง พูดง่ายๆ มันก็คือเกมที่เค้าเป็นเจ้ามือ การที่เขาอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ เงินไหลไปทั่วโลก มา extract yield ในประเทศไทย ในตลาดหุ้น ตลาดบอนด์ พอสุดท้ายเขาดูดเงินทั้งระบบกลับ การที่เขาควบคุมเกมการเงินได้ทั้งโลกแบบนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะฟื้นตัวได้เร็วจึงมีมากกว่า
สำหรับจีน ผมมองว่า การที่เขาปกครองในระบอบคอมมูนิสต์ รัฐบาลแข็งแรงในการบริหารจัดการมาก ในระยะสั้นๆ คงไม่มี hard landing เกิดขึ้นในจีน เพราะจีนเป็น Real Sector และเป็น Real Consumption แต่ที่ผ่านมา การที่เศรษฐกิจจีน slow down เป็นเพราะเขาไปอัดเรื่อง Infrastructure เยอะ แล้วพอเศรษฐกิจโลกมันไม่ดีมาก ยังไงของจีนผลิตมาก็ต้องขายใครสักคน แม้ local consumption จะมีมาก แต่การส่งออกก็สำคัญกว่า พอทั่วโลก slow down จีนก็เลยสะดุด อย่างไรก็ดี ความสามารถในการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของรัฐบาล การบริหารนโยบายทางการเงินเพื่อไม่ให้มีวิกฤตจะทำได้ดีกว่าหลายๆประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมดอกเบี้ย การตรึงค่าเงิน เขาสามารถคุมได้ชัดเจนจนเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดความเสียหาย
============
อันนี้คัดมาเฉพาะมุมมองเรื่องทองนะคะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์
ถ้าใครอยากอ่านเต็มๆ ก็เชิญที่ลิงค์นี้นะค้า >> http://www.dooqo.com/?p=2778